คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
คำนึง อุไรรัตน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 368 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นค่าภาระท่าเรือ: สินค้าเคมีเหลวเข้าข่าย 'น้ำมันเชื้อเพลิง' ตามกฎหมาย, จำเลยต้องคืนเงินมัดจำ
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจำเลยได้กำหนดให้สินค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่อนุญาตให้ผู้นำเข้านำเรือไปจอดขนถ่ายสินค้านอกเขตท่าของจำเลยได้และยกเว้นให้ผู้นำเข้าไม่ต้องเสียค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขนขึ้นท่า ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าสินค้าเคมีเหลวที่โจทก์นำเข้าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ตามความหมายของคำวิเคราะห์ศัพท์คำว่า น้ำมันเชื้อเพลิง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2474 มาตรา 3และสินค้าเคมีเหลวดังกล่าวก็มีชื่อตรงกันกับที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดชนิดของเหลวต่าง ๆ ที่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2474 สินค้าเคมีเหลวของโจทก์จึงเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงและได้รับยกเว้นการเรียกเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขนขึ้นท่าตามที่จำเลยได้กำหนดไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเว้นค่าธรรมเนียมท่าเรือสำหรับสินค้าเคมีเหลวที่เข้าข่ายเป็น 'น้ำมันเชื้อเพลิง' ตามประกาศและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจำเลยได้กำหนดให้สินค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่อนุญาตให้ผู้นำเข้านำเรือไปจอดขนถ่ายสินค้านอกเขตท่าของจำเลยได้และยกเว้นให้ผู้นำเข้าไม่ต้องเสียค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขนขึ้นท่า ดังนั้นเมื่อปรากฏว่าสินค้าเคมีเหลวที่โจทก์นำเข้าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ตามความหมายของคำวิเคราะห์ศัพย์คำว่า น้ำมันเชื้อเพลิง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2474มาตรา 3 และสินค้าเคมีเหลวดังกล่าวก็มีชื่อตรงกันกับที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดชนิดของเหลวต่าง ๆ ที่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2474 สินค้าเคมีเหลวของโจทก์จึงเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงและได้รับยกเว้นการเรียกเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขนขึ้นท่าตามที่จำเลยได้กำหนดไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขนส่งทางทะเล กรณีสินค้าสูญหาย และอายุความในการฟ้องร้องค่าเสียหาย
เรือต้องคลื่นลมแรงและสภาวะอากาศที่เลวร้ายมากในระหว่างทาง เมื่อไม่ปรากฏว่าคลื่นลมและสภาวะอากาศดังกล่าวมีความร้ายแรงถึงขนาดที่ไม่อาจจะป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่สินค้าในเรือได้ คลื่นลมและสภาวะอากาศเช่นนั้นจึงมิใช่เหตุสุดวิสัยตาม ป.พ.พ. มาตรา 8 อันจะทำให้ผู้ขนส่งหลุดพ้นความรับผิดในกรณีสินค้าสูญหายระหว่างการขนส่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 616
ป.พ.พ. มาตรา 824 บัญญัติให้ตัวแทนในประเทศรับผิดแทนตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศต่อบุคคลภายนอกก็เฉพาะแต่กรณีที่ตัวแทนผู้นั้นได้ทำสัญญากับบุคคลภายนอกแทนตัวการเท่านั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำสัญญาขนส่งสินค้ากับบุคคลภายนอกแทนตัวการ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญาดังกล่าวแต่ลำพังตนเอง
จำเลยเป็นผู้ทำหน้าที่ขนถ่ายสินค้าจากเรือไปเก็บในคลังสินค้า เป็นผู้จัดหาผู้รับเหมามาจัดการขนถ่ายสินค้า เป็นตัวแทนเรือเดินทะเลหลายบริษัทรวมทั้งบริษัทฟ. ซึ่งไม่มีตัวแทนอื่นในประเทศไทย และหากมีผู้ใดต้องการส่งสินค้าโดยเรือของบริษัท ฟ. จำเลยจะเป็นผู้รับติดต่อและเป็นผู้ออกใบตราส่งให้แก่ผู้ส่งสินค้า และเก็บค่าระวางเรือส่งไปให้เจ้าของเรือ เมื่อเรือของบริษัทดังกล่าวมาถึงประเทศไทยจำเลยมีหน้าที่ต้องติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการขนถ่ายสินค้า แจ้งให้ลูกค้าผู้สั่งซื้อสินค้าทราบถึงกำหนดเรือเข้า ออกใบปล่อยสินค้าเพื่อให้ลูกค้านำไปขอรับสินค้า และจำเลยรับเอาใบตราส่งจากลูกค้าไว้ พฤติการณ์เช่นนี้ของจำเลยเป็นลักษณะร่วมกันขนส่งสินค้าและเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเลโดยจำเลยทำหน้าที่ผู้ขนส่งทอดหลังที่สุด จำเลยจึงต้องรับผิดร่วมด้วยในกรณีสินค้าที่ขนส่งสูญหายตาม ป.พ.พ. มาตรา 618 ซึ่งเป็นบทกฎหมายใกล้เคียงกับกฎหมายว่าด้วยการรับขนทางทะเล
การรับขนของจากต่างประเทศมายังประเทศไทยทางทะเล แม้ของจะมาถึงประเทศไทยแล้ว ก็ยังเป็นสัญญาในการรับขนของทางทะเล ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายและข้อบังคับว่าด้วยการรับขนทางทะเลโดยเฉพาะการเรียกร้องค่าเสียหายจึงต้องใช้อายุความทั่วไปตาม ป.พ.พ.มาตรา 164 มีกำหนด 10 ปี ซึ่งเป็นบทกฎหมายใกล้เคียงยิ่งกว่าที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. ลักษณะ 8 เรื่องรับขน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด: ความไม่สุจริตและเจตนาของผู้รับโอน
