คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมบูรณ์ ฤกษ์สำราญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 263 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังคำให้การในฐานะพยานและผู้ต้องหา, พยานแวดล้อม, การพิสูจน์ความผิดทางอาญา
ก่อนจับกุมจำเลย พนักงานสอบสวนได้เรียกจำเลยมาสอบสวนในฐานะพยานและทำบันทึกคำให้การไว้ ซึ่งตามบันทึกคำให้การดังกล่าว ก็ระบุว่าเป็นคำให้การของจำเลยในฐานะเป็นพยานมิใช่ในฐานะผู้ต้องหา ไม่มีข้อความที่แสดงว่าได้บอกให้ผู้ต้องหาทราบก่อนว่าถ้อยคำ ที่ผู้ต้องหากล่าวนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันตนในการพิจารณาได้ ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา134 บัญญัติไว้ เช่นนี้ จะถือว่าเป็นบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาไม่ได้เมื่อโจทก์ ไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อมให้ฟังว่าจำเลยกระทำความผิด ตามฟ้อง ลำพังบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งให้การไว้ ในฐานะพยานมิใช่ในฐานะผู้ต้องหายังฟังลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การในฐานะพยานใช้ลงโทษจำเลยไม่ได้หากไม่แจ้งสิทธิและเงื่อนไขตามกฎหมาย
ก่อนจับกุมจำเลย พนักงานสอบสวนได้เรียกจำเลยมาสอบสวนในฐานะพยานและทำบันทึกคำให้การไว้ ซึ่งตามบันทึกคำให้การดังกล่าวก็ระบุว่าเป็นคำให้การของจำเลยในฐานะเป็นพยานมิใช่ในฐานะผู้ต้องหา ไม่มีข้อความที่แสดงว่าได้บอกให้ผู้ต้องหาทราบก่อนว่าถ้อยคำที่ผู้ต้องหากล่าวนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันตนในการพิจารณาได้ตามที่ประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความอาญา มาตรา 134 บัญญัติไว้ เช่นนี้ จะถือว่าเป็นบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาไม่ได้ เมื่อโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อมให้ฟังว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ลำพังบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งให้การไว้ในฐานะพยานมิใช่ในฐานะผู้ต้องหายังฟังลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารสิทธิปลอมเพื่อเบิกเงินหลังผู้ตายถึงแก่กรรม ส่อเจตนาทุจริต
การที่จำเลยนำใบมอบฉันทะซึ่งมีลายมือชื่อของผู้ตายอันเป็นลายมือปลอมไปขอรับเงินหลังจากผู้ตายซึ่งถึงแก่ความตายแล้วถึง9 วัน โดยปกปิดไม่แจ้งให้ทางธนาคารทราบ ย่อมส่อให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต โดยรู้ดีว่าแบบขอเบิกเงินนั้นเป็นเอกสารสิทธิปลอม จึงแกล้งปกปิดความจริงไม่แจ้งให้ธนาคารทราบการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกง: ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน vs. ฉ้อโกงทั่วไป, อายุความ, และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
จำเลยหลอกลวงชวนโจทก์ร่วมทั้งสามไปทำงานต่างประเทศเนื่องจาก การหลอกลวงของจำเลย โจทก์ร่วมทั้งสามได้จ่ายเงินให้จำเลยการหลอกลวงของจำเลยมิได้มีลักษณะเป็นการประกาศโฆษณาแก่บุคคลทั่ว ๆ ไปว่าจำเลยสามารถจัดหางานในต่างประเทศให้บุคคลทั่ว ๆ ไป ที่ต้องการทำ จำเลยเพียงแต่พูดชวนโจทก์ร่วมทั้งสามให้ไปทำงาน ในต่างประเทศเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 คงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความกันได้ เมื่อคดีขาดอายุความสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6) พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนโจทก์ร่วมทั้งสามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 คำขอส่วนแพ่งของโจทก์ร่วมที่ขอถือเอาตามคำฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์ก็ย่อมตกไปด้วย ศาลไม่มีอำนาจสั่งให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของข้าราชการต่อการยักยอกเงินของทางราชการจากความประมาทเลินเล่อและการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
