พบผลลัพธ์ทั้งหมด 521 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2530
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            เจตนาฆ่าจากบาดแผลสาหัส: พฤติการณ์การทำร้ายด้วยอาวุธอันตรายบ่งชี้เจตนา แม้ผลไม่สำเร็จ
                        
                        จำเลยใช้มีดดาบปลายแหลม ด้ามยาว 23 เซนติเมตร ตัวมีดยาว 52เซนติเมตรและกว้าง 4 เซนติเมตร ฟันผู้เสียหายประมาณ 7-8 ทีมือซ้ายผู้เสียหายถูกฟันเกือบขาด บาดแผลที่แก้มยาวประมาณ5 นิ้ว บาดแผลที่หู 2 แผล (หูฉีกขาดแยกออกจากกัน) อาการสาหัสแพทย์ผ่าตัดฉุกเฉินให้ผู้เสียหายใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จจากลักษณะบาดแผลดังกล่าวแสดงว่าจำเลยฟันผู้เสียหายอย่างแรงหลายทีหากผู้เสียหายไม่ยกมือขึ้นปิดป้องคมมีดที่จำเลยฟันมาอย่างแรง คมมีดอาจผ่านกะโหลกศีรษะเข้าไปถึงสมองทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้หรือหากผู้เสียหายไม่ได้รับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ทันท่วงที ผู้เสียหายคงถึงแก่ความตายเนื่องจากผลแห่งการกระทำของจำเลย กรณีเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น.(ที่มา-ส่งเสริม)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2530
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การชำระค่าขึ้นศาลและการถือว่าเป็นการทิ้งฟ้อง: ศาลฎีกาพิจารณาเหตุผลในการขอเลื่อนชำระค่าขึ้นศาลและพิจารณาว่าเป็นการจงใจขัดขืนหรือไม่
                        
                        ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าที่พิพาทซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดไว้เป็นของผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ถอนการยึด ในวันพิจารณานัดแรกศาลชั้นต้นแจ้งให้คู่ความทราบว่าตามคำร้องของผู้ร้องเป็นคดีมีทุนทรัพย์ให้เสียค่าขึ้นศาลก่อน ผู้ร้องเพียงแต่แถลงต่อศาลว่ายังไม่อาจทราบได้แน่นอนว่าที่พิพาทมีราคาเท่าใด ขอเลื่อนไปเพื่อจะไปสืบราคาปานกลางจากเจ้าพนักงานที่ดินและจะนำเงินค่าขึ้นศาลมาเสียในนัดหน้าศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดพร้อมและนัดไต่สวนพยานผู้ร้องถึงวันนัดผู้ร้องแถลงว่าสอบราคาแล้วราคาปานกลางประมาณสองล้านบาท แต่ยังหาเงินค่าขึ้นศาลมาวางไม่ได้ขอเลื่อนคดีดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องจงใจขัดขืนไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาลจึงไม่เป็นการทิ้งฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริม)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2530
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            คดีอนาจารและฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจากพยานหลักฐานแวดล้อมและคำรับสารภาพ
                        
                        แม้โจทก์จะไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยเป็นคนทำร้ายผู้ตายโดยตรงแต่โจทก์มีพยานแวดล้อมที่ใกล้ชิดกับเหตุที่เกิดขึ้นอย่างมาก และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับจำเลยมาได้ จำเลยก็ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวนโดยละเอียดว่าได้ทำร้ายและกระทำอนาจารผู้ตายจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำอนาจารแก่ผู้ตายโดยใช้กำลังประทุษร้ายและจับผู้ตายคว่ำหน้ากดศีรษะลงไปในโคลน แล้วกระทำชำเราผู้ตายทางทวารหนักเป็นเหตุให้ดินโคลนเข้าไปในปาก ท่อทางเดินหายใจ และหลอดลมทำให้ผู้ตายขาดอากาศถึงแก่ความตาย จำเลยย่อมเล็งเห็นอยู่แล้วว่าจะเป็นผลให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและกระทำอนาจารเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4767/2529
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การโอนสิทธิเรียกร้องค่าจ้างตามสัญญา และผลกระทบต่อการบังคับคดี การอายัดเงินของผู้รับจ้างที่โอนสิทธิแล้ว
                        
                        สัญญาจ้างระหว่างผู้คัดค้านที่1ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างและจำเลยที่1ซึ่งเป็นผู้รับจ้างมีข้อความระบุไว้ชัดเจนว่าค่าจ้างที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ตามสูตรสัญญาแบบปรับราคาได้ท้ายสัญญาจ้างดังนั้นเมื่อจำเลยที่1โอนสิทธิเรียกร้องการรับค่าจ้างดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นสิทธิเรียกร้องทั้งหมดของจำเลยที่1ที่จะพึงเกิดขึ้นตามสัญญาจ้างให้เป็นของผู้คัดค้านที่2จึงต้องหมายความรวมถึงค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ด้วยโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินดังกล่าวที่ตกเป็นของผู้คัดค้านที่2ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้และผู้คัดค้านที่1ก็มีสิทธิที่จะไม่ส่งเงินจำนวนนั้นตามที่กรมบังคับคดีขออายัดมาได้.
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4767/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การโอนสิทธิเรียกร้องค่าจ้างตามสัญญา และผลกระทบต่อการบังคับคดี สิทธิเรียกร้องทั้งหมดรวมถึงค่าจ้างที่ปรับราคาได้ย่อมโอนไปยังผู้รับโอน
                        
