คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไมตรี กลั่นนุรักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างอาคารชั่วคราวบนที่สาธารณะ แม้รื้อถอนได้ง่าย ก็ยังถือเป็นการก่อสร้างตามกฎหมายควบคุมอาคาร
ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 4 คำว่า อาคารหมายความถึง ตึก บ้าน เรือน โรง ร้าน แพ คลังสินค้า สำนักงาน และ สิ่ง ที่ก่อสร้างขึ้นอย่างอื่น ซึ่งบุคคลอาจเข้าอยู่ หรือเข้าใช้สอยได้ ดังนั้น เพิงที่จำเลยปลูกขึ้นอยู่อาศัยและ ทำการค้าขายด้วยนั้น แม้จะใช้วัสดุค้ำหลังคาไว้อันมีลักษณะ เป็นการชั่วคราวสามารถรื้อถอนได้โดยง่ายก็ตามก็มีสภาพเป็นอาคารตาม ความหมายที่กฎหมายได้บัญญัติไว้ส่วนคำ ว่าก่อสร้างนั้น หมายถึง สร้างอาคารขึ้นใหม่ทั้งหมด เมื่อพระราชบัญญัติดังกล่าวให้คำนิยามไว้ โดยเฉพาะแล้ว ย่อมจะนำเอาความหมายตามพจนานุกรมมาใช้แก่คดีนี้ ไม่ได้การที่จำเลยสร้างอาคารขึ้นใหม่ทั้งหมดจึงเป็นการก่อสร้างอาคาร แม้จะเป็นการชั่วคราวก็ไม่อาจกระทำได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างอาคารชั่วคราวบนที่สาธารณะ: นิยาม 'อาคาร' และ 'ก่อสร้าง' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร
ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 4 คำว่าอาคารหมายความถึง ตึก บ้าน เรือน โรง แพ คลังสินค้า สำนักงาน และสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่น ซึ่งบุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้ จำเลยปลูกเพิงหลังคามุงสังกะสีและตีฝาด้วยสังกะสี ขนาดกว้าง6 เมตร ยาว 6 เมตร เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยและทำการค้าขายขึ้นในที่ดินในเขตเทศบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะใช้วัสดุค้ำหลังคาไว้ อันมีลักษณะเป็นการชั่วคราวสามารถรื้อถอนได้โดยง่ายก็ตาม ก็มีสภาพเป็นอาคารตามความหมายที่กฎหมายได้บัญญัติไว้ส่วนคำว่าก่อสร้าง นั้น พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522มาตรา 4 ก็ได้ให้คำนิยามไว้ว่า หมายถึงสร้างอาคารขึ้นใหม่ทั้งหมด เมื่อพระราชบัญญัติดังกล่าวให้คำนิยามไว้โดยเฉพาะแล้วย่อมจะนำเอาความหมายตามพจนานุกรมมาใช้ไม่ได้ การที่จำเลยสร้างอาคารขึ้นใหม่ทั้งหมดจึงเป็นการก่อสร้างอาคารแม้จะเป็นการชั่วคราวก็ไม่อาจกระทำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างอาคารชั่วคราวบนที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่ได้รับอนุญาตเข้าข่ายเป็นการก่อสร้างตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร
พ.ร.บ. ควบคุมอาคารฯ มาตรา 4 ให้คำนิยามว่า คำว่า อาคารหมายถึง ตึก บ้าน เรือน โรง ร้าน แพ คลังสินค้า สำนักงานและสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่น ซึ่งบุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้ จำเลยปลูกเพิงเป็นที่อยู่อาศัยและขายเครื่องดื่มและสินค้าพื้นเมืองขึ้นชั่วคราวในที่ดิน ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้เพิงดังกล่าวใช้วัสดุค้ำหลังคาไว้มีลักษณะเป็นการชั่วคราวสามารถรื้อถอนได้โดยง่ายก็มีสภาพเป็นอาคารตามความหมายที่กฎหมายบัญญัติไว้ส่วนคำว่า ก่อสร้างนั้นพ.ร.บ. ควบคุมอาคารฯ มาตรา 4 ให้คำนิยามว่า หมายถึงสร้างอาคารขึ้นใหม่ทั้งหมด เมื่อ พ.ร.บ. ดังกล่าวให้คำนิยามไว้โดยเฉพาะแล้วย่อมจะนำเอาความหมายตามพจนานุกรมมาใช้แก่คดีนี้ไม่ได้ จำเลยสร้างอาคารขึ้นใหม่ทั้งหมด แม้จะเป็นการชั่วคราวก็เป็นการก่อสร้างอาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันทึกตกลงรับสภาพหนี้มีผลผูกพัน แม้ศาลจะตัดสินเฉพาะบางส่วน และการสละประเด็นในชั้นศาล
เมื่อข้อความตามบันทึกการตกลงเอกสารหมาย จ.8 ปรากฏชัดว่าจำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์ตามเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1, จ.3 และจ.5 และยอมชำระเงินให้โจทก์ตามที่ระบุไว้ในเช็ค แม้ทางพิจารณาของศาลฎีกาข้อเท็จจริงจะยุติตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองว่า จำเลยไม่ต้องชำระเงินตามเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 บันทึกการตกลงดังกล่าวก็ยังมีผลบังคับให้จำเลยต้องชำระหนี้ตามเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.3และ จ.5 ที่ยังเหลืออยู่ได้ จำเลยจะให้การต่อสู้ในประเด็นที่ว่า โจทก์นำคดีมาฟ้องโดยไม่สุจริตและคดีโจทก์ขาดอายุความแล้วไว้ก็ตาม แต่ในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นดังกล่าวไว้เป็นประเด็นพิพาทในคดี และคู่ความก็มิได้โต้แย้งคัดค้านไว้ย่อมถือได้ว่าคู่ความได้สละประเด็นดังกล่าวแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจงใจทำให้นายจ้างเสียหายด้วยการยุยงให้ลูกจ้างผละงาน ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรงและชอบที่จะเลิกจ้างได้
ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างกำหนดไว้ว่าหากพนักงานผู้ใจจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย ถือว่าผิดวินัยขั้นร้ายแรง การที่ลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย โดยการชักชวนหรือยุยงให้พนักงานของนายจ้างผละงานหรือละทิ้งการงานในการปฏิบัติหน้าที่ ถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดวินัยขั้นร้ายแรง มีเหตุสมควรที่ศาลแรงงานจะสั่งอนุญาตให้นายจ้างลงโทษกรรมการลูกจ้างดังกล่าวด้วยการเลิกจ้างได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษทางวินัยฐานจงใจทำให้ผู้ร้องเสียหายจากการยุยงให้ผละงาน
ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้องกำหนดไว้ว่าหากพนักงานผู้ใดจงใจทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ถือว่าผิดวินัยขั้นร้ายแรง เช่นนี้ การที่ผู้คัดค้านจงใจทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย โดยการชักชวนหรือยุยงให้พนักงานของผู้ร้องผละงานหรือละทิ้งการงานในการปฏิบัติหน้าที่ ย่อมเป็นการกระทำผิดวินัยขั้นร้ายแรงมีเหตุอันสมควรที่ศาลสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องลงโทษผู้คัดค้านได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบุคคลภายนอก แม้ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์โดยตรง แต่มีสิทธิครอบครองตามสัญญา
ส. เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุมาจากบริษัท โจทก์ที่ 1 ได้รับโอนสิทธิการเช่าซื้อและรับมอบรถยนต์คันดังกล่าวมาจาก ส.โดยมีข้อตกลงระหว่างโจทก์ที่1กับส. ว่า หากโจทก์ที่ 1 ผ่อนชำระราคาเช่าซื้อในนามของ ส. ครบแล้ว บริษัทผู้ให้เช่าซื้อจะโอนทะเบียนรถยนต์ให้แก่ ส.ส. ก็จะโอนทะเบียนรถยนต์ให้โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 จึงมีสิทธิครอบครองรถยนต์ตามสัญญาที่ทำไว้กับ ส. และมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดแก่รถยนต์คันนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของเจ้าของสิทธิการเช่าซื้อ และอายุความฟ้องคดีละเมิดจากการชน
โจทก์ที่ 1 ได้รับโอนสิทธิการเช่าซื้อและรับมอบรถยนต์มาจากส.ผู้เช่าซื้อเดิมโดยมีข้อตกลงระหว่างโจทก์ที่1กับส.ด้วยว่า หากโจทก์ที่ 1 ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อในนามของ ส. ให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อครบแล้ว และผู้ให้เช่าซื้อจะโอนทะเบียนรถยนต์ให้แก่ ส.ส. จะโอนทะเบียนรถยนต์ให้แก่โจทก์ที่ 1 ดังนี้โจทก์ที่ 1 ย่อมมีสิทธิครอบครองรถยนต์ตามสัญญาที่ทำไว้กับ ส.และมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดแก่รถยนต์คันดังกล่าวได้ เหตุละเมิดเกิดวันที่ 11 มกราคม 2527 แต่โจทก์ที่ 1เพิ่งรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 15กุมภาพันธ์ 2527 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2528ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อแก้ต่างนอกคำให้การ, การฟ้องทายาท, และอำนาจฟ้องของเจ้าหนี้
จำเลยอ้างและนำสืบว่าไม่ได้รับเงินเป็นการนำสืบแก้ไขข้อความที่มีอยู่ในสัญญาจำนอง ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การเพียงแต่สาบานตนเข้าเบิกความเป็นพยานว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกิน 5 ปี ไม่ได้นั้นยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ยกข้อดังกล่าวขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น เพราะจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และข้ออ้างดังกล่าวมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิที่จะฟ้องทายาทคนใดก็ได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1737 ไม่มีกฎหมายบังคับว่าทายาทผู้นั้นจะต้องได้รับมรดกหรือต้องฟ้องทายาททุกคน และแม้จะไม่เรียกผู้จัดการมรดกเข้ามาในคดีก็หาทำให้เจ้าหนี้ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ เพียงแต่อาจมีผลในการบังคับคดีเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนอง, การแก้ไขข้อความในสัญญา, การฟ้องทายาท, ดอกเบี้ย, และอำนาจฟ้อง
จำเลยกับ ช. ได้กู้เงินและนำที่ดินมาจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ โจทก์มีเอกสารสัญญาจำนองที่ดินที่จำเลยกับ ช. ทำไว้กับโจทก์มาแสดงต่อศาล การที่จำเลยอ้างและนำสืบว่าไม่ได้รับเงินเป็นการนำสืบแก้ไขข้อความในสัญญาจำนอง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 จำเลยฎีกาว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกิน 5 ปี ไม่ได้นั้น เป็นข้อที่จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นเพราะจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1737 เจ้าหนี้กองมรดกจะบังคับสิทธิเรียกร้องต่อทายาทคนใดก็ได้ หาได้มีกฎหมายบังคับว่าทายาทที่จะถูกฟ้องต้องได้รับมรดกของเจ้ามรดก หรือต้องฟ้องทายาททุกคน และกรณีที่โจทก์ไม่ได้เรียกผู้จัดการมรดกเข้ามาก็อาจมีผลในการบังคับคดีต่อไปเท่านั้น ไม่ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
of 99