พบผลลัพธ์ทั้งหมด 366 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความภาษีอากร: การเจรจาเพื่อระงับคดีไม่ถือเป็นการยอมรับหนี้ หากเงื่อนไขไม่สำเร็จ
การที่จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ในระหว่างที่จำเลยกำลังถูกดำเนินคดีอาญา "...บริษัท ฯ มีความประสงค์จะขอทำความตกลงเพื่อให้กรม ฯ ระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยยอมชำระภาษีอากรที่ขาด..." และยังมีข้อความที่จำเลยขอลดหย่อนเบี้ยปรับและเงินเพิ่มอยู่ด้วยนั้น มีความหมายว่า จำเลยจะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดโดยขอลดหย่อนเบี้ยปรับและเงินเพิ่มก็เพื่อที่จะขอให้โจทก์ระงับคดีในชั้นศุลกากร โดยมีเงื่อนไขเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนว่าหากโจทก์ยอมระงับคดีในชั้นศุลกากรแล้ว จำเลยก็จะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดให้โจทก์ ฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ยังยืนยันให้ดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป เงื่อนไขบังคับก่อนจึงยังไม่สำเร็จความยินยอมชำระภาษีอากรที่ขาดจึงยังไม่เกิดขึ้น จำเลยจึงยังมิได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 192.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเภทการค้าไนท์คลับ/คาบาเรต์ ไม่อยู่ในข้อยกเว้นภาษีน้ำอัดลม ภัตตาคารที่มีดนตรี
การที่โจทก์ประกอบกิจการห้องอาหารโดยมีดนตรีไม่ว่าดนตรีนั้นจะมีเฉพาะเวลากลางคืนหรือไม่ก็ตาม ไม่ถือว่าโจทก์ประกอบการค้าประเภทการค้า 7.(ง)ภัตตาคารอื่นนอกจาก(ค) แต่ถือเป็นการประกอบการค้าประเภทการค้า 7.(ก) ไนท์คลับหรือคาบาเรต์ แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้าตาม ประมวลรัษฎากร
ประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี (9) บัญญัติยกเว้นให้ไม่ต้องนำรายรับจากการขายน้ำอัดลมของภัตตาคารตามประเภทการค้า 7.(ค) ภัตตาคารที่มีหญิงบำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้าหรือมีที่สำหรับพักผ่อนหลับนอนหรือมีบริการนวดให้แก่ลูกค้าตามบัญชีอัตราภาษีการค้ามารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า เมื่อการค้าของโจทก์เป็นการค้าประเภทการค้า 7.(ก) ไนท์คลับหรือคาบาเรต์ โจทก์จึงไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำรายรับจากการขายน้ำอัดลมมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า.(ที่มา-ส่งเสริม)
ประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี (9) บัญญัติยกเว้นให้ไม่ต้องนำรายรับจากการขายน้ำอัดลมของภัตตาคารตามประเภทการค้า 7.(ค) ภัตตาคารที่มีหญิงบำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้าหรือมีที่สำหรับพักผ่อนหลับนอนหรือมีบริการนวดให้แก่ลูกค้าตามบัญชีอัตราภาษีการค้ามารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า เมื่อการค้าของโจทก์เป็นการค้าประเภทการค้า 7.(ก) ไนท์คลับหรือคาบาเรต์ โจทก์จึงไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำรายรับจากการขายน้ำอัดลมมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสมาคมและการตั้งผู้ชำระบัญชี: คณะกรรมการสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชีตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1293 เป็นบทบัญญัติถึงการเลิกสมาคม และให้ตั้งผู้ชำระบัญชี แต่เมื่อศาลมีคำสั่งเลิกสมาคมแล้ว จะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีได้บ้าง ต้องอาศัยมาตรา 1294 ซึ่งให้นำมาตรา 1251 มาใช้โดยอนุโลม โดยมาตรา 1251 วรรคแรกเป็นบทบัญญัติถึงเรื่องที่จะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีเมื่อห้างหุ้นส่วนก็ดี บริษัทก็ดี