                        สัญญาจ้างระหว่างผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างและจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้รับจ้างมีข้อความระบุไว้ชัดเจนว่า ค่าจ้างที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ตามสูตรสัญญาแบบปรับราคาได้ท้ายสัญญาจ้าง ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 โอนสิทธิเรียกร้องการรับค่าจ้างดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นสิทธิเรียกร้องทั้งหมดของจำเลยที่ 1 ที่จะพึงเกิดขึ้นตามสัญญาจ้างให้เป็นของผู้คัดค้านที่ 2 จึงต้องหมายความรวมถึงค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินดังกล่าวที่ตกเป็นของผู้คัดค้านที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ และผู้คัดค้านที่ 1 ก็มีสิทธิที่จะไม่ส่งเงินจำนวนนั้นตามที่กรมบังคับคดีขออายัดมาได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4767/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การโอนสิทธิเรียกร้องค่าจ้างที่ปรับราคาได้ตามสัญญาจ้าง และผลกระทบต่อการบังคับคดี
                        
                        สัญญาจ้างระหว่างผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างและจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้รับจ้างมีข้อความระบุไว้ชัดเจนว่าค่าจ้างที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ตามสูตรสัญญาแบบปรับราคาได้ท้ายสัญญาจ้างดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 โอนสิทธิเรียกร้องการรับค่าจ้างดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นสิทธิเรียกร้องทั้งหมดของจำเลยที่ 1 ที่จะพึงเกิดขึ้นตามสัญญาจ้างให้เป็นของผู้คัดค้านที่ 2 จึงต้องหมายความรวมถึงค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินดังกล่าวที่ตกเป็นของผู้คัดค้านที่ 2ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ และผู้คัดค้านที่ 1 ก็มีสิทธิที่จะไม่ส่งเงินจำนวนนั้นตามที่กรมบังคับคดีขออายัดมาได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4708/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ เมื่อคู่กรณีรับสภาพการครอบครองครบ 10 ปี และไม่ใช่บุคคลที่ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทน
                        
                        เมื่อผู้คัดค้านยอมรับว่าผู้ร้องได้ครอบครองที่พิพาทมาโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของครบ 10 ปีแล้วจึงต้องฟังว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว ผู้ร้องไม่จำต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ในประเด็นข้อนี้อีก
ผู้คัดค้านได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมาโดยการรับมรดกจึงมิใช่ บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทน ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง ผู้ร้องย่อมยกกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นต่อสู้ผู้คัดค้านได้
                                    ผู้คัดค้านได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมาโดยการรับมรดกจึงมิใช่ บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทน ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง ผู้ร้องย่อมยกกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นต่อสู้ผู้คัดค้านได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4708/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ เมื่อผู้คัดค้านยอมรับการครอบครองครบ 10 ปี และกรรมสิทธิ์ที่ได้มาไม่เป็นบุคคลภายนอก
                        
                        เมื่อผู้คัดค้านยอมรับว่าผู้ร้องได้ครอบครองที่พิพาทมาโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของครบ 10 ปีแล้ว จึงต้องฟังว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว ผู้ร้องไม่จำต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ในประเด็นข้อนี้อีก
ผู้คัดค้านได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมาโดยการรับมรดก จึงมิใช่บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง ผู้ร้องย่อมยกกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นต่อสู้ผู้คัดค้านได้
                                    ผู้คัดค้านได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมาโดยการรับมรดก จึงมิใช่บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง ผู้ร้องย่อมยกกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นต่อสู้ผู้คัดค้านได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4708/2529
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ เมื่อผู้คัดค้านยอมรับการครอบครองครบ 10 ปี
                        
                        เมื่อผู้คัดค้านยอมรับว่าผู้ร้องได้ครอบครองที่พิพาทมาโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของครบ10ปีแล้วจึงต้องฟังว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382แล้วผู้ร้องไม่จำต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ในประเด็นข้อนี้อีก    ผู้คัดค้านได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมาโดยการรับมรดกจึงมิใช่บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1299วรรคสองผู้ร้องย่อมยกกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์แต่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นต่อสู้ผู้คัดค้านได้.
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4511/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สัญญาเช่าไม่จดทะเบียนเกิน 3 ปี สิทธิเช่าสิ้นสุด แม้ผู้ซื้อทรัพย์ต้องรับสิทธิหน้าที่เดิม
                        
                        การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องเข้ามาในชั้นบังคับคดีอ้างว่าผู้ร้องเป็น ผู้เช่าห้องพิพาทซึ่งเป็นสัญญาต่างตอบแทนจากเจ้าของเดิม  สัญญาเช่ามีกำหนดเวลา 50 ปี โจทก์ซื้อทรัพย์พิพาทมาจาก การขายทอดตลาดย่อมต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่นั้นแม้จะฟังได้ตามคำร้อง สัญญาเช่าห้องพิพาทซึ่งเป็นสัญญาต่างตอบแทน ก็ก่อให้เกิดเพียงบุคคลสิทธิผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น และนับแต่ วันทำสัญญาจนถึงวันยื่นคำร้องเกินกำหนด3 ปีแล้ว ผู้ร้อง จึงไม่อาจอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าซึ่งมิได้จดทะเบียนการเช่า ขึ้น ตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ได้