คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมบูรณ์ ฤกษ์สำราญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 263 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์ การเข้าใจผิดและการทิ้งฟ้องอุทธรณ์
โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้องและส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลยโดยให้โจทก์นำส่งใน7วันต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต่อไปและได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่10มกราคม2528ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยแก้ใน15วันโดยให้โจทก์นำส่งใน7วันหมายแจ้งคำสั่งให้ทนายโจทก์ทราบโจทก์ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมในการส่งต่อเจ้าหน้าที่เดินหมายเมื่อวันที่16มกราคม2528แต่พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งแก่จำเลยในวันที่17มกราคม2528โดยพนักงานเดินหมายอาจไม่ทราบว่าได้มีการงดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้วและโจทก์อาจจะเข้าใจผิดว่าการที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ไว้แล้วนั้นเป็นการนำส่งหมายนัดให้จำเลยแก้อุทธรณ์แล้วเพราะโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งดังกล่าวหลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้วถึง6วันโจทก์จึงมิได้นำส่งอีกแม้ต่อมาภายหลังโจทก์จะได้รับหมายแจ้งคำสั่งให้นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่งแต่หมายแจ้งคำสั่งดังกล่าวลงวันที่14มกราคม2528ซึ่งเป็นวันก่อนที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์จึงอาจเข้าใจได้อีกว่าโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งตามหมายแจ้งคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นแล้วจึงมิได้ติดต่อเพื่อทราบเหตุดังกล่าวจากศาลชั้นต้นอีกตามพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่ากรณีเป็นการเข้าใจผิดของโจทก์และพนักงานเดินหมายทั้งสำเนาอุทธรณ์ก็ได้ส่งแก่จำเลยแล้วยังไม่ได้ส่งเฉพาะหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์เท่านั้นซึ่งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้ออกหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์แต่อย่างใดดังนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4714/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: การพิจารณาประเภทคำสั่งและกำหนดเวลาอุทธรณ์ที่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้องในวันเดียวกันผู้ร้องจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีได้แม้จะมิได้โต้แย้งไว้ การอุทธรณ์ดังกล่าวมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา226(2)มิใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งต้องอุทธรณ์ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา156 ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์เรื่องการขอเลื่อนคดีศาลฎีกาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ในประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4714/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: การเลื่อนคดีและการดำเนินคดีอนาถา กำหนดเวลาและขอบเขต
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้องในวันเดียวกัน ผู้ร้องจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีได้ แม้จะมิได้โต้แย้งไว้
การอุทธรณ์ดังกล่าวมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (2) มิใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งต้องอุทธรณ์ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์เรื่องการขอเลื่อนคดี ศาลฎีกาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ในประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4714/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: การแยกพิจารณาคำสั่งเลื่อนคดีและคำสั่งยกคำร้องดำเนินคดีอนาถา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้องในวันเดียวกัน ผู้ร้องจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีได้ แม้จะมิได้โต้แย้งไว้
การอุทธรณ์ดังกล่าวมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226(2) มิใช่เป็นการอุทธรณ์ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งต้องอุทธรณ์ ภายใน กำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่ ผู้ร้องอุทธรณ์เรื่องการขอเลื่อนคดี ศาลฎีกาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ ในประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4185/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถ ชนกันหลายฝ่าย ผู้ขับขี่ทั้งสองมีความผิด และสิทธิการเข้าร่วมเป็นโจทก์
จำเลยที่ 2 ขับรถบรรทุกสิบล้อในช่องเดินรถด้านซ้ายมีรถบรรทุกสิบล้อแล่นตามหลังหนึ่งคันและรถบรรทุกหกล้อที่จำเลยที่ 1 ขับตามมาอีกหนึ่งคัน การที่จำเลยที่ 2 ขับรถเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางขวา อันเป็นระยะกระชั้นชิดกับช่วงที่จำเลยที่ 1 จะขับรถแซง โดยจำเลยที่ 2 มิได้ระมัดระวังดูรถที่แล่นตามมาทางด้านขวาให้ปลอดภัยเสียก่อน แม้จำเลยที่ 2 จะให้สัญญาณไฟเลี้ยวหรือไม่ก็ตาม และการที่จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกหกล้อด้วยความเร็วสูงมากแซงรถบรรทุกสิบล้อคันหนึ่ง และจะแซงรถจำเลยที่ 2 ในคราวเดียวกัน โดยปราศจากความระมัดระวัง เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกับรถของจำเลยที่ 2 ซึ่งเปลี่ยนช่องเดินรถออกมาทางขวา ดังนี้ เหตุชนกันจึงเกิดจากความประมาทของจำเลยทั้งสอง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งอย่างใด เมื่อผู้ร้องเป็นพี่ของผู้ตาย จึงไม่ใช่บุคคลที่มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2) ไม่มีอำนาจร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4185/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถ ชนกันทำให้ถึงแก่ชีวิต ศาลพิพากษาโทษจำเลยทั้งสอง