เลิกกิจการเพราะเหตุอื่นนอกจากล้มละลาย มิใช่จำกัดเฉพาะคดีที่เลิกโดยหุ้นส่วนของห้าง ฯหรือคณะกรรมการของบริษัท หรือสมาคมลงมติให้เลิก แม้แต่ศาลมีคำสั่งเลิกสมาคมโดยมีผู้ร้องขอตามมาตรา 1293 ก็อยู่ในบังคับของมาตรานี้ และเมื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทหรือสมาคมเลิกกัน มาตรา 1251 วรรคแรกกำหนดให้หุ้นส่วนผู้จัดการห้าง หรือกรรมการของบริษัทเป็นผู้ชำระบัญชี ฉะนั้นถ้าเป็นกรณีของสมาคมก็ต้องให้คณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชี เว้นแต่จะมีข้อสัญญาของห้าง ฯ หรือข้อบังคับของบริษัทหรือสมาคมกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นแต่ถ้าไม่มีบุคคลดังกล่าวในวรรคแรก จึงจะนำวรรคสองของมาตรา 1251 มาใช้บังคับ โดยพนักงานอัยการหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียเป็นผู้ร้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชี ซึ่งศาลจะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีก็ได้
ศาลชั้นต้นสั่งให้เลิกสมาคมผู้ร้อง ซึ่งสมาคมผู้ร้องยังมีรายชื่อคณะกรรมการที่จดทะเบียนไว้อยู่ และข้อบังคับของสมาคมมิได้กำหนดเกี่ยวกับการตั้งผู้ชำระบัญชีเป็นอย่างอื่น คำสั่งศาลที่ตั้งให้คณะกรรมการของสมาคมผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีจึงถูกต้องแล้ว.
ศาลชั้นต้นสั่งให้เลิกสมาคมผู้ร้อง ซึ่งสมาคมผู้ร้องยังมีรายชื่อคณะกรรมการที่จดทะเบียนไว้อยู่ และข้อบังคับของสมาคมมิได้กำหนดเกี่ยวกับการตั้งผู้ชำระบัญชีเป็นอย่างอื่น คำสั่งศาลที่ตั้งให้คณะกรรมการของสมาคมผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีจึงถูกต้องแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสมาคมและการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามมาตรา 1293 และ 1251 วรรคแรก ให้คณะกรรมการสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชี
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1293 เป็นบทบัญญัติถึงการเลิกสมาคม และให้ตั้งผู้ชำระบัญชี แต่เมื่อศาลมีคำสั่งเลิกสมาคมแล้ว จะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีได้บ้าง ต้องอาศัยมาตรา 1294ซึ่งให้นำมาตรา 1251 มาใช้โดยอนุโลม โดยมาตรา 1251 วรรคแรกเป็นบทบัญญัติถึงเรื่องที่จะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีเมื่อห้างหุ้นส่วนก็ดี บริษัทก็ดี เลิกกิจการเพราะเหตุอื่นนอกจากล้มละลาย มิใช่จำกัดเฉพาะคดีที่เลิกโดยหุ้นส่วนของห้าง ฯหรือคณะกรรมการของบริษัท หรือสมาคมลงมติให้เลิก แม้แต่ศาลมีคำสั่งเลิกสมาคมโดยมีผู้ร้องขอตามมาตรา 1293 ก็อยู่ในบังคับของมาตรานี้ และเมื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทหรือสมาคมเลิกกัน มาตรา 1251 วรรคแรกกำหนดให้หุ้นส่วนผู้จัดการห้าง หรือกรรมการของบริษัทเป็นผู้ชำระบัญชี ฉะนั้นถ้าเป็นกรณีของสมาคมก็ต้องให้คณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้ชำระบัญชี เว้นแต่จะมีข้อสัญญาของห้าง ฯ หรือข้อบังคับของบริษัทหรือสมาคมกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นแต่ถ้าไม่มีบุคคลดังกล่าวในวรรคแรก จึงจะนำวรรคสองของมาตรา1251 มาใช้บังคับ โดยพนักงานอัยการหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียเป็นผู้ร้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชี ซึ่งศาลจะตั้งผู้ใดเป็นผู้ชำระบัญชีก็ได้
ศาลชั้นต้นสั่งให้เลิกสมาคมผู้ร้อง ซึ่งสมาคมผู้ร้องยังมีรายชื่อคณะกรรมการที่จดทะเบียนไว้อยู่ และข้อบังคับของสมาคมมิได้กำหนดเกี่ยวกับการตั้งผู้ชำระบัญชีเป็นอย่างอื่น คำสั่งศาลที่ตั้งให้คณะกรรมการของสมาคมผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีจึงถูกต้องแล้ว.
