พบผลลัพธ์ทั้งหมด 451 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1437/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งต้องผูกพันตามคำพิพากษาคดีอาญา หากข้อเท็จจริงเป็นประเด็นเดียวกัน
โจทก์ได้เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ ศาลในคดีอาญาฟังว่าจำเลยไม่ได้บุกรุกและพิพากษายกฟ้อง คดีอาญาถึงที่สุด โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งฐานละเมิดซึ่งข้อเท็จจริงที่จะต้องวินิจฉัยเป็นมูลกรณีเดียวกันคือ จำเลยได้บุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ ศาลในคดีแพ่งจึงจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาที่ว่าจำเลยมิได้บุกรุกที่ดินของโจทก์ ตามบทบัญญัติมาตรา 46 แห่งป.วิ.อ..(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1437/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งต้องผูกพันตามคำพิพากษาคดีอาญา หากข้อเท็จจริงเป็นมูลเดียวกัน
โจทก์ได้เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ศาลในคดีอาญาฟังว่าจำเลยไม่ได้บุกรุกและพิพากษายกฟ้อง คดีอาญาถึงที่สุด โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งฐานละเมิดซึ่งข้อเท็จจริงที่จะต้องวินิจฉัยเป็นมูลกรณีเดียวกันคือ จำเลยได้บุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ ศาลในคดีแพ่งจึงจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาที่ว่าจำเลยมิได้บุกรุกที่ดินของโจทก์ ตามบทบัญญัติมาตรา 46 แห่ง ป.วิ.อ..
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงและการออกเช็คเด้งเป็นความผิดต่างกรรมกัน โจทก์ฎีกาฟังขึ้น ศาลนับโทษเฉพาะคดีที่มีคำพิพากษาแล้ว
จำเลยหลอกลวงและได้ไปซึ่งทรัพย์ตามที่หลอกลวงจากผู้เสียหายอันเป็นความผิดสำเร็จฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 แล้ว ในวันต่อมาจึงได้ออกเช็คมอบให้ผู้เสียหายเพื่อเป็นการชำระหนี้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำต่างหากจากการกระทำอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงในตอนต้น เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 อีกกรรมหนึ่ง
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องกำกวมก็ดี จำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงก็ดี เมื่อฎีกาของจำเลยไม่มีสาระว่าฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)อย่างไร ทั้งจำเลยก็รับสารภาพตามฟ้อง ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นของศาลชั้นต้นหลายคดี แต่ปรากฏจากคำร้องของโจทก์ว่าศาลพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วเพียงคดีเดียว จึงนับโทษต่อได้เฉพาะคดีดังกล่าวเท่านั้น.
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องกำกวมก็ดี จำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงก็ดี เมื่อฎีกาของจำเลยไม่มีสาระว่าฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)อย่างไร ทั้งจำเลยก็รับสารภาพตามฟ้อง ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นของศาลชั้นต้นหลายคดี แต่ปรากฏจากคำร้องของโจทก์ว่าศาลพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วเพียงคดีเดียว จึงนับโทษต่อได้เฉพาะคดีดังกล่าวเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉ้อโกงและการออกเช็คที่ไม่มีเงินรองรับ เป็นความผิดหลายกรรม
จำเลยหลอกลวงขอซื้อข้าวเปลือกจากโจทก์ร่วมโดยอ้างว่าตน มีเงินพอชำระค่าข้าวเปลือกได้ โจทก์ร่วมหลงเชื่อจึงมอบข้าวเปลือกที่ขายให้จำเลยไปในวันนั้น ต่อมาวันรุ่งขึ้นจำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คมอบให้โจทก์ร่วมชำระหนี้ค่าข้าวเปลือกดังกล่าว ดังนี้ จำเลยหลอกลวงจนได้ทรัพย์ของโจทก์ร่วมอันเป็นความผิดสำเร็จฐานฉ้อโกง ตาม ป.อ. มาตรา 341 แล้ว การที่จำเลยได้ออกเช็คมอบให้โจทก์ร่วมในวันต่อมาจึงเป็นการกระทำต่างหากจากการกระทำอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงในตอนต้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงและการออกเช็คโดยไม่มีเจตนาให้ใช้ได้เป็นความผิดต่างกรรมกัน และการนับโทษต่อจากคดีอื่น
จำเลยหลอกลวงและได้ไปซึ่งทรัพย์ตามที่หลอกลวงจากผู้เสียหายอันเป็นความผิดสำเร็จฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341แล้ว ในวันต่อมาจึงได้ออกเช็คมอบให้ผู้เสียหายเพื่อเป็นการชำระหนี้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำต่างหากจากการกระทำอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงในตอนต้น เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 อีกกรรมหนึ่ง
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องกำกวมก็ดี จำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงก็ดี เมื่อฎีกาของจำเลยไม่มีสาระว่าฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)อย่างไร ทั้งจำเลยก็รับสารภาพตามฟ้อง ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นของศาลชั้นต้นหลายคดี แต่ปรากฏจากคำร้องของโจทก์ว่าศาลพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วเพียงคดีเดียว จึงนับโทษต่อได้เฉพาะคดีดังกล่าวเท่านั้น.