จำเลยที่ 2 ขับรถบรรทุกสิบล้อในช่องเดินรถด้านซ้ายมีรถบรรทุกสิบล้อแล่นตามหลังหนึ่งคันและรถบรรทุกหกล้อที่จำเลยที่ 1 ขับตามมาอีกหนึ่งคัน การที่จำเลยที่ 2 ขับรถเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางขวา อันเป็นระยะกระชั้นชิดกับช่วงที่จำเลยที่ 1 จะขับรถแซง โดยจำเลยที่ 2 มิได้ระมัดระวังดูรถที่แล่นตามมาทางด้านขวาให้ปลอดภัยเสียก่อน แม้จำเลยที่ 2 จะให้สัญญาณไฟเลี้ยวหรือไม่ก็ตาม และการที่จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกหกล้อด้วยความเร็วสูงมากแซงรถบรรทุกสิบล้อคันหนึ่ง และจะแซงรถจำเลยที่ 2 ในคราวเดียวกัน โดยปราศจากความระมัดระวัง เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกับรถของจำเลยที่ 2 ซึ่งเปลี่ยนช่องเดินรถออกมาทางขวา ดังนี้ เหตุชนกันจึงเกิดจากความประมาทของจำเลยทั้งสอง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งอย่างใด เมื่อผู้ร้องเป็นพี่ของผู้ตาย จึงไม่ใช่บุคคลที่มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2) ไม่มีอำนาจร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4185/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถ ชนกันทำให้ถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาความรับผิดของทั้งสองฝ่าย
จำเลยที่2ขับรถบรรทุกสิบล้อในช่องเดินรถด้านซ้ายมีรถบรรทุกสิบล้อแล่นตามหลังหนึ่งคันและรถบรรทุกหกล้อที่จำเลยที่1ขับตามมาอีกหนึ่งคันการที่จำเลยที่2ขับรถเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางขวาอันเป็นระยะกระชั้นชิดกับช่วงที่จำเลยที่1จะขับรถแซงโดยจำเลยที่2มิได้ระมัดระวังดูรถที่แล่นตามมาทางด้านขวาให้ปลอดภัยเสียก่อนแม้จำเลยที่2จะให้สัญญาณไฟเลี้ยวหรือไม่ก็ตามและการที่จำเลยที่1ขับรถบรรทุกหกล้อด้วยความเร็วสูงมากแซงรถบรรทุกสิบล้อคันหนึ่งและจะแซงรถจำเลยที่2ในคราวเดียวกันโดยปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกับรถของจำเลยที่2ซึ่งเปลี่ยนช่องเดินรถออกมาทางขวาดังนี้เหตุชนกันจึงเกิดจากความประมาทของจำเลยทั้งสอง ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งอย่างใดเมื่อผู้ร้องเป็นพี่ของผู้ตายจึงไม่ใช่บุคคลที่มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา5(2)ไม่มีอำนาจร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4172/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค: ผู้สลักหลังไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็คหากไม่ได้ร่วมกระทำผิดกับผู้ออกเช็ค และโจทก์ต้องพิสูจน์ว่ามีเงินในบัญชี
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังเช็คมิใช่ผู้ออกเช็ค โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้บรรยายว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ผู้ออกเช็คอย่างไร การกระทำของจำเลยที่ 2 ตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้อง เฉพาะจำเลยที่ 1 ผู้ออกเช็คส่วนจำเลยที่ 2 ผู้สลักหลังเช็คให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ให้ประทับฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ด้วย ดังนี้ข้อเท็จจริงที่ว่าในวันออกเช็คจำเลยที่ 1 มีเงินในบัญชีพอจ่ายตามเช็คพิพาทหรือไม่ เป็นสาระสำคัญแห่งคดีที่จะแสดงให้เห็นได้ว่าคดีโจทก์มีมูลเป็นความผิดหรือไม่ แม้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ก็ต้องนำสืบให้ปรากฏถึงความข้อนี้ เมื่อโจทก์นำสืบแต่เพียงว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการออกเช็คโดยเจตนา ที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คเท่านั้น จึงฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง จำเลยที่ 1 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4048/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจร ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยข้อหาเดิมตามฎีกาโดยไม่ต้องย้อนสำนวน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพฐานรับของโจร จำเลยที่ 2ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานรับของโจร ดังนี้ ถือได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ในข้อหาฐานรับของโจร เมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ต้องถือว่าข้อหารับของโจรสำหรับจำเลยที่ 1ยุติแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้นจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้พิพากษายกฟ้องในข้อหาลักทรัพย์ที่ศาลอุทธรณ์ต้องวินิจฉัยจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานรับของโจรไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เมื่อโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานลักทรัพย์ ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยข้อหาฐานลักทรัพย์ตามฎีกาของโจทก์โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4048/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เรื่องลักทรัพย์-รับของโจร โดยวินิจฉัยข้อหาเดิมตามที่โจทก์ฎีกา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรจำเลยที่1ให้การรับสารภาพฐานรับของโจรจำเลยที่2ให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่1มีความผิดฐานลักทรัพย์จำเลยที่2มีความผิดฐานรับของโจรดังนี้ถือได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยที่1ในข้อหาฐานรับของโจรเมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ต้องถือว่าข้อหารับของโจรสำหรับจำเลยที่1ยุติแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้นจำเลยที่1อุทธรณ์ขอให้พิพากษายกฟ้องในข้อหาลักทรัพย์ที่ศาลอุทธรณ์ต้องวินิจฉัยจำเลยที่1กระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่1ฐานรับของโจรไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาเมื่อโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่1ฐานลักทรัพย์ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยข้อหาฐานลักทรัพย์ตามฎีกาของโจทก์โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่.
of 27