คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทิน นนทแก้ว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 521 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1759/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองและการบังคับคดี: การคุ้มครองบุริมสิทธิของผู้รับจำนองเมื่อหนี้ยังไม่ถึงกำหนด
การบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่กระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิของบุคคลภายนอกผู้รับจำนองตาม ป.วิ.พ.มาตรา 287 เมื่อหนี้ระหว่างจำเลยที่ 2 กับผู้ร้องยังไม่ถึงกำหนดชำระผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำนองจะอาศัยอำนาจแห่งการจำนองบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของ น. ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1759/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องของผู้รับจำนองเมื่อมีการบังคับคดีทรัพย์สินของลูกหนี้ร่วม
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของภริยาจำเลยที่ 2เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องคัดค้านว่าจำเลยที่ 2 เป็นหนี้ผู้ร้องตามสัญญากู้ โดยภริยาจำเลยที่ 2 จำนองที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึดเป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้ ขอให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวชำระหนี้ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น ดังนี้ เมื่อหนี้ที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดชำระแก่ผู้ร้องยังไม่ถึงกำหนดชำระ ผู้ร้องจะอาศัยอำนาจแห่งการจำนองบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของภริยาจำเลยที่ 2ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 หาได้ไม่ และการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่กระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับจำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1710/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้จัดการมรดก: ไม่จำเป็นต้องทราบรายละเอียดทรัพย์สินทั้งหมด
ประเด็นในชั้นขอเป็นผู้จัดการมรดกมีเพียงว่าผู้ร้องเป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือไม่ มีกรณีที่จะต้องตั้งผู้จัดการมรดกหรือไม่และเป็นบุคคลที่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ส่วนปัญหาว่าเจ้ามรดกมีทายาทกี่คนมีทรัพย์มรดกเท่าไรมิใช่ข้อสำคัญในคดีแม้ผู้ร้องจะบรรยายมาในคำร้องไม่ครบถ้วน ก็ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
การที่ผู้ร้องไม่มีความรู้และไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการงานซึ่งเป็นทรัพย์มรดกนั้น เป็นเรื่องการดำเนินกิจการงานตามปกติทั่วไป ไม่เป็นเหตุต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1645/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและการจำนองโดยตัวแทน สิทธิของบุคคลภายนอกย่อมได้รับการคุ้มครอง
ย.แบ่งขายที่ดินบางส่วนให้จำเลย แต่ได้โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งแปลงให้จำเลย และในวันเดียวกันนั่นเองจำเลยได้จำนองที่ดินแปลงดังกล่าวแก่โจทก์ ดังนี้ การที่ ย. โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งแปลงให้มีชื่อจำเลยในโฉนดแต่เพียงผู้เดียว เป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นโดยเปิดเผยว่าที่ดินทั้งหมดเป็นของจำเลยจึงเท่ากับเป็นการยอมให้จำเลยผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนตนทำการออกหน้าว่าเป็นเจ้าของที่ดินคนเดียว ถือได้ว่าจำเลยมีฐานะเป็นตัวแทนของ ย.ในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินของย. เมื่อจำเลยนำที่ดินไปจำนองไว้แก่โจทก์ต้องถือว่า ย. ยอมให้จำเลยทำการออกหน้าเป็นตัวการในการจำนอง ย. จึงไม่อาจทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806 ผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกของ ย.ซึ่งเป็นผู้รับโอน จึงไม่มีสิทธิดีกว่า ย. ผู้โอน เมื่อโจทก์บังคับจำนองนำยึดที่ดินดังกล่าว ผู้ร้องจะอ้างสิทธิของตนขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คขีดคร่อม: ธนาคารจ่ายเงินเข้าบัญชีผู้สั่งจ่ายได้ หากผู้สั่งจ่ายมีอำนาจและไม่ทำให้โจทก์เสียหาย
การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คซึ่งระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงินและเป็นเช็คขีดคร่อมเฉพาะมีคำสั่งในระหว่างเส้นขีดคร่อมนั้นว่า ACCOUNT PAYEE ONLY ไปเข้าบัญชีของจำเลยร่วม โดยกระทำไปตามคำสั่งของจำเลยร่วมซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของโจทก์ มีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีของโจทก์ได้ ทั้งไม่ได้ความว่าการที่จำเลยไม่นำเงินตามเช็คดังกล่าวมาเข้าบัญชีโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียหายธนาคารจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์
เช็คที่มีข้อความครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 988 แล้ว ถึงแม้จะใช้ถ้อยคำว่า'โปรดจ่าย' หรือใช้ถ้อยคำว่า 'ให้ใช้เงิน' ก็ย่อมมีความหมายอย่างเดียวกันว่าให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็คนั้นจึงเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คระบุชื่อผู้รับเงินขีดคร่อมเฉพาะ ธนาคารจ่ายเงินเข้าบัญชีผู้สั่งจ่ายได้ หากไม่มีเสียหายต่อผู้รับเงิน
การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คซึ่งระบุชื่อ โจทก์ เป็นผู้รับเงินและเป็นเช็คขีดคร่อมเฉพาะ มีคำสั่งในระหว่างเส้นขีดคร่อมนั้นว่าACCOUNTPAYEEONLY ไปเข้าบัญชีของจำเลยร่วม โดยกระทำไปตามคำสั่งของจำเลยร่วมซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของโจทก์ มีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีของโจทก์ได้ ทั้งไม่ได้ความว่าการที่จำเลยไม่นำเงินตามเช็คดังกล่าวมาเข้าบัญชีโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียหาย ธนาคารจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์ เช็คที่มีข้อความครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 988แล้ว ถึงแม้จะใช้ถ้อยคำว่า "โปรดจ่าย" หรือใช้ถ้อยคำว่า"ให้ใช้เงิน" ก็ย่อมมีความหมายอย่างเดียวกันว่าให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็คนั้นจึงเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คขีดคร่อมเฉพาะ: ธนาคารจ่ายเงินเข้าบัญชีผู้รับเงินที่ถูกต้องตามอำนาจกรรมการ แม้ขัดกับข้อความในเช็ค ไม่ถือเป็นการละเมิด
การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คซึ่งระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงินและเป็นเช็คขีดคร่อมเฉพาะมีคำสั่งในระหว่างเส้นขีดคร่อมนั้นว่าACCOUNTPAYEEONLY ไปเข้าบัญชีของจำเลยร่วม โดยกระทำไปตามคำสั่งของจำเลยร่วมซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของโจทก์ มีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีของโจทก์ได้ ทั้งไม่ได้ความว่าการที่จำเลยไม่นำเงินตามเช็คดังกล่าวมาเข้าบัญชีโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียหายธนาคารจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์
เช็คที่มีข้อความครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 988 แล้ว ถึงแม้จะใช้ถ้อยคำว่า'โปรดจ่าย' หรือใช้ถ้อยคำว่า 'ให้ใช้เงิน' ก็ย่อมมีความหมายอย่างเดียวกันว่าให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็คนั้นจึงเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึด: การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของที่แท้จริง แม้มีการจดทะเบียนพาณิชย์
แม้ผ้าที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดจะอยู่ในร้านขายผ้าซึ่งตามใบทะเบียนพาณิชย์มีชื่อผู้ร้องเป็นผู้ประกอบกิจการจำหน่ายผ้าก็ตามแต่พยานของผู้ร้องเจือสมข้อนำสืบของฝ่ายโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ประกอบกิจการและเป็นผู้สั่งสินค้าผ้ามาจำหน่าย ผ้าดังกล่าวจึงเป็นของจำเลย ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิขอให้ถอนการยึด.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบหลักฐานนอกประเด็นคดี: ศาลพิพากษาชอบแล้วหากข้อเท็จจริงเชื่อมโยงกับประเด็นที่กำหนด
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธว่าไม่เคยซื้อหรือให้ตัวแทนซื้ออิฐจากโจทก์ และศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทที่คู่ความจะต้องนำสืบว่าจำเลยทั้งสองได้สั่งซื้อสินค้าไปจากโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เมื่อโจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างตึกแถว จำเลยที่ 2 เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 และเป็นหุ้นส่วนกันในการก่อสร้าง จำเลยที่ 1ได้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์และศาลฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ที่รับว่าเป็นลูกจ้างของ ค. สามีจำเลยที่ 1เป็นผู้ควบคุมงาน ควบคุมอุปกรณ์ก่อสร้าง ส่วนไหนขาดก็สั่งเพิ่ม จำเลยทั้งสองได้สั่งซื้ออิฐไปจากโจทก์ตามฟ้อง ดังนี้ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบและที่ศาลรับฟังมา จึงเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดี ไม่เป็นการนอกประเด็น.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายที่ดินมรดกโดยผู้จัดการมรดกที่มีเจตนาค้าขาย ต้องเสียภาษีเงินได้และภาษีการค้า
ที่ดินที่โจทก์ขายไป เดิม สามีโจทก์กับ ป. ร่วมกันซื้อมาเพื่อจัดสรรให้แก่บุคคลทั่วไป เมื่อสามีโจทก์ตาย โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของสามีได้เลิกการเป็นหุ้นส่วนกับ ป. โดยตกลงแบ่งที่ดินเป็นของ ป. 66 แปลง เป็นของโจทก์ 53 แปลง เมื่อโจทก์จดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินทั้ง 53 แปลงมาแล้ว โจทก์ได้ดำเนินการขายที่ดินนั้นต่อไปตามเจตนาเดิม ของเจ้ามรดก โดยโจทก์ได้จดทะเบียนการค้าประเภทค้าอสังหาริมทรัพย์ไว้ด้วย ดังนี้ การค้าที่ดินของโจทก์เป็นการขายทรัพย์สินที่ได้มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไรมิใช่เป็นการขายทรัพย์สินอันเป็นมรดกตามความหมายของ ป. รัษฎากรมาตรา 42(9) ที่ใช้อยู่ในขณะนั้น จึงต้องนำเงินได้จากการขายที่ดินมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และการขายที่ดินของโจทก์ดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นผู้ประกอบการค้าตามประเภทการค้า 11 ซึ่งต้องเสียภาษีการค้าอีกด้วย.
of 53