คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ส่อง สุขะปุณณพันธ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 451 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อฉลในการโอนเช็คและการยกข้อต่อสู้ของผู้รับอาวัลต่อผู้ทรงคนก่อน
การที่ ช. ยอมตกลงกับจำเลยซึ่งเป็นผู้รับอาวัลเช็คว่า จำเลยไม่จำต้องรับผิดชอบในการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท โดย ช. จะไปเรียกเก็บเอากับผู้สั่งจ่ายเองภายหลัง ช. จัดการโอนเช็คพิพาทไปให้โจทก์ โดยหวังว่าโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิได้เกี่ยวข้องกับข้อตกลงดังกล่าวจะได้ใช้สิทธิในฐานะผู้ทรงฟ้องบังคับเอากับจำเลยได้นั้น พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมเป็นการฉ้อฉลโดยตรง จำเลยจึงชอบที่จะยกข้อต่อสู้อันมีอยู่กับ ช. ตามข้อตกลงดังกล่าวขึ้นใช้ยันโจทก์ได้ และปัญหานี้มิใช่เป็นกรณีตามมาตรา 940โจทก์จึงไม่อาจอ้างเงื่อนไขของบทบัญญัติมาตรา นี้มาใช้ปิดปากจำเลยในอันที่จะยกข้อต่อสู้ตามมาตรา 916 ขึ้นใช้ยันโจทก์เพื่อปฏิเสธความรับผิดได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ภาษีอากรยังไม่ถึงที่สุดก่อนฟ้องล้มละลาย ทำให้ไม่สามารถนำมาฟ้องได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
หนี้ภาษีอากรซึ่งโจทก์ประเมินแต่มิได้แจ้งการประเมินให้จำเลยทราบโดยชอบ ทำให้จำเลยไม่อาจใช้สิทธิอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์นั้นเป็นหนี้ที่ไม่อาจกำหนดจำนวนได้แน่นอนตามมาตรา 9(3) ของ พ.ร.บ. ล้มละลาย พุทธศักราช 2483 เพราะอาจถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิกถอนโดยคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะนำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องให้จำเลยล้มละลาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ประมาทเลินเล่อ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบราชการ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
โจทก์และจำเลยที่ 2 กับพวกเคยถูกฟ้องเรื่องละเมิดและผิดสัญญา ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 5 รับผิดในฐานะคู่สัญญาส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้องคดีถึงที่สุด โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยที่ 2 กับพวกเรื่องละเมิดและเรียกทรัพย์คืน ดังนี้คดีก่อนโจทก์กับจำเลยไม่ใช่คู่ความรายเดียวกันและไม่ใช่ประเด็นอย่างเดียวกันกับคดีนี้ จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยที่ 2 ซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติราชการตามกฎหมายซึ่งกำหนดให้ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการโดยเคร่งครัดการที่จำเลยที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อระเบียบของทางราชการโดยชัดแจ้ง ดังนี้เป็นการประมาทเลินเล่อ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งการปฏิเสธการจ่ายเช็คและการนับอายุความคดีเช็ค การแจ้งตามความเป็นจริงเป็นสำคัญ
โจทก์นำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคาร ส. เพื่อให้เรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อวันที่3,4 และ 8 เมษายน 2529 ทั้งสามครั้ง และธนาคารตามเช็คแจ้งให้ธนาคาร ส.ทราบเมื่อวันที่8เมษายน2529ธนาคารส. แจ้งให้โจทก์ทราบเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2529 พร้อมกับส่งเช็คและใบคืนเช็คให้ด้วย แม้ด้านหลังเช็คพิพาทมีข้อความระบุชัดว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันใด แต่ขณะนั้นเช็คยังคงอยู่ที่ธนาคาร และโจทก์ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ต้องถือว่าโจทก์ทราบว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่ 9 เมษายน 2529 จะให้ถือว่าโจทก์ทราบว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินมาก่อนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3เมษายน 2529 และนับอายุความย้อนหลังตั้งแต่วันนั้นไม่ได้ โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2529 จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีเช็ค: การแจ้งปฏิเสธการจ่ายเงินและวันที่โจทก์ทราบ
โจทก์นำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคาร ส. เพื่อให้เรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อวันที่ 3,4 และ 8 เมษายน 2529 ทั้งสามครั้ง และธนาคารตามเช็คแจ้งให้ธนาคาร ส.ทราบเมื่อวันที่8เมษายน2529ธนาคารส. แจ้งให้โจทก์ทราบเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2529 พร้อมกับส่งเช็คและใบคืนเช็คให้ด้วย แม้ด้านหลังเช็คพิพาทมีข้อความระบุชัดว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันใด แต่ขณะนั้นเช็คคงอยู่ที่ธนาคาร และโจทก์ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ต้องถือว่าโจทก์ทราบว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่ 9 เมษายน 2529 จะให้ถือว่าโจทก์ทราบว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินมาก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2529 และนับอายุความย้อนหลังตั้งแต่วันนั้นไม่ได้ โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2529 จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีเช็ค: การเริ่มต้นนับอายุความเมื่อโจทก์ทราบการปฏิเสธการจ่ายเงิน
