พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5622/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญา แม้มีการริบหลักประกันแล้ว ศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายตามสมควร
ตามสัญญาว่าจ้างให้จำเลยทำการก่อสร้างหลักไฟนำพร้อมอุปกรณ์และหลักกิโลเมตร จำเลยไม่สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามกำหนดสัญญา โจทก์ใช้สิทธิเลิกสัญญา นอกจากโจทก์จะมีสิทธิริบหลักประกันแล้ว โจทก์ยังมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ด้วย ความเสียหายที่โจทก์ได้รับคือไม่สามารถใช้สอยหลักกิโลเมตรร่องน้ำที่จำเลยรับจ้างก่อสร้างให้โจทก์ไม่ใช่ค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างก่อสร้างที่ได้จ้างให้แก่จำเลย และเมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบถึงจำนวนค่าเสียหายได้ ศาลจึงมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ได้รับตามจำนวนสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5622/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการไม่ชำระงานก่อสร้างตามสัญญา ศาลกำหนดตามสมควรเมื่อโจทก์พิสูจน์จำนวนค่าเสียหายไม่ได้
ตามสัญญาว่าจ้างให้จำเลยทำการก่อสร้างหลักไพ นำพร้อมอุปกรณ์และหลักกิโลเมตร จำเลยไม่สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามกำหนดสัญญา โจทก์ใช้สิทธิเลิกสัญญานอกจากโจทก์จะมีสิทธิริบหลักประกันแล้ว โจทก์ยังมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ด้วย ความเสียหายที่โจทก์ได้รับคือไม่สามารถใช้สอยหลักกิโลเมตรร่องน้ำที่จำเลยรับจ้างก่อสร้างให้โจทก์ไม่ใช่ค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างก่อสร้างที่ได้จ้างให้แก่จำเลย และเมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบถึงจำนวนค่าเสียหายได้ ศาลจึงมีอำนาจกำหนดค่าเสียหาย ให้โจทก์ได้รับตามจำนวนสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4427/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ, อากรแสตมป์, อายุความ, และข้อยกเว้นความรับผิดในประกันภัย: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
การที่จำเลยร่วมให้การว่า การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ที่ 1ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีมิได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนตามกฎหมาย เป็นคำให้การที่อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธไว้ชัดแจ้งแล้ว คดีจึงมีประเด็นพิพาทด้วยว่าหนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนตามกฎหมายหรือไม่ โจทก์ที่ 1 มอบอำนาจให้ ม. ฟ้องคดีซึ่งเป็นการมอบให้บุคคลเดียวกระทำการครั้งเดียว เพราะเป็นการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเดียว ที่หนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ 10 บาท จึงครบถ้วนตามประมวลรัษฎากรแล้ว เมื่อจำเลยร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาที่ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วเพราะโจทก์เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าเสียหายจำเลยร่วมจะฎีกาปัญหาดังกล่าวไม่ได้ เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 แม้จำเลยที่ 1 จะขาดต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์เกินกว่า 180 วันในเวลาเกิดเหตุซึ่งจำเลยร่วมไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรมประกันภัยข้อ 2.13 ก็ตาม แต่ตามข้อ 2.14 ระบุเป็นใจความว่าบริษัท (จำเลยร่วม) จะไม่ยกข้อ 2.13 เป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดตามข้อ 2.1 เมื่อบริษัทได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว แต่บริษัทไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรม์ต่อผู้เอาประกันภัยเพราะกรณีดังกล่าวข้างต้นซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก ผู้เอาประกันภัยต้องใช้จำนวนเงินที่บริษัทได้จ่ายไปนั้นคืนให้บริษัททันที ดังนั้นจำเลยร่วมไม่มีสิทธิที่จะยกเอาเหตุที่ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ขาดการต่ออายุดังกล่าวมาเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อความบาดเจ็บหรือมรณะตามข้อ 2.1 ได้แต่ยกขึ้นว่ากล่าวเอากับผู้เอาประกันภัย จำเลยร่วมจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และมีสิทธิได้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องคืนสินส่วนตัวและดอกเบี้ยกรณีจำเลยไม่ยอมส่งมอบทรัพย์
การที่โจทก์ฟ้องเรียกสินส่วนตัวของโจทก์คืนจากจำเลยนั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้ แต่หนี้ส่งมอบทรัพย์ดังกล่าวคืนโจทก์ไม่ใช่หนี้เงิน จึงคิดดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องไม่ได้ต้องคิดดอกเบี้ยในราคาทรัพย์นับแต่วันฟ้อง ส่วนสร้อยคอกับสร้อยข้อมือที่ได้มาในวันแต่งงานเป็นทรัพย์ที่โจทก์กับจำเลยเป็นเจ้าของร่วมกันตั้งแต่ก่อนวันฟ้อง หากมีการใช้ราคา โจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในราคาทรัพย์นับแต่วันฟ้องเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากการไม่คืนสินส่วนตัวและทรัพย์สินร่วม กรณีสามีภริยาแยกกันอยู่
