พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กำลังเพื่อป้องกันภยันตรายจากอาวุธปืนของผู้ถูกทำร้าย
ผู้ตายเดินไปที่ข้างรั้วบ้านจำเลย แล้วใช้ปืนลูกซองสั้นยิงไปบริเวณชานบ้านจำเลย ซึ่งขณะนั้นจำเลยกับภริยากำลังนั่งกินอาหารกระสุนปืนถูกภริยาจำเลยล้มฟุบลงไป จำเลยคว้ามีดโต้กระโดดจากบ้านลงไปเพื่อฟันผู้ตาย ผู้ตายวิ่งหนีเข้าไปในบ้านผู้ตาย จำเลยวิ่งไล่ตามแล้วผู้ตายหันหน้ามาทางจำเลย พร้อมกับใช้ปืนยิงสวนมาทันที 1 นัดไม่ถูกจำเลย จำเลยใช้มีดฟันไป ผู้ตายยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรับ แล้วผู้ตายก็หันหลังจะขึ้นบันไดบ้าน จำเลยเข้าใจว่าผู้ตายจะขึ้นไปเอากระสุนปืนมายิงจำเลยอีก จึงใช้มีดฟันทางด้านหลังถูกที่ต้นคอและฟันซ้ำถูกบริเวณใบหน้า ผู้ตายล้มลง แสดงว่าขณะที่จำเลยไล่ฟันผู้ตายนั้น ผู้ตายยังถือปืนอยู่ตลอดเวลาและสามารถยิงมายังจำเลยได้ การที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายจนอาวุธปืนจะหลุดไปจากมือของผู้ตาย ย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เพราะหากปืนยังอยู่ในมือผู้ตายตราบใด ภยันตรายก็จะมีแก่จำเลยอยู่จนตราบนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คแลกเงินสดไม่ถือเป็นความผิดตามพ.ร.บ.เช็ค หากมิใช่การชำระหนี้จริง
การออกเช็คแลกเงินสดมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย อันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ซึ่งเป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังที่จำเลยออกเช็คแลกเงินสดไปจากโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดต่อไปจำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คแลกเงินสดไม่เป็นความผิดฐานออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
การออกเช็คแลกเงินสดไม่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย อันจะเป็นความผิดตามมาตรา 4แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4ซึ่งเป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังที่จำเลยออกเช็คแลกเงินสด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดต่อไป ตาม ป.อ.มาตรา 2 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในประเด็นการครอบครองปรปักษ์ เมื่อศาลเคยวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว
คดีก่อนผู้คัดค้านฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยว่าบุกรุกเข้าไปในที่พิพาทที่เป็นของผู้คัดค้าน ผู้ร้องให้การว่าผู้ร้องได้ครอบครองปรปักษ์ที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ผู้ร้องยื่นคำร้องคดีนี้ขอให้ศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ ดังนี้ประเด็นแห่งคดีเหมือนกันและคู่ความเดียวกัน ทั้งศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วจึงต้องห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องร้องซ้ำในประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
คดีก่อนผู้คัดค้านเป็นโจทก์ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 274 ผู้ร้อง ได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินของผู้คัดค้าน ขอให้ขับไล่ผู้ร้องออกไป ผู้ร้องให้การว่า ผู้ร้องได้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินดังกล่าวมากว่า 30 ปีแล้ว ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ในคดีนี้ผู้ร้องมายื่นคำร้องว่า ผู้ร้องครอบครองที่ดินบางส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ 274 ด้วยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา 22 ปีเศษแล้ว ผู้ร้อง จึงได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์ขอให้ศาลสั่งว่า ที่ดิน ดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง ประเด็นของคดีทั้งสองจึงมีว่า ผู้ร้องได้ ครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้วหรือไม่ เมื่อประเด็นแห่งคดีเหมือนกันและ เป็นคู่ความเดียวกัน ทั้งศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วย่อมต้องห้าม มิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำอีก ตาม ป.พ.พ. มาตรา144.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในคดีครอบครองปรปักษ์ เมื่อประเด็นข้อพิพาทและคู่ความเหมือนเดิม