โจทก์นำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคาร ส. เพื่อให้เรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อวันที่ 3,4 และ 8 เมษายน 2529 ทั้งสามครั้ง และธนาคารตามเช็คแจ้งให้ธนาคาร ส. ทราบเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2529 ธนาคาร ส. แจ้งให้โจทก์ทราบเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2529 พร้อมกับส่งเช็คและใบคืนเช็คให้ด้วย แม้ด้านหลังเช็คพิพาทมีข้อความระบุชัดว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันใด แต่ขณะนั้นเช็คคงอยู่ที่ธนาคาร และโจทก์ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ต้องถือว่าโจทก์ทราบว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่ 9 เมษายน 2529 จะให้ถือว่าโจทก์ทราบว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินมาก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2529 และนับอายุความย้อนหลังตั้งแต่วันนั้นไม่ได้ โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2529 จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเปิดบัญชีกระแสรายวัน: ข้อจำกัดดอกเบี้ยทบต้น และอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย
จำเลยที่ 3 ทำสัญญาเปิดบัญชีกระแสรายวันกับธนาคารเจ้าหนี้โดยมีข้อตกลงว่า ถ้าหากธนาคารจ่ายเงินตามเช็คให้เกินจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีของจำเลยที่ 3 ไป จำเลยที่ 3ยอมใช้เงินส่วนที่ธนาคารจ่ายเกินบัญชีให้ธนาคารพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดตามกฎหมาย แต่ไม่มีข้อตกลงให้มีการตัดทอนบัญชีหนี้สินระหว่างกันอันมีลักษณะเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัด และถือไม่ได้ว่าเป็นการค้าขายอย่างอื่นในทำนองเช่นว่านั้นอันจะคิดดอกเบี้ยทบต้นกันได้ ธนาคารเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้น
คำขอเปิดบัญชีกระแสรายวันระบุว่า ผู้ฝากยอมให้ดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดตามกฎหมาย มิได้กำหนดอัตราที่แน่นอนไว้โดยนิติกรรม และไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยตรงว่าให้คิดดอกเบี้ยได้ในอัตราเท่าใด กรณีจึงต้องบังคับตาม ป.พ.พ. มาตรา 7ที่ให้ใช้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลมีอำนาจพิพากษาล้มละลายได้ แม้จำเลยอุทธรณ์คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยคดีล้มละลายต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน
พ.ร.บ.ล้มละลาย ฯ มาตรา 61 เป็นบทบังคับให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายทันที เมื่อได้ดำเนินคดีตามขั้นตอนของมาตราดังกล่าวครบถ้วนแล้วส่วนปัญหาที่จำเลยฎีกาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาไม่กระทบกระเทือนถึงการที่ศาลชั้นต้นจะดำเนินคดีล้มละลายต่อไปตามขั้นตอน เพราะคดีล้มละลายต้องกระทำโดยเร่งด่วน ตามมาตรา 13 หากต่อมาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเปลี่ยนแปลงไป คำพิพากษาให้จำเลยล้มละลายก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพราะการล้มละลายเริ่มต้นมีผลตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 62

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีล้มละลาย: ศาลพิพากษาล้มละลายได้แม้จำเลยอุทธรณ์คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เนื่องจากขั้นตอนตามกฎหมายครบถ้วน
พระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลายฯ มาตรา 61 เป็นบทบังคับให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายทันที เมื่อได้ดำเนินคดีตามขั้นตอนของมาตราดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ส่วนปัญหาที่จำเลยฎีกาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาไม่กระทบกระเทือนถึงการที่ศาลชั้นต้นจะดำเนินคดีล้มละลายต่อไปตามขั้นตอน เพราะคดีล้มละลายต้องกระทำโดยเร่งด่วนตามมาตรา 13 หากต่อมาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเปลี่ยนแปลงไป คำพิพากษาให้จำเลยล้มละลายก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพราะการล้มละลายเริ่มต้นมีผลตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 62

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาล้มละลายหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แม้มีการอุทธรณ์คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
พ.ร.บ.ล้มละลาย ฯ มาตรา 61 เป็นบทบังคับให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายทันที เมื่อได้ดำเนินคดีตามขั้นตอนของมาตราดังกล่าวครบถ้วนแล้วส่วนปัญหาที่จำเลยฎีกาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาไม่กระทบกระเทือนถึงการที่ศาลชั้นต้นจะดำเนินคดีล้มละลายต่อไปตามขั้นตอน เพราะคดีล้มละลายต้องกระทำโดยเร่งด่วน ตามมาตรา 13 หากต่อมาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเปลี่ยนแปลงไป คำพิพากษาให้จำเลยล้มละลายก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพราะการล้มละลายเริ่มต้นมีผลตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 62.
of 46