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องกำกวมก็ดี จำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงก็ดี เมื่อฎีกาของจำเลยไม่มีสาระว่าฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)อย่างไร ทั้งจำเลยก็รับสารภาพตามฟ้อง ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นของศาลชั้นต้นหลายคดี แต่ปรากฏจากคำร้องของโจทก์ว่าศาลพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วเพียงคดีเดียว จึงนับโทษต่อได้เฉพาะคดีดังกล่าวเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินจากการกู้ยืมเงินและสละการครอบครองโดยผู้กู้
สัญญากู้ระบุว่าเมื่อครบ 6 เดือนนับแต่วันกู้เงิน หากผู้กู้ไม่นำเงินมาชำระ ผู้กู้ยอมให้ที่นา ส.ค. 1 ตกเป็นของผู้ให้กู้ โดยเหตุนี้เมื่อสัญญากู้ครบกำหนดตามที่ระบุไว้ในสัญญา โดยเหตุนี้เมื่อสัญญากู้ครบกำหนดตามที่ระบุไว้ในสัญญา ผู้กู้ไม่นำเงินกู้มาชำระ การครอบครองที่นาของผู้ให้กู้จึงเป็นการครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ โดยถือว่าผู้กู้เจ้าของเดิมสละการครอบครองแล้ว ผู้ให้กู้ย่อมได้สิทธิครอบครองในที่นาดังกล่าว เมื่อโจทก์ทั้งสองครอบครองที่นานั้นต่อมาจากผู้ให้กู้ซึ่งถึงแก่กรรม โจทก์ทั้งสองย่อมได้สิทธิครอบครองในที่นาด้วย.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962-963/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินวัด: การอุทิศที่ดินโดยพระมหากษัตริย์และการครอบครองโดยโจทก์
การรับฟังข้อเท็จจริงว่าพระเจ้าทรงธรรมทรงอุทิศที่ป่ารอบรอยพระพุทธบาทเป็นบริเวณออกไปหนึ่งโยชน์ หรือ 16 กิโลเมตรเพื่อสร้างวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ที่มีมานานกว่า 300 ปีโดยไม่มีผู้รู้เห็นโดยตรงหลงเหลืออยู่ จะต้องรับฟังจากคำบอกเล่า และเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือได้เป็นสำคัญ.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอฟังลงโทษคดีข่มขืน การรับฟังพยานบอกเล่าและการขาดรายละเอียดคำรับสารภาพ
โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเป็นพยาน คงมีแต่คำให้การในชั้นสอบสวนของผู้เสียหายว่าจำเลยข่มขืนผู้เสียหายหลายครั้งพยานของโจทก์ปากอื่นก็ล้วนแต่ได้รับฟังการบอกเล่ามาจากผู้เสียหาย ส่วนคำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยก็ไม่มีรายละเอียดว่าผู้เสียหายถูกข่มขืนกระทำชำเราที่ไหนอย่างไรจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนและชั้นศาลตลอดมา พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่พอฟังลงโทษจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่พอฟังลงโทษคดีข่มขืน จำเลยปฏิเสธตลอด
โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเป็นพยาน คงมีแต่คำให้การในชั้นสอบสวนของผู้เสียหายว่าจำเลยข่มขืนผู้เสียหายหลายครั้ง พยานของโจทก์ปากอื่นก็ล้วนแต่ได้รับฟังการบอกเล่ามาจากผู้เสียหาย ส่วนคำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยก็ไม่มีรายละเอียดว่าผู้เสียหายถูกข่มขืนกระทำชำเราที่ไหนอย่างไรจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนและชั้นศาลตลอดมา พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่พอฟังลงโทษจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการประนีประนอมยอมความในคดีเช็ค: การระงับหนี้และผลกระทบต่อคดีอาญา
หลังจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ โจทก์ร่วมได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความระบุว่าจำเลยทั้งสองกับพวก เป็นหนี้โจทก์ร่วมทั้งหมดเป็นเงิน 6,500,000 บาท และโจทก์ร่วมลดหนี้ให้เหลือเป็นจำนวนเงิน 4,600,000 บาทเช็คฉบับพิพาทเป็นเช็คที่อยู่ในจำนวนหนี้ 6,500,000 บาท หนี้ตามเช็คพิพาทจึงระงับไปแล้วตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้ เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 4 ระบุว่า คู่สัญญาคือโจทก์และจำเลยทั้งสองจะถอนฟ้องซึ่งกันและกันซึ่งหมายถึงถอนฟ้องจำเลยในคดีนี้ด้วย ถือได้ว่าเป็นการยอมความในคดีอาญาแล้ว