คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทิน นนทแก้ว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 521 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2159/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งทนายความต้องทำตามแบบฟอร์มและลงลายมือชื่อในคำรับทนายความ มิฉะนั้นถือว่ายังมิได้รับเป็นทนายความ
น. ทนายโจทก์เป็นผู้ลงชื่อในคำฟ้องแทนโจทก์และตามคำฟ้องผู้ยื่นฟ้องรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้า ไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันยื่นฟ้องว่า น. ลงชื่อเป็นโจทก์โดยมิได้ลงชื่อคำรับเป็นทนายความในใบแต่ง ทนายความ ให้แก้ไขภายใน 7 วันนับแต่วันมีคำสั่งแต่ทนายโจทก์ไม่รอฟังคำสั่งในวันนั้นก็ต้องถือว่าทนายโจทก์ได้ทราบคำสั่งแล้ว ฉะนั้นเมื่อทนายโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในคำรับเป็นทนายความภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด ศาลชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องและจำหน่ายคดีจากสารบบความเสียได้ การตั้งทนายความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 61 ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อตัวความและทนายความ ตามแบบพิมพ์ใบแต่ง ทนายความกำหนดให้ผู้ที่รับเป็นทนายความลงลายมือชื่อไว้ในคำรับทนายความด้วยเมื่อทนายโจทก์ยื่นใบแต่ง ทนายความต่อศาลพร้อมคำฟ้อง แต่ไม่มีลายมือชื่อในคำรับเป็นทนายความ มีแต่ลายมือชื่อที่รับรองลายมือชื่อโจทก์เท่านั้นจะถือว่าทนายโจทก์ได้รับเป็นทนายความโดยปริยายแล้วหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2159/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งทนายความต้องทำตามฟอร์มและลงลายมือชื่อในคำรับเป็นทนายความ หากไม่ครบถ้วนถือว่ายังไม่ได้แต่งตั้งโดยชอบ
การตั้งทนายความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 61นั้น ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อตัวความและทนายความ และตามแบบพิมพ์ใบแต่งทนายความกำหนดให้ผู้ที่รับเป็นทนายความลงลายมือชื่อไว้ในคำรับเป็นทนายความด้วย ดังนั้น หากทนายโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในคำรับเป็นทนายความแม้ในใบแต่งทนายความโจทก์ได้ระบุชื่อทนายโจทก์เป็นทนายความของโจทก์ และทนายโจทก์ได้ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อโจทก์ไว้แล้ว ทั้งคำรับเป็นทนายความก็ปรากฏชื่อทนายโจทก์เป็นทนายความตามใบอนุญาตที่ระบุไว้ ก็จะถือว่าทนายโจทก์ได้รับเป็นทนายความของโจทก์โดยปริยายแล้วหาได้ไม่
ตามคำฟ้องระบุว่าผู้ยื่นฟ้องรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันยื่นฟ้องให้ทนายโจทก์ซึ่งลงชื่อเป็นโจทก์แก้ไขข้อบกพร่องที่ทนายโจทก์มิได้ลงชื่อรับเป็นทนายความในใบแต่งทนายความภายในกำหนด ก็ต้องถือว่าทนายโจทก์ได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อทนายโจทก์ไม่ลงชื่อในคำรับเป็นทนายความภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับฟ้องและจำหน่ายคดีจากสารบบความเสียได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2159/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งทนายความต้องทำตามแบบฟอร์มและลงลายมือชื่อในคำรับเป็นทนายความ มิฉะนั้นถือว่ายังไม่ได้แต่งตั้ง
การตั้งทนายความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 61นั้น ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อตัวความและทนายความ และตามแบบพิมพ์ใบแต่งทนายความกำหนดให้ผู้ที่รับเป็นทนายความลงลายมือชื่อไว้ในคำรับเป็น ทนายความด้วย ดังนั้น หากทนายโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในคำรับเป็นทนายความแม้ในใบแต่งทนายความโจทก์ได้ระบุชื่อทนายโจทก์เป็นทนายความของโจทก์ และทนายโจทก์ได้ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อโจทก์ไว้แล้ว ทั้งคำรับเป็นทนายความก็ปรากฏชื่อทนายโจทก์เป็นทนายความตามใบอนุญาตที่ระบุไว้ ก็จะถือว่าทนายโจทก์ได้รับเป็นทนายความของโจทก์โดยปริยายแล้วหาได้ไม่
