คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทิน นนทแก้ว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 521 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2215/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชิงทรัพย์: พยานหลักฐานสอดคล้องยืนยันความผิด จำเลยให้การปฏิเสธแต่ไม่มีน้ำหนักหักล้างได้
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดสุดท้าย โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับเดือนที่จำเลยกระทำผิดจากเดือนกรกฎาคม 2530 เป็นเดือนพฤษภาคม 2530 ซึ่งเป็นเดือนที่เกิดเหตุจริงตามที่พยานโจทก์เบิกความ เมื่อปรากฏว่าในตอนที่จำเลยให้การจำเลยเพียงแต่ให้การปฏิเสธลอย แม้จำเลยจะนำสืบว่าเดือนกรกฎาคม 2530 จำเลยถูกขังอยู่ในเรือนจำก็เป็นการถูกขังระหว่างสอบสวนในคดีนี้ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่จำเลยหลงต่อสู้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อผิดนัดชำระและการสละสิทธิ: ผลกระทบต่อสิทธิเรียกร้องค่าเช่าซื้อ
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ไปจากจำเลย แล้วชำระค่าเช่าซื้อไม่ตรงตาม กำหนดเวลาในสัญญา แม้จำเลยจะยอมรับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระและคิดดอกเบี้ย ในระหว่างผิดนัดด้วย โดย ไม่ถือว่าการไม่ชำระค่าเช่าซื้อตาม กำหนดในสัญญาเป็นการผิดสัญญาก็ตาม แต่ ต่อมาจำเลยได้ ไปยึดรถคืนเนื่องจากโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อถึง 9 งวดโจทก์ยินยอมให้จำเลยนำรถกลับไป และทำบันทึกข้อตกลงกับจำเลยว่าโจทก์จะนำค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดไปชำระแก่จำเลยภายในเวลาที่กำหนด หากพ้นกำหนดถือว่าโจทก์สละสิทธิตาม สัญญาเช่าซื้อ เมื่อโจทก์ไม่ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างแก่จำเลยตาม บันทึกข้อตกลงถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา และโจทก์จำเลยได้ เลิกสัญญาเช่าซื้อ กันตาม บันทึกข้อตกลงดังกล่าวโจทก์จึงไม่มีสิทธิขอคืนค่าเช่าซื้อที่ชำระไปจากจำเลยและเรียกค่าเสียหาย คงมีสิทธิเรียกราคาตัวถัง และดั๊ม ที่โจทก์ต่อ ขึ้นจากจำเลยได้ เมื่อหักค่าเสื่อมราคาแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อผิดนัดชำระ ยึดทรัพย์ได้ หากตกลงใหม่แล้วผิดสัญญาอีก ย่อมเลิกสัญญากันได้
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ไปจากจำเลย แล้วชำระค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามกำหนดเวลาในสัญญา แม้จำเลยจะยอมรับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระและคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดด้วย โดยไม่ถือว่าการไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนดในสัญญาเป็นการผิดสัญญาก็ตาม แต่ต่อมาจำเลยได้ไปยึดรถคืนเนื่องจากโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อถึง 9 งวดโจทก์ยินยอมให้จำเลยนำรถกลับไป และทำบันทึกข้อตกลงกับจำเลยว่าโจทก์จะนำค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดไปชำระแก่จำเลยภายในเวลาที่กำหนด หากพ้นกำหนดถือว่าโจทก์สละสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ เมื่อโจทก์ไม่ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างแก่จำเลยตามบันทึกข้อตกลงถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา และโจทก์จำเลยได้เลิกสัญญาเช่าซื้อกันตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวโจทก์จึงไม่มีสิทธิขอคืนค่าเช่าซื้อที่ชำระไปจากจำเลยและเรียกค่าเสียหาย คงมีสิทธิเรียกราคาตัวถังและดั๊มที่โจทก์ต่อ ขึ้นจากจำเลยได้เมื่อหักค่าเสื่อมราคาแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อ: การผิดสัญญา, การสละสิทธิ, และการเลิกสัญญา
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์ไปจากจำเลย แล้วชำระค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามกำหนดเวลาในสัญญา แม้จำเลยจะยอมรับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระและคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดโดยไม่ถือว่าการไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนดในสัญญาเป็นการผิดสัญญาก็ตาม แต่ต่อมาจำเลยได้ไปยึดรถยนต์คืนเนื่องจากโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อถึง 9 งวด โจทก์ยินยอมให้จำเลยนำรถยนต์กลับไป และทำบันทึกข้อตกลงกับจำเลยว่าโจทก์จะนำค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดไปชำระแก่จำเลยภายในเวลาที่กำหนด หากพ้นกำหนดถือว่าโจทก์สละสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ เมื่อโจทก์ไม่ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างแก่จำเลยตามบันทึกข้อตกลง ถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา และโจทก์จำเลยได้เลิกสัญญาเช่าซื้อกันตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอคืนค่าเช่าซื้อที่ชำระไปแล้วและเรียกค่าเสียหายจากจำเลย คงมีสิทธิเรียกราคาตัวถังและดั๊มที่โจทก์ต่อขึ้นจากจำเลยได้เมื่อหักค่าเสื่อมราคาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยเช็คของผู้ถือและการไม่ถือเป็นการแปลงหนี้
