คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทิน นนทแก้ว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 521 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3102/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากการขายทอดตลาด: สิทธิของเจ้าหนี้และหน้าที่ของผู้ซื้อ
โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามคำพิพากษา มีสิทธิคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ให้กันเงินจากการขายทอดตลาดไว้เป็นค่าภาษีเงินได้
เงินรายได้จากการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(8) และผู้ซื้อเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ตามมาตรา50(5)(ข) และนำส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในขณะที่มีการจดทะเบียนตามมาตรา 52 วรรค 2 เมื่อผู้ซื้อได้จ่ายเงินตามสัญญาขายทอดตลาดและมอบเงินที่ผู้ซื้อมีหน้าที่หักไว้เป็นภาษีแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีด้วย เงินจำนวนดังกล่าวเป็นภาษีเงินได้ที่ผู้ซื้อจะต้องนำส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมถือไม่ได้ว่าเป็นเงินรายได้สุทธิที่ได้จากการขายทอดตลาดที่จะนำไปจ่ายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ไม่มีสิทธิขอรับเงินจำนวนดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3102/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาษีจากการขายทอดตลาด: ผู้ซื้อมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ไม่ใช่จ่ายให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
เงินได้จากการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์ เป็นเงินได้พึงประเมินตาม ป.รัษฎากร มาตรา 40(8) และผู้ซื้อเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ตามมาตรา 50(5)(ข)และนำส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมดังนั้นเงินที่ผู้ซื้อหักไว้เป็นภาษีเพื่อนำส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมซึ่งผู้ซื้อมอบให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไว้ ถือไม่ได้ว่าเป็นรายได้สุทธิจากการขายทอดตลาดที่จะนำไปจ่ายแก่เจ้าหน้าที่ตามคำพิพากษา โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะขอรับเงินดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3067/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนจนกว่าจะชำระราคาและโอนทะเบียนตามสัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไข
สัญญาซื้อขายรถยนต์มีข้อความว่าผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ขายจะส่งมอบรถให้แก่ผู้ซื้อในวันที่โอนทะเบียน ผู้ซื้อจะชำระเงิน 10,000 บาท และจะโอนทะเบียนกันในเดือนพฤศจิกายน 2527ดังนี้ เป็นสัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 459 กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนไปจนกว่าผู้ซื้อจะได้ชำระราคาและโอนทะเบียนแล้วเมื่อผู้ซื้อยังชำระราคาไม่ครบและยังไม่ได้โอนทะเบียนกันกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางยังคงเป็นของผู้ร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3067/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังเป็นของผู้ขายจนกว่าจะมีการชำระราคาและโอนทะเบียนตามสัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไข
สัญญาซื้อขายรถยนต์มีข้อความว่าผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ขายจะส่งมอบรถให้แก่ผู้ซื้อในวันที่โอนทะเบียน ผู้ซื้อจะชำระเงิน 10,000 บาท และจะโอนทะเบียนกันในเดือนพฤศจิกายน 2527 ดังนี้ เป็นสัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 459 กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนไปจนกว่าผู้ซื้อจะได้ชำระราคาและโอนทะเบียนแล้ว เมื่อผู้ซื้อยังชำระราคาไม่ครบ และยังไม่ได้โอนทะเบียนกันกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางยังคงเป็นของผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2965/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในสภาพที่ดิน: สิทธิเลิกสัญญาและการคืนเงิน
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมี น.ส.3 จาก จ. บิดาจำเลยโดยเชื่อตามที่ จ. บอกว่าที่ดินอยู่ใกล้โรงงาน และติดถนนตามแผนที่ที่แสดงให้ดูเมื่อปรากฏว่าที่ดินมิได้อยู่ติดถนนจ. จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ไม่สามารถส่งมอบที่ดินตามที่ตกลงจะขายให้โจทก์และโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของ จ. จึงต้องคืนเงินมัดจำ และราคาที่ดินที่ได้รับไว้พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2965/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในสภาพที่ดิน: สัญญาจะซื้อขายเป็นโมฆะ ผู้ขายต้องคืนเงิน