ศาลชั้นต้นสั่งให้เลิกสมาคมผู้ร้อง ซึ่งสมาคมผู้ร้องยังมีรายชื่อคณะกรรมการที่จดทะเบียนไว้อยู่ และข้อบังคับของสมาคมมิได้กำหนดเกี่ยวกับการตั้งผู้ชำระบัญชีเป็นอย่างอื่น คำสั่งศาลที่ตั้งให้คณะกรรมการของสมาคมผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีจึงถูกต้องแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์: คำสั่งศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นเป็นที่สุดตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล จึงพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะเป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์อ้างว่าเป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย แต่เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นแล้ว คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ วรรคสาม.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์: คำสั่งศาลชั้นต้นที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นที่สุด
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล จึงพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะเป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์อ้างว่าเป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย แต่เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นแล้ว คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 198 ทวิวรรคสาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกประเด็นข้อพิพาทใหม่ในชั้นอุทธรณ์ฎีกา จำเลยต้องยกข้อต่อสู้ในคำให้การตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างว่าโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาจากเจ้าของเดิม ซึ่งจำเลยปลูกบ้านบนที่ดินดังกล่าวโดยอาศัยสิทธิเจ้าของเดิม เมื่อจำเลยเห็นว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทโดยไม่สุจริตและไม่ได้เสียค่าตอบแทนจำเลยจะต้องกล่าวไว้ในคำให้การเพื่อตั้งประเด็นพิพาทไว้จึงจะชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสองแม้โจทก์จะให้การแก้ฟ้องแย้งโดยยกเรื่องซื้อที่พิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนขึ้นมาด้วย ก็เป็นเพียงยืนยันคำฟ้องของโจทก์ว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทจากเจ้าของเดิมโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น หาเป็นผลให้เกิดประเด็นขึ้นมาใหม่ไม่ ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทโดยไม่มีประเด็นข้อนี้จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งคัดค้าน จำเลยจึงจะโต้แย้งว่าควรมีประเด็นข้อนี้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกและการทำให้เสียทรัพย์เป็นคนละกรรมกัน แม้โจทก์มิได้ขอเรียงกระทง ศาลลงโทษได้หากบรรยายฟ้องหลายกรรม
จำเลยบุกรุกเข้าบ้านผู้เสียหาย เมื่อคนในบ้านรู้ตัวเรียกจำเลยให้ออกจากห้อง จำเลยกลับพังฝาห้องกระโดดลงจากบ้านหลบหนี ดังนี้การกระทำฐานบุกรุกสำเร็จลงแล้ว ส่วนการกระทำให้เสียทรัพย์เป็นเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจึงเป็นคนละกรรมกัน แม้โจทก์จะมิได้ขอให้เรียงกระทงลงโทษ แต่เมื่อบรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันศาลลงโทษ 2กรรมได้ ไม่เกินคำขอ.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายซองกระสุน: ความรับผิดของผู้ขายที่ส่งมอบสินค้าไม่ถูกต้องและชำระหนี้ล่าช้า รวมถึงการหักกลบลบค่าเสียหาย