ตามคำฟ้องระบุว่าผู้ยื่นฟ้องรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันยื่นฟ้องให้ทนายโจทก์ซึ่งลงชื่อเป็นโจทก์แก้ไขข้อบกพร่องที่ทนายโจทก์มิได้ลงชื่อรับเป็นทนายความในใบแต่งทนายความภายในกำหนด ก็ต้องถือว่าทนายโจทก์ได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อทนายโจทก์ไม่ลงชื่อในคำรับเป็นทนายความภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับฟ้องและจำหน่ายคดีจากสารบบความเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2011/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ประกันจากการที่จำเลยหลบหนีไม่มาศาล แม้ศาลมีคำพิพากษาปล่อยตัว ก็ยังต้องรับผิดตามสัญญาประกัน
ผู้ประกันไม่ส่งตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพราะจำเลยหลบหนี ศาลชั้นต้นจึงปรับผู้ประกันเต็มตามสัญญาประกันแม้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ปล่อยตัวจำเลยก็มิใช่เหตุที่ทำให้ผู้ประกันไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกันเพราะความรับผิดตามสัญญาประกันเกิดจากการผิดสัญญาประกันเมื่อผู้ประกันผิดสัญญาประกันก็หาพ้นความรับผิดไม่ ส่วนผลของคำพิพากษาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่ช่วยให้ผู้ประกันพ้นความรับผิดตามสัญญาประกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2011/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดตามสัญญาประกัน กรณีจำเลยหลบหนีไม่มาศาล ผู้ประกันต้องรับผิดแม้ศาลให้ปล่อยตัว
ผู้ประกันไม่ส่งตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพราะจำเลยหลบหนี ศาลชั้นต้นจึงปรับผู้ประกันเต็มตามสัญญาประกัน แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ปล่อยตัวจำเลย ก็มิใช่เหตุที่ทำให้ผู้ประกันไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกันเพราะความรับผิดตามสัญญาประกันเกิดจากการผิดสัญญาประกัน เมื่อผู้ประกันผิดสัญญาประกันก็หาพ้นความรับผิดไม่ ส่วนผลของคำพิพากษาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่ช่วยให้ผู้ประกันพ้นความรับผิดตามสัญญาประกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1808/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่เคลือบคลุมและขาดเหตุตามกฎหมาย ศาลยกคำร้อง
คำร้องของ ผู้ร้องที่ว่ากรรมการตรวจคะแนนอ่านบัตรที่กาเครื่องหมายไม่ถูกต้อง บัตรมีตำหนิ และบัตรที่ไม่กาเครื่องหมายของผู้สมัครว่าเป็นบัตรดีนั้น เป็นคำร้องที่ไม่ได้ระบุให้แน่ชัดว่าที่ว่าบัตรกาเครื่องหมายไม่ถูกต้องนั้น กาเครื่องหมายอย่างไร จะเป็นบัตรปลอมหรือบัตรที่กาเครื่องหมายเกินหรือไม่ก็ไม่อาจจะทราบได้ส่วนที่อ้างว่าบัตรมีตำหนิ จะเป็นตำหนิ อย่างไรโดยใคร ไม่พอทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นบัตรเสียประเภทใด แม้คำร้องของ ผู้ร้องจะระบุว่ามีเอกสารท้ายคำร้องหมาย 1 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องก็ตามแต่เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงรายการแจ้งผลคะแนนหน่วยเลือกตั้งและชื่อ กรรมการตรวจคะแนนเท่านั้น ไม่มีรายการบัตรเสียหรือบัตรดีว่ามีจำนวนเท่าใด ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวคลุม ๆ มารวม 281 หน่วยโดยไม่บรรยายให้ทราบว่ากรรมการตรวจคะแนนในหน่วยเลือกตั้งใดอ่านบัตรเสียของผู้สมัครหมายเลข 2 ว่าเป็นบัตรดี และอ่านบัตรที่กากบาทเครื่องหมายล้ำช่องของผู้ร้องว่าเป็นบัตรเสียในหน่วยเลือกตั้งใด จำนวนเท่าใดในแต่ละหน่วยที่ทำเช่นนั้น จึงไม่พอที่จะให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ ข้ออ้างของผู้ร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม ที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้แทนไม่อยู่ในเขตเลือกตั้ง อำเภอบ้านฝาง รวม 38 หน่วย จำนวนคะแนน1,540 คะแนน โดยผู้สมัครหมายเลข 2 จดหมายเลขบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปให้กรรมการตรวจคะแนนสำหรับตรวจและลงหมายเลขประจำตัวให้ผู้อื่นใช้สิทธิเลือกตั้งแทนนั้น เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ผู้ร้องไม่ได้ระบุชื่อ ผู้ถูกใช้สิทธิเลือกตั้งแทนในหน่วยไหนจำนวนเท่าใด แม้คำร้องของ ผู้ร้องจะระบุว่ามีเอกสารท้ายคำร้องหมาย 2 และ 3 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องแต่เอกสารท้ายคำร้องก็ไม่มีรายชื่อ ของบุคคลที่ถูกใช้สิทธิแทนแต่อย่างใด ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวคลุม ๆ มารวม 38 หน่วย เป็นการยากที่ผู้คัดค้านจะเข้าใจข้อกล่าวหาของผู้ร้องได้ ข้ออ้างของผู้ร้องจึงเคลือบคลุม ส่วนที่ผู้ร้องระบุเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่าประธานกรรมการตรวจคะแนนอำเภอบ้านฝางจำนวน 7 หน่วย เข้าไปดู คูหาลงคะแนน และต่อว่าคนที่เลือกผู้ร้อง ผู้สมัครหมายเลข 2ให้เงินราษฎรบ้านแก่นเท่าหน่วยเลือกตั้งที่ 3 คนละ 20 บาท และหลังเลือกตั้งแล้วผู้สมัครหมายเลข 2 มอบหอกระจายข่าวให้แก่บ้านหนองกุง หน่วยเลือกตั้งที่ 6 นั้น หากจะทำการพิจารณาต่อไปและฟังได้ว่าเป็นความจริง การกระทำเช่นนั้นเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 35แห่ง พ.ร.บ. การเลือกตั้งฯ ซึ่งมีโทษตามมาตรา 84 แต่มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ตามมาตรา 78.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1808/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่เคลือบคลุมและขาดสิทธิ ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้อง
คำร้องของผู้ร้องที่ว่ากรรมการตรวจคะแนนอ่านบัตรที่กาเครื่องหมายไม่ถูกต้อง บัตรมีตำหนิและบัตรที่ไม่กาเครื่องหมายของผู้สมัครว่าเป็นบัตรดีนั้น เป็นคำร้องที่ไม่ได้ระบุให้แน่ชัดว่า ที่ว่าบัตรกาเครื่องหมายไม่ถูกต้องนั้นกาเครื่องหมายอย่างไร จะเป็นบัตรปลอมหรือบัตรที่กาเครื่องหมายเกินหรือไม่ก็ไม่อาจจะทราบได้ ส่วนที่อ้างว่าบัตรมีตำหนิจะเป็นตำหนิอย่างไรโดยใคร ไม่พอทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นบัตรเสียประเภทใด แม้คำร้องของผู้ร้องจะระบุว่ามีเอกสารท้ายคำร้องหมาย 1 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องก็ตาม แต่เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงรายการแจ้งผลคะแนนหน่วยเลือกตั้ง และชื่อกรรมการตรวจคะแนนเท่านั้น ไม่มีรายการบัตรเสียหรือบัตรดี ว่ามีจำนวนเท่าใด ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวคลุมๆมารวม 281 หน่วย โดยไม่บรรยายให้ทราบว่ากรรมการตรวจคะแนนในหน่วยเลือกตั้งใดอ่านบัตรเสียของผู้สมัครหมายเลข 2 ว่าเป็นบัตรดี และอ่านบัตรที่กากบาทเครื่องหมายล้ำช่องของผู้ร้องว่าเป็นบัตรเสียในหน่วยเลือกตั้งใด จำนวนเท่าใดในแต่ละหน่วยที่ทำเช่นนั้น จึงไม่พอที่จะให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ ข้ออ้างของผู้ร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
ที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้แทนไม่อยู่ในเขตเลือกตั้ง อำเภอบ้านฝาง รวม 38 หน่วย จำนวนคะแนน1,540 คะแนน โดยผู้สมัครหมายเลข 2 จดหมายเลขบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปให้กรรมการตรวจคะแนนสำหรับตรวจและลงหมายเลขประจำตัวให้ผู้อื่นใช้สิทธิเลือกตั้งแทนนั้น เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ผู้ร้องไม่ได้ระบุชื่อผู้ถูกใช้สิทธิเลือกตั้งแทนในหน่วยไหนจำนวนเท่าใด แม้คำร้องของผู้ร้องจะระบุว่ามีเอกสารท้ายคำร้องหมาย 2 และ 3 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้อง แต่เอกสารท้ายคำร้องก็ไม่มีรายชื่อของบุคคลที่ถูกใช้สิทธิแทนแต่อย่างใด ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวคลุมๆมารวม 38 หน่วย เป็นการยากที่ผู้คัดค้านจะเข้าใจข้อกล่าวหาของผู้ร้องได้ ข้ออ้างของผู้ร้องจึงเคลือบคลุม