ผู้ร้องจดทะเบียนรับโอนรถยนต์ของกลางมาจากผู้ให้เช่าซื้อหลังจากทราบว่าจำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำผิดและถูกเจ้าพนักงานยึดไว้ ส่อให้เห็นความไม่สุจริตของผู้ร้อง ทั้งคดียังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด จึงคืนรถยนต์ของกลางที่สั่งริบให้ผู้ร้องไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์หลังเกิดเหตุ และความสุจริตของผู้ร้องในการซื้อขาย
ผู้ร้องจดทะเบียนรับโอนรถยนต์ของกลางมาจากผู้ให้เช่าซื้อหลังจากทราบว่าจำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำผิดและถูกเจ้าพนักงานยึดไว้ ส่อให้เห็นความไม่สุจริตของผู้ร้องทั้งคดียังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด จึงคืนรถยนต์ของกลางที่สั่งริบให้ผู้ร้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 615/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อ: การไม่ถือเวลาชำระเป็นสาระสำคัญ, เลิกสัญญาโดยปริยาย, ค่าใช้ทรัพย์
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดค้างชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดต่อกัน หรือผิดนัดค้างชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่สองงวดขึ้นไป ให้สัญญาเช่าซื้อเป็นอันยกเลิกเพิกถอนทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวให้ผู้เช่าซื้อทราบล่วงหน้า แต่การที่จำเลยค้างชำระค่าเช่าซื้อ 2 งวดติดต่อกันแล้ว โจทก์ยังยอมรับชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระโดยมิได้ทักท้วง ย่อมแสดงว่า ในทางปฏิบัติโจทก์จำเลยมิได้ถือเอากำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อเป็นสาระสำคัญต่อไป เมื่อจำเลยมิได้ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนดเวลาในสัญญา จะถือว่าจำเลยผิดนัดและสัญญาเช่าซื้อยกเลิกเพิกถอนไปไม่ได้หากโจทก์ประสงค์จะเลิกสัญญา โจทก์จะต้องบอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าซื้อภายในกำหนดเวลาที่สมควร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 เสียก่อน
การที่โจทก์ยึดรถคันเช่าซื้อคืนเพราะเหตุที่จำเลยไม่ชำรค่าเช่าซื้องวดต่อมา และจำเลยยินยอมให้ยึดโดยไม่ได้โต้แย้งถือได้ว่าโจทก์จำเลยต่างสมัครใจที่จะเลิกสัญญากันโดยปริยายนับแต่วันที่โจทก์ยึดรถคันเช่าซื้อคืน คู่สัญญาจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 613/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงคดีอาญา ไม่ถือเป็นการให้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้อื่น จึงไม่สามารถเพิกถอนการชำระหนี้ได้
จำเลยชำระหนี้ตามเช็คให้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ซึ่งศาลได้ประทับฟ้องและออกหมายจับจำเลยไว้แล้ว ดังนี้เป็นความจำเป็น มิใช่เป็นการกระทำที่มุ่งหมายให้โจทก์ได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 613/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงคดีอาญา ไม่ถือว่าเป็นการให้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้อื่น
จำเลยชำระหนี้ตามเช็คให้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาในความผิดต่อ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ซึ่งศาลได้ประทับฟ้องและออกหมายจับจำเลยไว้แล้ว ดังนี้เป็นความจำเป็น มิใช่เป็นการกระทำที่มุ่งหมายให้โจทก์ได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำทางสาธารณะและการละเมิดสิทธิในที่ดิน แม้มีทางเข้าออกอื่นแต่ไม่สะดวก ศาลพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหาย
คดีก่อนจำเลยถูกพนักงานอัยการศาลแขวงเป็นโจทก์ฟ้องข้อหาบุกรุกทางสาธารณะ ศาลแขวงมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาด ให้ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า ที่พิพาทอยู่นอกเขตทางสาธารณะและเป็นที่ดินของจำเลย แต่โจทก์ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีก่อนด้วย ดังนั้นจะถือเอาคำเบิกความของพยานและข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย มารับฟังในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณประโยชน์เป็นคดีนี้หาได้ไม่ การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนบนทางสาธารณประโยชน์ปิดกั้นทางเข้าออกที่ดินโจทก์ แม้โจทก์จะมีทางเข้าออกทางอื่นได้แต่เมื่อได้ความว่าไม่สะดวก การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกปาดทางสาธารณะและการละเมิดสิทธิการเข้าออกที่ดิน แม้มีทางอื่น
คดีก่อนจำเลยถูกพนักงานอัยการศาลแขวงเป็นโจทก์ฟ้องข้อหาบุกรุกทางสาธารณะ ศาลแขวงมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดให้ ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าที่พิพาทอยู่นอกเขตทางสาธารณะและเป็นที่ดินของจำเลย แต่โจทก์ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีก่อนด้วย ดังนั้นจะถือเอาคำเบิกความของพยานและข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย มารับฟังในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณประโยชน์เป็นคดีนี้หาได้ไม่
การที่จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนบนทางสาธารณประโยชน์ปิดกั้นทางเข้าออกที่ดินโจทก์ แม้โจทก์จะมีทางเข้าออกทางอื่นได้แต่เมื่อได้ความว่าไม่สะดวกการกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์.
of 37