จำเลยส่งมอบซอง กระสุนจำนวน 4,100 ซอง ไม่ถูกต้องตามตัวอย่างโจทก์จึงแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาแม้สัญญาระบุเรื่องการจัดการแก้ไขไว้โดยมิได้ระบุให้ส่งไปให้ผู้ผลิตทำการแก้ไข แต่การแก้ไขชิ้น ส่วนของซอง กระสุนปืน เอ็ม 16 ซึ่งใช้ในราชการสงคราม พึงเป็นที่เข้าใจว่าผู้ที่จะจัดการแก้ไขซ่อมแซมได้ จะต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ซอง กระสุนปืนดังกล่าวโรงงานแอ็ดเวนเจอร์ไลน์ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ผลิต การแก้ไขก็ต้องให้โรงงานผู้ผลิตเป็นผู้จัดการ การที่จำเลยจะรับไปจัดการแก้ไขเอง โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงเป็นการไม่ชอบ จำเลยหาอาจอ้างเอาเหตุนี้มาเป็นข้อต่อสู้ว่าจำเลยไม่ใช่เป็นฝ่ายผิดสัญญาได้ไม่ หลังจากที่โจทก์แจ้งให้จำเลยรับเอาซอง กระสุนปืนไปแก้ไขจำเลยเพิกเฉยไม่แจ้งให้โรงงานผู้ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริการับไปดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องแล้วนำมาส่งมอบแก่โจทก์จนกระทั่งโจทก์ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา และให้นำซอง กระสุนที่ถูกต้องส่งมอบแก่โจทก์ภายใน 30 วัน นับจากวันที่จำเลยได้รับหนังสือดังกล่าว จำเลยได้รับหนังสือวันที่ 25 มกราคม 2523ครบกำหนดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2523 จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาถือได้ว่าจำเลยผิดนัด โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที ดังนั้นโจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับจากจำเลยนับแต่วันครบกำหนดส่งตามสัญญาคือวันที่ 27 มกราคม 2521 ถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2523 ป.พ.พ. มาตรา 380 บัญญัติถึงเบี้ยปรับในกรณีที่ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามสัญญาโดยเรียกเอาเบี้ยปรับในฐานเป็นจำนวนน้อยที่สุดแห่งค่าเสียหาย ดังนั้นเบี้ยปรับจึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายเมื่อโจทก์เรียกร้องเอาเบี้ยปรับแล้ว และจำนวนเบี้ยปรับสูงกว่าค่าเสียหายที่โจทก์ต้องซื้อซอง กระสุนในราคาที่แพงกว่าราคาเดิม โจทก์จึงจะเรียกเอาค่าเสียหายอีกไม่ได้ สัญญาระหว่างโจทก์ จำเลย กำหนดให้ธนาคารฯ วางหนังสือค้ำประกันต่อโจทก์เพื่อค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญา และจะคืนให้แก่ผู้ค้ำประกันเมื่อผู้ขายพ้นจากข้อผูกพัน เช่นนี้เมื่อโจทก์ได้เรียกให้จำเลยชำระค่าเสียหายเต็ม จำนวนแล้ว ต้องคืนหลักประกันที่ธนาคารวางไว้เพื่อค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญา โดยนำไปคิดหักกลบลบกับค่าเสียหายที่จำเลยพึงชดใช้ให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 597/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินและส่วนควบ: การซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนทำให้กรรมสิทธิ์ในตึกแถวที่ตั้งอยู่บนที่ดินนั้นตกเป็นของผู้ซื้อ
ผู้ร้องที่ 1 ถึงที่ 18 ได้จดทะเบียนซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนของตนกับจำเลยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว และร่วมกันยื่นคำร้องขอแบ่งแยกที่ดินเฉพาะส่วนที่ผู้ร้องทุกคนซื้อจากจำเลยซึ่งตึกแถวพิพาทตั้งอยู่ ย่อมเล็งเห็นเจตนาได้ว่าผู้ร้องและจำเลยตกลงซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนที่ตึกแถวพิพาทที่ผู้ร้องแต่ละรายตกลงซื้อจากจำเลยตั้งอยู่ เมื่อจำเลยจดทะเบียนโอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่ผู้ร้องแต่ละราย ผู้ร้องย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยสมบูรณ์ แม้การซื้อขายตึกแถวพิพาทจะยังไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ตึกแถวพิพาทเป็นส่วนควบของที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงเป็นเจ้าของตึกแถวพิพาท โจทก์จะขอยึดตึกแถวพิพาทเอาชำระหนี้ไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)