โจทก์เป็นกรมในรัฐบาล อธิบดีซึ่งเป็นผู้แทนของกรมโจทก์มอบอำนาจให้ผู้หนึ่งผู้ใดฟ้องคดีแทน ดังนี้อากรสำหรับการมอบอำนาจซึ่งกรมโจทก์เป็นฝ่ายที่ต้องเสียจึงเป็นอันไม่ต้องเสียตามประมวลรัษฎากร มาตรา 121 โจทก์มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 3 ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 4 ให้มีหน้าที่และรับผิดชอบโดยตรงในด้านการเงินและทะเบียนยานพาหนะ แต่จำเลยที่ 3 ไม่เคยตรวจตราอย่างใกล้ชิดในการเก็บรักษาเงิน และไม่ดูแลในการนำเงินส่งคลังให้เป็นไปตามระเบียบเป็นการประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฉวยโอกาสยักยอกเงินของทางราชการไป จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 4 มีตำแหน่งเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธร ย่อมต้องมีหน้าที่รับผิดชอบงานในหน่วยราชการที่ตนมีหน้าที่ควบคุมอยู่ แม้จะมอบหมายหน้าที่การเงินให้จำเลยที่ 3 ดูแลแทน จำเลยที่ 4 ก็ยังต้องมีหน้าที่ดูแลมิให้เกิดการเสียหาย เมื่อจำเลยที่ 4 ปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบในการรักษาเงินโดยไม่เก็บรักษา กุญแจไว้กับตนกลับมอบให้จำเลยที่ 3 ซึ่งถือกุญแจอยู่อีก 1 ดอก เป็น การเปิดช่องให้มีการยักยอกเงินสะดวกขึ้นเมื่อมอบหมายให้จำเลยที่ 3ปฏิบัติหน้าที่แทนตนก็มิได้ตรวจตราควบคุมดูแลการนำเงินเข้าและออกจากที่เก็บตลอดจนมิได้ตรวจสอบทะเบียนเงินยืมและเร่งรัดให้มีการส่งใบสำคัญหักล้างเงินยืมตามระเบียบจนเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 และที่ 2ร่วมกันปลอมใบยืมและเบิกเงินไปโดยผิดระเบียบถึง 29 ครั้ง ถือว่า เป็นความประมาทเลินเล่อ เมื่อเกิดความเสียหายอันเป็นผล ของความประมาทเลินเล่อดังกล่าวจำเลยที่ 4 จึงต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐต่อความเสียหายทางการเงินจากความประมาทเลินเล่อ
โจทก์เป็นกรมในรัฐบาล อธิบดีซึ่งเป็นผู้แทนของกรมโจทก์มอบอำนาจให้ผู้หนึ่งผู้ใดฟ้องคดีแทน ดังนี้อากรสำหรับการมอบอำนาจซึ่งกรมโจทก์เป็นฝ่ายที่ต้องเสียจึงเป็นอันไม่ต้องเสียตามประมวลรัษฎากร มาตรา 121 โจทก์มีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 3 ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 4 ให้มีหน้าที่และรับผิดชอบโดยตรงในด้านการเงินและทะเบียนยานพาหนะ แต่จำเลยที่ 3 ไม่เคยตรวจตราอย่างใกล้ชิดในการเก็บรักษาเงิน และไม่ดูแลในการนำเงินส่งคลังให้เป็นไปตามระเบียบเป็นการประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฉวยโอกาสยักยอกเงินของทางราชการไป จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 4 มีตำแหน่งเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธร ย่อมต้องมีหน้าที่รับผิดชอบงานในหน่วยราชการที่ตนมีหน้าที่ควบคุมอยู่ แม้จะมอบหมายหน้าที่การเงินให้จำเลยที่ 3 ดูแลแทน จำเลยที่ ก็ยังต้องมีหน้าที่ดูแลมิให้เกิดการเสียหาย เมื่อจำเลยที่ 4 ปล่อยละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบในการรักษาเงินโดยไม่เก็บรักษากุญแจไว้กับตนกลับมอบให้จำเลยที่ 