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมี น.ส.3 จาก จ. บิดาจำเลยโดยเชื่อตามที่ จ. บอกว่าที่ดินอยู่ใกล้โรงงาน และติดถนนตามแผนที่ที่แสดงให้ดูเมื่อปรากฏว่าที่ดินมิได้อยู่ติดถนนจ. จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ไม่สามารถส่งมอบที่ดินตามที่ตกลงจะขายให้โจทก์และโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของ จ. จึงต้องคืนเงินมัดจำ และราคาที่ดินที่ได้รับไว้พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2925/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกประเภทพิกัดอัตราอากรสำหรับเลดออกไซด์และเกรย์ออกไซด์ โดยพิจารณาจากปริมาณโลหะตะกั่วผสม
เลดออกไซด์ (LEAD OXIDES) ซึ่งเป็นสินค้าประเภทพิกัดที่ 28.27 นั้น เป็นของที่ทำจากตะกั่ว โดยนำตะกั่วบริสุทธิ์มาทำเป็นผงแล้วเผาหรือผ่านออกซิเจนเข้าไป กลายเป็นเลดออกไซด์ แต่ตะกั่วที่ถูกเผาอาจไม่กลายเป็นเลดออกไซด์ทั้งหมด อาจมีโลหะตะกั่ว (METALLIX LEAD) หลงเหลืออยู่บ้าง ประมาณร้อยละ 8 จึงต่างกับเกรย์ออกไซด์ (GREY OXIDES) กล่าวคือเลดออกไซด์จะมีปริมาณตะกั่วออกไซด์เกือบทั้งหมด หรือเกินกว่าร้อยละ 95 ขึ้นไปส่วนเกรย์ออกไซด์จะมีส่วนผสมของโลหะตะกั่ว (METALLIC LEAD)ตั้งแต่ร้อยละ 15-35 ที่เหลือนอกนั้นเป็นตะกั่วออกไซด์หรือเลดออกไซด์ สินค้ารายพิพาทที่โจทก์สั่งเข้ามามีโลหะตะกั่วผสมอยู่เป็นจำนวนถึงร้อยละ 25 นับว่ามีโลหะตะกั่วผสมอยู่เป็นจำนวนมากเกินกว่าที่จะถือได้ว่าเป็นสิ่งบริสุทธิ์เจือปนที่หลงเหลือจากกรรมวิธีการผลิต ฉะนั้นสินค้าพิพาทที่โจทก์นำเข้ามาและสำแดงในใบขนสินค้าว่าเป็นเกรย์ออกไซด์เลด จึงเป็นผลิตภัณฑ์ทางเคมี และสิ่งปรุงแต่งที่ได้จากอุตสาหกรรมทางเคมีหรืออุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน ซึ่งมิได้ระบุหรือรวมไว้ในที่อื่น ต้องเสียอากรขาเข้า ตามประเภทพิกัดที่ 38.19 ข. ในอัตราร้อยละ 30.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2925/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยประเภทพิกัดอัตราอากรสำหรับเลดออกไซด์และเกรย์ออกไซด์ โดยพิจารณาจากปริมาณโลหะตะกั่วผสม
เลดออกไซด์ (LEADOXIDES) ซึ่งเป็นสินค้าประเภทพิกัดที่ 28.27นั้น เป็นของที่ทำจากตะกั่ว โดยนำตะกั่วบริสุทธิ์มาทำเป็นผงแล้วเผาหรือผ่านออกซิเจนเข้าไป กลายเป็นเลดออกไซด์ แต่ตะกั่วที่ถูกเผาอาจไม่กลายเป็นเลดออกไซด์ทั้งหมด อาจมีโลหะตะกั่ว (METALLIXLEAD) หลงเหลืออยู่บ้าง ประมาณร้อยละ 8 จึงต่างกับเกรย์ออกไซด์(GREYOXIDES)กล่าวคือเลดออกไซด์จะมีปริมาณตะกั่วออกไซด์เกือบทั้งหมด หรือเกินกว่าร้อยละ 95 ขึ้นไปส่วนเกรย์ออกไซด์จะมีส่วนผสมของโลหะตะกั่ว (METALLICLEAD)ตั้งแต่ร้อยละ 15-35 ที่เหลือนอกนั้นเป็นตะกั่วออกไซด์หรือเลดออกไซด์ สินค้ารายพิพาทที่โจทก์สั่งเข้ามามีโลหะตะกั่วผสมอยู่เป็นจำนวนถึงร้อยละ 25 นับว่ามีโลหะตะกั่วผสมอยู่เป็นจำนวนมากเกินกว่าที่จะถือได้ว่าเป็นสิ่งบริสุทธิ์เจือปนที่หลงเหลือจากกรรมวิธีการผลิต ฉะนั้นสินค้าพิพาทที่โจทก์นำเข้ามาและสำแดงในใบขนสินค้าว่าเป็นเกรย์ออกไซด์เลด จึงเป็นผลิตภัณฑ์ทางเคมี และสิ่งปรุงแต่งที่ได้จากอุตสาหกรรมทางเคมีหรืออุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน ซึ่งมิได้ระบุหรือรวมไว้ในที่อื่น ต้องเสียอากรขาเข้า ตามประเภทพิกัดที่ 38.19 ข. ในอัตราร้อยละ 30.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2908/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้คดีไม่ขาดอายุความ แต่หากจำเลยไม่ได้กระทำละเมิด โจทก์ก็ไม่ชนะคดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์จำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์ในข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายเพียงข้อเดียวว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 เพราะแม้จะวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ ก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2908/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาเรื่องอายุความฟ้องละเมิด: แม้ฟ้องไม่ขาดอายุความ แต่โจทก์ไม่ชนะคดีหากจำเลยไม่ได้กระทำละเมิด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์ในข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายเพียงข้อเดียวว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 เพราะแม้จะวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ ก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้
of 53