พบผลลัพธ์ทั้งหมด 502 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณเงินเพิ่มจากค่าจ้างค้างชำระ นายจ้างต้องจ่ายร้อยละ 15 ต่อระยะเวลา 7 วัน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย
จำเลยจงใจผิดนัดจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ผู้เป็นลูกจ้างโดยปราศจากเหตุผลอันสมควรต้องรับผิดจ่ายเงินเพิ่มแก่โจทก์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ฯ ข้อ 31 ในอัตราร้อยละ 15 ของเงินค่าจ้างที่ค้างชำระทุกระยะเจ็ดวัน มิใช่ร้อยละ 15 ต่อปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าของผู้ตายก่อนเสียชีวิตเป็นพยานหลักฐานสำคัญยืนยันตัวผู้กระทำผิด
เมื่อเกิดเหตุแล้ว ผู้ตายซึ่งถูกยิงที่หน้าท้องได้เดิน มาขอความช่วยเหลือจาก ก. ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 50 เมตร แล้วบอกกับก. และ ส. ทันทีว่าจำเลยยิง ถ้อยคำของผู้ตายดังกล่าวเป็นคำบอกกล่าวในทันทีทันใดในเวลาใกล้ชิดต่อเนื่องกับเวลาเกิดเหตุและระบุว่าจำเลยเป็นคนร้ายโดยไม่มีโอกาสที่จะคิดใส่ความบุคคลอื่น และผู้ตายได้กล่าวอีกว่า ช่วย ผู้ตายหน่อย พร้อมกับขอปัสสาวะของ ก. ดื่ม เพื่อกันเลือดขึ้น ใจของผู้ตายไม่ดีเลยให้รีบไปแจ้งความและรีบเอาหมอ มา ถ้อยคำของผู้ตายแสดงถึงความรู้สึกว่าตนจะต้องถึงแก่ความตายแล้ว การที่ผู้ตายบอกกล่าวในขณะที่มีความรู้สึกเช่นนั้นว่า คนร้ายที่ยิงตนคือจำเลยเช่นนี้ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานว่าเป็นความจริงตามคำกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าของผู้ถูกยิงก่อนตายเป็นพยานหลักฐานสำคัญพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิด
เมื่อเกิดเหตุแล้ว ผู้ตายซึ่งถูกยิงที่หน้าท้องได้เดินมาขอความช่วยเหลือจาก ก. ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 50 เมตร แล้วบอกกับ ก. และ ส. ทันทีว่าจำเลยยิง ถ้อยคำของผู้ตายดังกล่าวเป็นคำบอกกล่าวในทันทีทันใดในเวลาใกล้ชิดต่อเนื่องกับเวลาเกิดเหตุและระบุว่าจำเลยเป็นคนร้ายโดยไม่มีโอกาสที่จะคิดใส่ความบุคคลอื่น และผู้ตายได้กล่าวอีกว่า ช่วยผู้ตายหน่อย พร้อมกับขอปัสสาวะของ ก. ดื่มเพื่อกันเลือดขึ้น ใจของผู้ตายไม่ดีเลยให้รีบไปแจ้งความและรีบเอาหมอมา ถ้อยคำของผู้ตายแสดงถึงความรู้สึกว่าตนจะต้องถึงแก่ความตายแล้ว การที่ผู้ตายบอกกล่าวในขณะที่มีความรู้สึกเช่นนั้นว่า คนร้ายที่ยิงตนคือจำเลยเช่นนี้ ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานว่าเป็นความจริงตามคำกล่าวได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องทุกข์ต้องชัดเจนแจ้งข้อหาอาญา การกล่าวอ้างการกระทำผิดทั่วไปไม่ถือเป็นคำร้องทุกข์
บันทึกรายงานประจำวันของตำรวจมีข้อความว่า โจทก์กับจำเลยมีกรณีโต้เถียงกันเรื่องค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา กับจำเลยเอาทรัพย์สินของโจทก์ไป แม้จะมีข้อความบันทึกว่าจำเลยแจ้งว่าโจทก์ได้มาตะโกนทวงหนี้และเอาทรัพย์สินไป แต่ก็ไม่มีข้อความว่าจำเลยได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับโจทก์ในข้อหาหมิ่นประมาท จึงไม่เป็นคำร้องทุกข์ที่กล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดทางอาญา.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงกฎหมายยาเสพติดระหว่างการพิจารณาคดี และผลกระทบต่อโทษจำคุก
ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 3 ยกเลิกพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช 2472 โดยบัญญัติให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และมาตรา 17 บัญญัติห้ามมิให้มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 ไว้ในครอบครอง หากฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 69 ซึ่งมีโทษเบากว่าโทษฐานมีมูลฝิ่นไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช 2472 อันเป็นกรณีที่กฎหมายซึ่งใช้ในขณะกระทำผิด แตกต่างกับกฎหมายซึ่งใช้ในภายหลังการกระทำผิดเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กฎหมายยาเสพติดใหม่มีผลย้อนหลังเป็นคุณแก่จำเลย โทษจำคุกเบากว่าเดิม
ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 3 ยกเลิก พ.ร.บ. ฝิ่นพุทธศักราช 2472 โดยบัญญัติให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และมาตรา 17บัญญัติห้ามมิให้มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 ไว้ในครอบครอง หากฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 69 ซึ่งมีโทษเบากว่าโทษฐานมีมูลฝิ่นไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ. ฝิ่น พุทธศักราช 2472 อันเป็นกรณีที่กฎหมายซึ่งใช้ในขณะกระทำผิด แตก ต่างกับกฎหมายซึ่งใช้ในภายหลังการกระทำผิดเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 69 ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 3.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลกระทบของกฎหมายใหม่ต่อคดีเก่า: เปลี่ยนโทษจากกฎหมายฝิ่นเป็นกฎหมายยาเสพติดให้โทษ
ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 3 ยกเลิกพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช 2472 โดยบัญญติให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และมาตรา 17 บัญญัติห้ามมิให้มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 ไว้ในครอบครอง หากฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 69 ซึ่งมีโทษเบากว่าโทษฐานมีมูลฝิ่นไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช 2472 อันเป็นกรณีที่กฎหมายซึ่งใช้ในขณะกระทำผิด แตกต่างกับกฎหมายซึ่งใช้ในภายหลังการกระทำผิดเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำเตือนเก่าขาดอายุความ ไม่เป็นเหตุเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย แม้ขาดงานเล็กน้อย
คำเตือนเรื่องขาดงานที่นายจ้างเคยตักเตือนลูกจ้างก่อนการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานครั้งเกิดเหตุอันเป็นมูลเลิกจ้างนานเกือบ 4 ปี ถือว่าเป็นระยะเวลาเนิ่นนานเกินสมควรและสิ้นผลแล้ว.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4723/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่พิพาทและการบุกรุก: การกระทำหลังมีคำพิพากษาไม่เป็นความผิด
โจทก์จำเลยมีกรณีพิพาทฟ้องร้องแย่งสิทธิครอบครองที่นาพิพาทกันระหว่างพิจารณาคดีนั้นศาลอนุญาตให้จำเลยเข้าทำนาพิพาทโดยเสียค่าเช่า จำเลยย่อมมีสิทธิครอบครองที่พิพาท การที่จำเลยหว่านถั่วเขียวลงในที่นาพิพาทแม้หลังจากศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่นาพิพาทแล้ว ก็เป็นกรณีที่จำเลยไม่ยอมสละการครอบครอง มิใช่เพิ่งเข้าไปครอบครองที่นาพิพาทในวันเวลาที่โจทก์ฟ้อง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
หลักไม้ที่จ่าศาลปักไว้ในที่พิพาทเพื่อการรังวัดสอบเขตตามคำสั่งศาลเป็นเครื่องหมายเขตที่ทำขึ้นเป็นสังเขปเพื่อประโยชน์แก่การบังคับคดี มิใช่เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ การที่จำเลยถอนหลักไม้ดังกล่าวทิ้ง จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 363
หลักไม้ที่จ่าศาลปักไว้ในที่พิพาทเพื่อการรังวัดสอบเขตตามคำสั่งศาลเป็นเครื่องหมายเขตที่ทำขึ้นเป็นสังเขปเพื่อประโยชน์แก่การบังคับคดี มิใช่เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ การที่จำเลยถอนหลักไม้ดังกล่าวทิ้ง จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 363
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4723/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่พิพาทและการบุกรุก: การกระทำหลังมีคำพิพากษาไม่ถือเป็นความผิดอาญาหากยังคงสิทธิครอบครองเดิม
โจทก์จำเลยมีกรณีพิพาทฟ้องร้องแย่งสิทธิครอบครองที่นาพิพาทกัน ระหว่างพิจารณาคดีนั้นศาลอนุญาตให้จำเลยเข้าทำนาพิพาทโดยเสียค่าเช่า จำเลยย่อมมีสิทธิครอบครองที่พิพาทการที่จำเลยหว่านถั่วเขียวลงใน ที่นาพิพาทแม้หลังจากศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่นาพิพาท แล้ว ก็เป็นกรณีที่จำเลยไม่ยอมสละการครอบครอง มิใช่เพิ่งเข้าไปครอบครองที่นาพิพาทในวันเวลาที่โจทก์ฟ้อง การกระทำของจำเลย จึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
หลักไม้ที่จ่าศาลปักไว้ในที่พิพาทเพื่อการรังวัดสอบเขตตามคำสั่งศาล เป็นเครื่องหมายเขตที่ทำขึ้นเป็นสังเขปเพื่อประโยชน์แก่การบังคับคดี มิใช่เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ การที่จำเลยถอนหลักไม้ดังกล่าวทิ้ง จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 363
หลักไม้ที่จ่าศาลปักไว้ในที่พิพาทเพื่อการรังวัดสอบเขตตามคำสั่งศาล เป็นเครื่องหมายเขตที่ทำขึ้นเป็นสังเขปเพื่อประโยชน์แก่การบังคับคดี มิใช่เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ การที่จำเลยถอนหลักไม้ดังกล่าวทิ้ง จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 363