คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สีนวล คงลาภ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 502 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3025/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิวันหยุดพักผ่อนประจำปีตัดขาดหากไม่ใช้สิทธิและนายจ้างไม่ได้กำหนดให้หยุด
ข้อบังคับของจำเลยมีว่า วันหยุดพักผ่อนประจำปีไม่อนุญาตให้มีวันหยุดสะสม หากพนักงานไม่ใช้วันหยุดพักผ่อนประจำปีนั้นก็จะตัดสิทธิในการพักผ่อนประจำปีนั้นไปโดยไม่คิดทบเป็นปีให้... ฯลฯ ดังนี้เมื่อโจทก์มิได้ใช้สิทธิขอหยุดพักผ่อนประจำปีและจำเลยก็มิได้กำหนดให้โจทก์หยุด โจทก์จึงไม่มีสิทธิสะสมวันหยุดพักผ่อนประจำปีเพื่อใช้สิทธิหยุดรวมกันในปีต่อไปอีกได้ สิทธิในการหยุดพักผ่อนประจำปีของโจทก์ที่ผ่านมาแล้วจึงเป็นอันสิ้นสุดลง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีก่อนที่เลิกจ้างได้ คงมีสิทธิเรียกร้องได้เฉพาะค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้าง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2999/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วัตถุแห่งความผิด: ลูกระเบิดเสื่อมสภาพ ไม่สามารถระเบิดได้ แม้ความประสงค์มีเจตนาพยายามฆ่า
จำเลยใช้ลูกระเบิดขว้างพยายามฆ่าผู้เสียหาย แต่ลูกระเบิดไม่ระเบิดเพราะชนวนเสื่อมคุณภาพ เป็นกรณีที่ลูกระเบิดไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นวัตถุแห่งการกระทำผิดได้ และมิใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้โดยเหตุบังเอิญ แต่เป็นเรื่องที่ไม่อาจบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ประกอบด้วยมาตรา 81.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2999/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าเมื่อวัตถุที่ใช้ไม่มีคุณสมบัติในการทำอันตราย
จำเลยใช้ลูกระเบิดขว้างพยายามฆ่าผู้เสียหาย แต่ลูกระเบิดไม่ระเบิดเพราะชนวนเสื่อมคุณภาพ เป็นกรณีที่ลูกระเบิดไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นวัตถุแห่งการกระทำผิดได้ และมิใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้โดยเหตุบังเอิญ แต่เป็นเรื่องที่ไม่อาจบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 81.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2999/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่า: การขว้างลูกระเบิดที่ใช้การไม่ได้เนื่องจากชนวนเสื่อมสภาพ และการพิจารณาความผิดฐานอื่น
จำเลยขว้างลูกระเบิดชนิดสังหาร เข้าไปในบ้านของผู้เสียหายถูกถ้วยชาม แตก แต่ลูกระเบิดไม่เกิดระเบิดขึ้นเพราะเหตุชนวนเสื่อมคุณภาพซึ่งเป็นกรณีไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นวัตถุแห่งการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นได้ และมิใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้โดยเหตุบังเอิญ แต่เป็นเรื่องที่ไม่อาจบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 81.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2981/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในคดีขับรถชนแล้วหลบหนี เมื่อศาลชั้นต้นยกฟ้องในประเด็นผู้กระทำผิด
ความผิดฐานหลบหนีไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ มาตรา 78,160 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพัน บาท หรือทั้งจำทั้งปรับดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อ ว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถชนผู้ตายแล้ว ความผิดในข้อหาดังกล่าวจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 ทวิ แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์และศาลอุทธรณ์รับพิจารณาในข้อหานี้โดยลงโทษจำเลยก็เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในข้อหาดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2981/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีขับรถชนแล้วหลบหนี ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องเมื่อศาลชั้นต้นยกฟ้อง
ความผิดฐานหลบหนีไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 78,160 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถชนผู้ตายแล้ว ความผิดในข้อหาดังกล่าวจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ. มาตรา 193 ทวิ แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์และศาลอุทธรณ์รับพิจารณาในข้อหานี้โดยลงโทษจำเลยก็เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในข้อหาดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างฐานกระทำผิดวินัยร้ายแรง กรณีเปิดเผยข้อมูลลับทางการเงินของลูกค้าธนาคาร
จำเลยเป็นธนาคารพาณิชย์ ดำเนินธุรกิจการค้าด้าน การเงินดังนั้น บัญชีเงินฝากหรือฐานะการเงินของลูกค้าต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่พึงเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกและต้องถือว่าเป็นความลับ การที่โจทก์เปิดเผยบัญชีเงินฝากของลูกค้าหรือฐานะการเงินของลูกค้า ย่อมทำให้ลูกค้าของจำเลยสิ้นความไว้วางใจจำเลย มีผลกระทบกระเทือนต่อการดำเนินธุรกิจการค้าของจำเลย เป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับการทำงานของจำเลย ดังนั้น จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3) โจทก์กระทำผิดวินัย แม้จะเกินกว่าหนึ่งปี จำเลยก็มีอำนาจพิจารณาลงโทษโจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2872/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา และการสั่งจ่ายเงินสินบนนำจับเมื่อไม่มีโทษปรับ
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 22 ที่ห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแขวงในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น เป็นบทบังคับในชั้นอุทธรณ์ มิใช่บทบัญญัติที่จะนำมาใช้ในชั้นฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานเล่นการพนัน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยโดยมิได้ลงโทษปรับ ศาลจะสั่งให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมายด้วยไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2872/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น และการสั่งจ่ายสินบนนำจับเมื่อไม่มีโทษปรับ
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาตรา 22 ที่ห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแขวงในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น เป็นบทบังคับในชั้นอุทธรณ์ มิใช่บทบัญญัติที่จะนำมาใช้ในชั้นฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานเล่นการพนัน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยโดยมิได้ลงโทษปรับ ศาลจะสั่งให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมายด้วยไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2851/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประนีประนอมยอมความ: โจทก์อุทธรณ์ฉ้อฉลไม่ได้ หากทนายโจทก์ใช้ดุลพินิจเอง หรือมีข้อบกพร่องเอง
ทนายโจทก์มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความและได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลย ศาลพิพากษาตามยอมแล้วดังนี้ แม้ทนายจำเลยจะบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ แก่ทนายโจทก์ไม่ตรงต่อความจริงแต่ทนายโจทก์ย่อมมีโอกาสใช้ดุลพินิจ ไตร่ตรอง แล้วว่าสมควรจะตกลงทำสัญญากับจำเลยหรือไม่ ทั้งข้ออ้างที่ว่าทนายโจทก์ขาดสติสัมปชัญญะเพราะเหตุผลเรื่องสุขภาพ จึงตกลงประนีประนอมยอมความกับทนายจำเลยนั้นก็เป็นความบกพร่องของทนายโจทก์เอง โจทก์จึงจะอ้างว่าได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความไปโดยถูกฝ่ายจำเลยฉ้อฉลหาได้ไม่.
of 51