จำเลยที่ 1 ซื้อวัสดุก่อสร้างจากโจทก์โดยชำระด้วยเงินสดบางส่วน ที่เหลือชำระด้วยเช็คผู้ถือซึ่งจำเลยที่ 2 ลงชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้ค่าหมูที่จำเลยที่ 2 ซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ลงชื่อสลักหลังเช็คดังกล่าวด้วย แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 2 จึงออกเช็คผู้ถืออีก 2 ฉบับให้โจทก์แทนเช็คฉบับเดิม โดยจำเลยที่ 1 มิได้ลงชื่อสลักหลังธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับ ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 เอาเช็คของจำเลยที่ 2 มาชำระหนี้ให้โจทก์ เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับเงินตามเช็คเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินหนี้จึงไม่ระงับไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 แม้จำเลยที่ 2 จะออกเช็คใหม่ 2 ฉบับพร้อมทั้งให้ดอกเบี้ยด้วยและเอาเช็คเก่าคืนไปโดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงชื่อสลักหลังก็ตามก็ถือไม่ได้ว่ามีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับอีก จำเลยที่ 1 ยังคงต้องรับผิดในหนี้ตามสัญญาซื้อขายส่วนจำเลยที่ 2 รับผิดตามเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยเช็คและการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ กรณีเช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้
การที่จำเลยที่ 1 เอาเช็คซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้สั่งจ่ายมาชำระหนี้ให้โจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ลงชื่อสลักหลังเช็คดังกล่าวด้วย เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับเงินตามเช็คเพราะธนาคารปฎิเสธ การจ่ายเงิน หนี้จึงไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา321 แม้จำเลยที่ 2 จะออกเช็คใหม่ 2 ฉบับ พร้อมทั้งให้ดอกเบี้ยด้วยและเอาเช็คเก่าคืนไป โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงชื่อสลักหลังก็ตามก็ถือไม่ได้ว่ามีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับอีก จำเลยที่ 1 ยังคงต้องรับผิดในหนี้ตามสัญญาซื้อขาย ส่วนจำเลยที่ 2 รับผิดตามเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยเช็คและการไม่ระงับหนี้เดิมแม้มีการออกเช็คใหม่
จำเลยที่ 1 ซื้อวัสดุก่อสร้างจากโจทก์โดยชำระด้วยเงินสดบางส่วน ที่เหลือชำระด้วยเช็คผู้ถือซึ่งจำเลยที่ 2 ลงชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้ค่าหมูที่จำเลยที่ 2 ซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ลงชื่อสลักหลังเช็คดังกล่าวด้วย แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 2 จึงออกเช็คผู้ถืออีก 2 ฉบับให้โจทก์แทนเช็คฉบับเดิม โดยจำเลยที่ 1 มิได้ลงชื่อสลักหลังธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับ ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 เอาเช็คของจำเลยที่ 2 มาชำระหนี้ให้โจทก์ เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับเงินตามเช็คเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินหนี้จึงไม่ระงับไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321แม้จำเลยที่ 2 จะออกเช็คใหม่ 2 ฉบับพร้อมทั้งให้ดอกเบี้ยด้วยและเอาเช็คเก่าคืนไปโดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงชื่อสลักหลังก็ตามก็ถือไม่ได้ว่ามีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับอีก จำเลยที่ 1 ยังคงต้องรับผิดในหนี้ตามสัญญาซื้อขายส่วนจำเลยที่ 2 รับผิดตามเช็ค.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2073/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวฐานผลิตและมีไว้เพื่อขายยาเสพติด เมทแอมเฟตามีน
เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ชนิดเม็ด จำนวน 9,300 เม็ดที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายนั้นเป็นจำนวนเดียวกัน ส่วนเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงจำนวน7 ถุงนั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ชนิดเม็ดผลิตโดยใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์อัดเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงให้เป็นเม็ดขณะเจ้าพนักงานเข้าทำการจับกุมปรากฏว่าเครื่องจักรผลิตยากำลังทำงานอยู่ดังนั้น เมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงดังกล่าว จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อผลิตเป็นชนิดเม็ดเพื่อขายนั่นเอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2073/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานผลิตและมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติด เมทแอมเฟตามีน เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ชนิดเม็ด จำนวน 9,300 เม็ด ที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายนั้น เป็นจำนวนเดียวกัน ส่วนเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงจำนวน 7 ถุงนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ชนิดเม็ดผลิตโดยใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์อัดเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงให้เป็นเม็ด ขณะเจ้าพนักงานเข้าทำการจับกุมปรากฏว่าเครื่องจักรผลิตยากำลังทำงานอยู่ ดังนั้น เมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดและชนิดผงดังกล่าว จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อผลิตเป็นชนิดเม็ดเพื่อขายนั่นเอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวเกินเหตุทำร้ายถึงแก่ความตาย มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายมาขอเงินจำเลยซึ่งเป็นภริยาไปซื้อสุราแล้วครั้งหนึ่งต่อมาผู้ตายกลับมาขอเงินไปซื้อสุราอีก เมื่อจำเลยบอกว่าไม่มีให้ผู้ตายก็บีบคอจำเลยและพูดว่า ไม่ให้จะฆ่า จำเลยหายใจไม่ออกจึงดิ้นไปมาและหยิบเอามีดโต้ซึ่งวางอยู่แถวหัวนอนฟันผู้ตาย เพื่อป้องกันขัดขวางไม่ให้ผู้ตายบีบคอจำเลยการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัว แต่การที่จำเลยใช้มีดโต้ขนาดใหญ่ฟันผู้ตายที่ศีรษะ 4 แผล กะโหลกศีรษะแตกและถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69
of 53