คดีก่อนผู้คัดค้านเป็นโจทก์ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท ผู้ร้องได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินพิพาท ขอให้ขับไล่ผู้ร้องไป ผู้ร้องให้การว่า ผู้ร้องได้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทมากว่า 30 ปีแล้ว คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องครอบครองที่ดินบางส่วนของที่ดินพิพาทด้วยความสงบเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา 22 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์ ขอให้ศาลสั่งว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้อง ประเด็นของคดีทั้งสองจึงมีว่า ผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382แล้วหรือไม่ เมื่อประเด็นแห่งคดีเหมือนกันและเป็นคู่ความเดียวกันทั้งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้ว คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ย่อมต้องห้ามมิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้นจึงมีอำนาจดำเนินคดี
จำเลยยื่นฎีกาด้วยตนเองภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบตั้งแต่แรก แม้คดีล้มละลายจะอยู่ในระหว่างจำเลยขอพิจารณาใหม่ ซึ่งไม่ว่าศาลจะอนุญาตให้พิจารณาใหม่ในภายหลังหรือไม่ก็ตาม ก็มิอาจลบล้างกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบดังกล่าวได้ และปัญหานี้เป็นเรื่องอำนาจฟ้อง เป็นปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบหลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด อำนาจฟ้องเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้องของจำเลยที่ 3 ก่อนจำเลยที่ 3 ยื่นฎีกา จำเลยที่ 3ถูกศาลชั้นต้นสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย ดังนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22,25 ย่อมเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเข้าว่าคดีและยื่นฎีกาแทนจำเลยที่ 3 การที่จำเลยที่ 3 ยื่นฎีกาด้วยตนเองภายหลังถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ฎีกาของจำเลยที่ 3 จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ ภายหลังจำเลยที่ 3 ยื่นฎีกาคดีนี้แล้ว จำเลยที่ 3 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิจารณาคดีล้มละลายใหม่ กับยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีการอฟังผลการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีล้มละลายใหม่นั้น แม้หากภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีล้มละลายใหม่ตามคำร้องของจำเลยที่ 3 ก็มีผลเพียงลบล้างคำพิพากษาและกระบวนพิจารณาในคดีล้มละลายดังกล่าวเท่านั้น หาได้ลบล้างกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบในคดีนี้ด้วย จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะต้องรอฟังผลการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีล้มละลายใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ศาลพิจารณาพยานหลักฐานและเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยทำผิดในเวลากลางวัน มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ถึงสองคนหลังเกิดเหตุราว 1 ชั่วโมง เจ้าพนักงานตำรวจก็จับกุมจำเลยได้ ในลักษณะที่เสื้อผ้าของจำเลยยังเปรอะเปื้อนโลหิตของผู้ตายนอกจากนี้ยังมีวัตถุพยานคือ ขวานเปื้อน โลหิตที่มีเส้นผมติดอยู่ทั้ง2 เล่ม ในที่เกิดเหตุ ซึ่งสามารถตรวจพิสูจน์ได้ว่าคราบโลหิตทั้งหมดเป็นโลหิตมนุษย์หมู่เดียวกัน เส้นผมของกลางก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับเส้นผมของผู้ตาย พยานหลักฐานดังกล่าวพอรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด ดังนั้น แม้จำเลยจะให้การรับว่าทำร้ายผู้ตายจริงคำรับของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ศาลในการพิจารณา จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ และการที่จำเลยกระทำผิดเพราะความมึนเมาสุราความมึนเมาก็มิใช่เหตุบรรเทาโทษ ตาม ป.อ. มาตรา 78 จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุกระทำผิดขึ้นก่อน การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นบันดาลโทสะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยที่ไม่ได้รับการอุทธรณ์ในข้อหาบุกรุก ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้ถูกต้อง
คดีนี้ โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษข้อหาบุกรุก เฉพาะจำเลยที่ 1, ที่ 3 และที่ 4 และโจทก์ก็มิได้อุทธรณ์แต่อย่างใด ดังนั้น คดีเฉพาะจำเลยที่ 2ในข้อหาบุกรุกตามที่โจทก์ฟ้องจึงเป็นอันยุติแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2ฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ประกอบมาตรา 365(2) อีกนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยที่ 2 จึงมิได้ฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาแก้ไขให้ถูกต้องได้