ส่วนที่ผู้ร้องระบุเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่า ประธานกรรมการตรวจคะแนนอำเภอบ้านฝางจำนวน 7 หน่วย เข้าไปดูคูหาลงคะแนน และต่อว่าคนที่เลือกผู้ร้อง ผู้สมัครหมายเลข 2 ให้เงินราษฎรบ้านแก่นเท่าหน่วยเลือกตั้งที่ 3 คนละ 20 บาท และหลังเลือกตั้งแล้วผู้สมัครหมายเลข 2 มอบหอกระจายข่าวให้แก่บ้านหนองกุง หน่วยเลือกตั้งที่ 6 นั้นหากจะทำการพิจารณาต่อไปและฟังได้ว่าเป็นความจริง การกระทำเช่นนั้นเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ. การเลือกตั้งฯ ซึ่งมีโทษตามมาตรา 84 แต่มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ตามมาตรา 78.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการย้อนกลับมาพร้อมอาวุธ แม้มีเหตุโต้เถียงก่อนหน้า ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยมีอาชีพขับรถยนต์สามล้อรับจ้าง บ.กับพวกจะว่าจ้างรถของจำเลยให้ไปส่ง แต่ได้เกิดโต้เถียงกับจำเลย บ.ได้ตบท้ายทอยจำเลยทำให้จำเลยโกรธ จำเลยขับรถยนต์สามล้อออกไปห่าง40 เมตรแล้ว แต่กลับไปหยุดรถแล้วลงจากรถเอาอาวุธปืนสั้นเดินเข้าไปหา บ.กับพวกแล้วยิงบ. 2 นัด จากนั้นจำเลยวิ่งหนีไปที่รถยนต์สามล้อของจำเลย ผู้ตายและบ.กับพวกวิ่งตามไปโดยไม่มีอาวุธ จำเลยยิงปืนมาอีก 2 นัด ถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายเช่นนี้เหตุที่จำเลยถูก บ.ตบท้ายทอยและการถกเถียงได้สิ้นสุดกันไปแล้ว จำเลยก็ได้ขับรถออกไปห่างไกลจนไม่มีภยันตรายแล้ว การที่จำเลยย้อนกลับมาโดยมีอาวุธปืนติดมือมาด้วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจมาทำร้าย บ.กับพวกเนื่องจากมีสาเหตุกันมาก่อน การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงเป็นการฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นเองจะอ้างว่ากระทำไปโดยเป็นการป้องกันหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าโดยเจตนา: การย้อนกลับมาก่อเหตุด้วยอาวุธปืนหลังการโต้เถียง ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยมีอาชีพขับรถยนต์สามล้อรับจ้าง บ. กับพวกจะว่าจ้างรถของจำเลยให้ไปส่ง แต่ได้เกิดโต้เถียง กับจำเลย บ. ได้ตบท้ายทอยจำเลยทำให้จำเลยโกรธ จำเลยขับรถยนต์สามล้อออกไปห่าง40 เมตรแล้ว แต่กลับไปหยุดรถแล้วลงจากรถเอาอาวุธปืนสั้นเดิน เข้าไปหา บ. กับพวกแล้วยิง บ. 2 นัด จากนั้นจำเลยวิ่งหนีไปที่รถยนต์สามล้อของจำเลยผู้ตายและ บ. กับพวกวิ่งตามไปโดยไม่มีอาวุธ จำเลยยิงปืนมาอีก 2 นัด ถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายเช่นนี้เหตุที่จำเลยถูก บ. ตบ ท้ายทอยและการถกเถียง ได้สิ้นสุดกันไปแล้ว จำเลยก็ได้ขับรถออกไปห่างไกลจนไม่มีภยันตรายแล้ว การที่จำเลยย้อน กลับมาโดยมีอาวุธปืนติดมือมาด้วยแสดงให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจมาทำร้าย บ. กับพวกเนื่องจากมีสาเหตุกันมาก่อน การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงเป็นการฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นเองจะอ้างว่ากระทำไปโดยเป็นการป้องกันหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1759/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีจำนองเมื่อหนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ และสิทธิของบุคคลภายนอกผู้รับจำนอง
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของภริยาจำเลยที่ 2 เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องคัดค้านว่าจำเลยที่ 2 เป็นหนี้ผู้ร้องตามสัญญากู้ โดยภริยาจำเลยที่ 2 จำนองที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึดเป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้ ขอให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวชำระหนี้ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น ดังนี้ เมื่อหนี้ที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดชำระแก่ผู้ร้องยังไม่ถึงกำหนดชำระ ผู้ร้องจะอาศัยอำนาจแห่งการจำนองบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของภริยาจำเลยที่ 2 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 หาได้ไม่ และการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่กระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับจำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287.
of 53