3 ซึ่งถือกุญแจอยู่อีก 1 ดอกเ เป็นการเปิดช่องให้มีการยักยอกเงินสะดวกขึ้น เมื่อมอบหมายให้จำเลยที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่แทนตนก็มิได้ตรวจตราควบคุมดูแลการนำเงินเข้าและออกจากที่เก็บตลอดจนมิได้ตรวจสอบทะเบียบเงินยืมและเร่งรัดให้มีการส่งใบสำคัญหักล้างเงินยืมตามระเบียบจนเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันปลอมใบยืมและเบิกเงินไปโดยผิดระเบียบถึง 29 ครั้ง ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่อ เมื่อเกิดความเสียหายอันเป็นผลของความประมาทเลินเล่อดังกล่าวจำเลยที่ 4 จึงต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายและทำร้ายผู้ถูกทำร้ายที่พยายามช่วยเหลือ
ผู้ตายหยอดเหรียบที่ตู้เพลงในร้านอาหารแต่เพลงไม่ดังเพราะจำเลยทั้งสองกับ ว. และ อ. พวกของจำเลยถอดปลั๊กตู้เพลงออก ผู้ตายจึงขอเงินคืนแล้วเกิดเรื่องกันโดย ว. ใช้มีดแทงผู้ตายหลายครั้ง จำเลยที่ 1 กับ อ. ใช้ขวดสุราตี ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้เก้าอี้ตีผู้ตาย ผู้เสียหายเข้าไปห้ามก็ถูกทำร้ายสลบอยู่ในร้านอาหาร เมื่อผู้ตายหนีออกมาจากร้านอาหารจำเลยทั้งสอง และ อ. ไล่ตามและตะโกนว่าฆ่ามันให้ตายและยังได้ตามมาทำร้ายผู้ตายห่างจากที่เกิดเหตุครั้งแรกประมาณ 3 เส้น จนผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยทั้งสองยังกลับมาทำร้ายผู้เสียหายซึ่งนอนสลบอยู่อีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตายและทำร้ายร่างกายผู้เสียหายรวม 2 กรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายและทำร้ายผู้ที่เข้าช่วยเหลือ
ผู้ตายหยอดเหรียญที่ตู้เพลงในร้านอาหารแต่เพลงไม่ดังเพราะจำเลย ทั้งสองกับว.และอ.พวกของจำเลยถอดปลั๊กตู้เพลงออกผู้ตายจึงขอเงินคืนแล้วเกิดเรื่องกันโดยว.ใช้มีดแทงผู้ตายหลายครั้งจำเลยที่ 1 กับอ.ใช้ขวดสุราตี ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้เก้าอี้ตีผู้ตายผู้เสียหายเข้าไปห้ามก็ถูกทำร้ายสลบอยู่ในร้านอาหาร เมื่อผู้ตาย หนีออกจากร้านอาหารจำเลยทั้งสอง และอ.ไล่ตามและตะโกนว่าฆ่ามันให้ตายและยังได้ตามมาทำร้ายผู้ตายห่างจากที่เกิดเหตุครั้งแรกประมาณ 3 เส้น จนผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยทั้งสองยังกลับมาทำร้ายผู้เสียหายซึ่งนอนสลบอยู่อีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตายและทำร้ายร่างกายผู้เสียหายรวม 2 กรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302-1303/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองประกันหนี้และดอกเบี้ย: เริ่มผูกพันเมื่อจดทะเบียนจำนอง, ดอกเบี้ยคำนวณรายวัน, จำกัดความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
ทรัพย์ซึ่งจำนองย่อมเป็นประกันเพื่อชำระหนี้กับทั้งค่าอุปกรณ์อันรวมถึงดอกเบี้ยซึ่งคำนวณและถือได้เป็นรายวัน ดังนั้น ผู้จำนองจึงต้องรับผิดเรื่องดอกเบี้ยตั้งแต่วันจดทะเบียนจำนองเป็นต้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อจากคดีอาญาอื่น จำเป็นต้องมีการตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลและความเชื่อมโยงระหว่างคดี
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษคดีอาญาอื่น จำเลยให้การปฏิเสธ และมิได้มีการสอบถามในเรื่องที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฏในสำนวนว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ จึงไม่อาจนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้นได้
of 27