พบผลลัพธ์ทั้งหมด 368 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4477/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน & การร้องสอดคดี: ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิเจ้าของที่ดินเดิม & ยกคำร้องสอดที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาท
โจทก์จำเลยต่างอ้าง อ.เป็นพยานร่วมกันในฐานะคนกลางแม้ต่อมาจำเลยจะยื่นคำร้องไม่ติดใจสืบพยานปากนี้ก็ตาม แต่เป็นเวลาภายหลังที่พยานเบิกความแล้ว จึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงน้ำหนักคำพยานดังกล่าวในฐานะพยานร่วมให้เสียไปแต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานไปรังวัดที่ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ และในการทำแผนที่พิพาท โจทก์ได้นำชี้ที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทว่าเป็นของโจทก์ด้วยนั้น ถือไม่ได้ว่าเจ้าของที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดินที่พิพาทกันระหว่างโจทก์กับจำเลย เจ้าของที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทนั้นจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องสอดเข้ามาในคดี ไม่ว่าในฐานะเป็นจำเลยร่วมหรือคู่ความฝ่ายที่สาม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานไปรังวัดที่ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ และในการทำแผนที่พิพาท โจทก์ได้นำชี้ที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทว่าเป็นของโจทก์ด้วยนั้น ถือไม่ได้ว่าเจ้าของที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดินที่พิพาทกันระหว่างโจทก์กับจำเลย เจ้าของที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทนั้นจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องสอดเข้ามาในคดี ไม่ว่าในฐานะเป็นจำเลยร่วมหรือคู่ความฝ่ายที่สาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4477/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท และการร้องสอดในคดีที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นหลัก
โจทก์จำเลยต่างอ้าง อ.เป็นพยานร่วมกันในฐานะคนกลางแม้ต่อมาจำเลยจะยื่นคำร้องไม่ติดใจสืบพยานปากนี้ก็ตาม แต่เป็นเวลาภายหลังที่พยานเบิกความแล้ว จึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงน้ำหนักคำพยานดังกล่าวในฐานะพยานร่วมให้เสียไปแต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานไปรังวัดที่ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ และในการทำแผนที่พิพาท โจทก์ได้นำชี้ที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทว่าเป็นของโจทก์ด้วยนั้น ถือไม่ได้ว่าเจ้าของที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดินที่พิพาทกันระหว่างโจทก์กับจำเลย เจ้าของที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทนั้นจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องสอดเข้ามาในคดี ไม่ว่าในฐานะเป็นจำเลยร่วมหรือคู่ความฝ่ายที่สาม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานไปรังวัดที่ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ และในการทำแผนที่พิพาท โจทก์ได้นำชี้ที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทว่าเป็นของโจทก์ด้วยนั้น ถือไม่ได้ว่าเจ้าของที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดินที่พิพาทกันระหว่างโจทก์กับจำเลย เจ้าของที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทนั้นจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องสอดเข้ามาในคดี ไม่ว่าในฐานะเป็นจำเลยร่วมหรือคู่ความฝ่ายที่สาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4477/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน & การร้องสอดคดี: ศาลฎีกาเน้นการพิจารณาเฉพาะประเด็นพิพาทตรงระหว่างโจทก์จำเลย
โจทก์จำเลยต่างอ้างอ.เป็นพยานร่วมกันในฐานะคนกลางแม้ต่อมาจำเลยจะยื่นคำร้องไม่ติดใจสืบพยานปากนี้ก็ตามแต่เป็นเวลาภายหลังที่พยานเบิกความแล้วจึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงน้ำหนักคำพยานดังกล่าวในฐานะพยานร่วมให้เสียไปแต่อย่างใด โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานไปรังวัดที่ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์และในการทำแผนที่พิพาทโจทก์ได้นำชี้ที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทว่าเป็นของโจทก์ด้วยนั้นถือไม่ได้ว่าเจ้าของที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดินที่พิพาทกันระหว่างโจทก์กับจำเลยเจ้าของที่ดินแปลงอื่นนอกเขตที่พิพาทนั้นจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องสอดเข้ามาในคดีไม่ว่าในฐานะเป็นจำเลยร่วมหรือคู่ความฝ่ายที่สาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4246/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดผ่านทนายความ: การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงทนายจำเลยโดยบุคคลอื่นที่สำนักงานเดียวกัน ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย
พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้ทนายจำเลย ณ สำนักงานของทนายจำเลยแล้วไม่พบตัว บุคคลอายุเกิน20 ปีซึ่งอยู่ในสำนักงานเดียวกันนั้นเต็มใจรับหมายไว้แทนต้องถือว่าได้มีการส่งหมายนัดแก่ทนายจำเลยโดยถูกต้องและชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 75,76 แล้ว จำเลยอ้างว่าทนายจำเลยไม่ทราบหมายนัดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4246/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดผ่านทนายจำเลย: เพียงพอต่อการแจ้งให้ทราบได้ แม้ทนายจำเลยจะไม่ทราบ
พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้ทนายจำเลย ณ สำนักงานของทนายจำเลยแล้วไม่พบตัวบุคคลอายุเกิน 20 ปี ซึ่งอยู่ในสำนักงานเดียวกันนั้นเต็มใจรับหมายไว้แทน ต้องถือว่าได้มีการส่งหมายนัดแก่ทนายจำเลยโดยถูกต้องและชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 75, 76 แล้ว จำเลยอ้างว่าทนายจำเลยไม่ทราบหมายนัดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4246/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดผ่านทนายจำเลย: เพียงพอเมื่อมีบุคคลรับแทนได้ตามกฎหมาย
พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้ทนายจำเลยณสำนักงานของทนายจำเลยแล้วไม่พบตัวบุคคลอายุเกิน20ปีซึ่งอยู่ในสำนักงานเดียวกันนั้นเต็มใจรับหมายไว้แทนต้องถือว่าได้มีการส่งหมายนัดแก่ทนายจำเลยโดยถูกต้องและชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา75,76แล้วจำเลยอ้างว่าทนายจำเลยไม่ทราบหมายนัดหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4144/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องหมิ่นประมาทต้องระบุรายละเอียดความเสียหาย หากไม่ชัดเจน ศาลไม่สามารถลงโทษตามข้อหาอื่นได้
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยโฆษณาหมิ่นประมาทผู้เสียหายด้วยข้อความอย่างไรเท่านั้น หาได้บรรยายว่าการโฆษณาข้อความดังกล่าวในฟ้องเป็นการแสดงอย่างเคลือบคลุมว่าได้มีความเสื่อมโทรมเลวทรามหรือผิดร้ายเสียหายในกรมเจ้าท่าโดยไม่แสดงว่าเป็นเรื่องใดข้อใดไม่ จึงถือไม่ได้ว่าฟ้องได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดในข้อหาตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 42 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 2(4)แม้โจทก์จะมีคำขอให้ลงโทษตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวและจำเลยให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะจะเป็นการพิพากษานอกไปจากข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4144/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องหมิ่นประมาทต้องชัดเจนถึงความเสียหายที่อ้างถึง เพื่อให้ลงโทษตามกฎหมายพิเศษได้
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยโฆษณาหมิ่นประมาทผู้เสียหายด้วยข้อความอย่างไรเท่านั้น หาได้บรรยายว่าการโฆษณาข้อความดังกล่าวในฟ้องเป็นการแสดงอย่างเคลือบคลุมว่าได้มีความเสื่อมโทรมเลวทรามหรือผิดร้ายเสียหายในกรมเจ้าท่าโดยไม่แสดงว่าเป็นเรื่องใดข้อใดไม่ จึงถือไม่ได้ว่าฟ้องได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดในข้อหาตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 42 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 2 (4) แม้โจทก์จะมีคำขอให้ลงโทษตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวและจำเลยให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะจะเป็นการพิพากษานอกไปจากข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4144/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องหมิ่นประมาทต้องชัดเจนถึงความเสียหายตามข้อกำหนดเฉพาะของคำสั่ง คปป. เพื่อให้ลงโทษได้ตามกฎหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยโฆษณาหมิ่นประมาทผู้เสียหายด้วยข้อความอย่างไรเท่านั้นหาได้บรรยายว่าการโฆษณาข้อความดังกล่าวในฟ้องเป็นการแสดงอย่างเคลือบคลุมว่าได้มีความเสื่อมโทรมเลวทรามหรือผิดร้ายเสียหายในกรมเจ้าท่าโดยไม่แสดงว่าเป็นเรื่องใดข้อใดไม่จึงถือไม่ได้ว่าฟ้องได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดในข้อหาตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่42ลงวันที่21ตุลาคม2519ข้อ2(4)แม้โจทก์จะมีคำขอให้ลงโทษตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวและจำเลยให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้เพราะจะเป็นการพิพากษานอกไปจากข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: โจทก์ผูกพันต้องฟ้องตามข้อตกลง แม้จะมีเขตอำนาจอื่น
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา 7 โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตัง และสาขาตรัง ให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานคร โจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้