สินสอดที่เป็นทองรูปพรรณหนัก 12 บาท และของหมั้นรวม 5 รายการเป็นสินส่วนตัวของโจทก์อยู่แล้ว เมื่อโจทก์ขอคืนแต่จำเลยไม่ยอมคืนโจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ย แต่หนี้ส่งมอบทรัพย์ดังกล่าวคืนโจทก์ไม่ใช่หนี้เงิน จึงคิดดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องไม่ได้ต้องคิดดอกเบี้ยในราคาทรัพย์นับแต่วันฟ้อง ส่วนสร้อยคอกับสร้อยข้อมือที่ได้มาในวันแต่งงานนั้น เป็นทรัพย์ที่โจทก์กับจำเลยเป็นเจ้าของร่วมกันตั้งแต่ก่อนวันฟ้อง หากมีการใช้ราคา โจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในราคาทรัพย์นับแต่วันฟ้องเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการไม่คืนสินส่วนตัวและทรัพย์สินร่วม, การคิดดอกเบี้ยในราคาทรัพย์
สินสอดที่เป็นทองรูปพรรณหนัก 12 บาท และของหมั้นรวม 5รายการ เป็นสินส่วนตัวของโจทก์อยู่แล้ว เมื่อโจทก์ขอคืนแต่จำเลยไม่ยอมคืน โจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ย แต่หนี้ส่งมอบทรัพย์ดังกล่าวคืนโจทก์ไม่ใช่หนี้เงิน จึงคิดดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องไม่ได้ ต้องคิดดอกเบี้ยในราคาทรัพย์นับแต่วันฟ้อง ส่วนสร้อยคอกับสร้อยข้อมือที่ได้มาในวันแต่งงานนั้น เป็นทรัพย์ที่โจทก์กับจำเลยเป็นเจ้าของร่วมกันตั้งแต่ก่อนวันฟ้อง หากมีการใช้ราคา โจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในราคาทรัพย์นับแต่วันฟ้องเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งสิทธิเหนือพื้นดินต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน มิฉะนั้นไม่บริบูรณ์
การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งสิทธิเหนือพื้นดินอันเป็นทรัพย์สิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เมื่อไม่ได้ทำเป็นหนังสือและมิได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่บริบูรณ์ โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้โจทก์เพื่อให้เป็นทรัพยสิทธิที่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรก หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเหนือพื้นดินต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน การฟ้องบังคับจดทะเบียนสิทธิที่ยังไม่บริบูรณ์ทำไม่ได้
การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งสิทธิเหนือพื้นดินอันเป็นทรัพยสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เมื่อไม่ได้ทำเป็นหนังสือและมิได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่บริบูรณ์ โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้โจทก์เพื่อให้เป็นทรัพยสิทธิที่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคแรก หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัยในที่ดิน: สัญญาไม่จดทะเบียนเป็นบุคคลสิทธิ ไม่สร้างทรัพยสิทธิสมบูรณ์
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยโดย ม. เจ้าอาวาส ทำหนังสือสัญญาตกลงยอมให้โจทก์ปลูกสร้างบ้านและห้องแถวในที่ดินของจำเลยอยู่อาศัยตลอดชีวิตของโจทก์ และลูกหลานเหลนลื้อ และตกลงจะไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้โจทก์ตามกฎหมาย แต่ไม่ได้มีการจดทะเบียนสิทธิดังกล่าว ข้อตกลงดังกล่าวย่อมเป็นบุคคลสิทธิซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะปลูกสร้างบ้านและห้องแถวในที่ดินของจำเลยได้ตามข้อตกลงแต่ข้อกล่าวอ้างของโจทก์เป็นการกล่าวอ้างการได้มาโดยนิติกรรมซึ่งสิทธิเหนือพื้นดินอันเป็นทรัพยสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เมื่อไม่ได้ทำเป็นหนังสือและมิได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่บริบูรณ์ โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้โจทก์เพื่อให้เป็นทรัพยสิทธิที่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิดขยายเมื่อศาลสั่งคืนคำฟ้อง และนายจ้างต้องรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้างที่มอบหมายให้คนอื่นขับรถ
ศาลสั่งคืนคำฟ้องให้โจทก์ไปยื่นต่อศาลที่มีเขตอำนาจภายในกำหนดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 176 เดิม ซึ่งบังคับใช้อยู่ในขณะนั้นคดีของโจทก์ย่อมขยายอายุความออกไป 6 เดือน เมื่อโจทก์นำฟ้องมายื่นใหม่ภายใน 6 เดือน ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ เมื่อบุคคลอื่นขับรถแทนลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลย ต้องถือว่าการที่ลูกจ้างให้คนอื่นขับรถแทนจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์จำเลยผู้เป็นนายจ้างจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้าง.