คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไมตรี กลั่นนุรักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6255/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซ่อนเร้นย้ายศพเพื่อปิดบังการตาย ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199
ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 โจทก์บรรยายฟ้องว่าภายหลังจากจำเลยได้ฆ่า ส.ถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยได้บังอาจซ่อนเร้น ย้ายศพของ ส.เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายเช่นนี้ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายชัดเจนถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีโดยโจทก์ไม่จำต้องบรรยายว่าจำเลยซ่อนเร้นศพผู้ตายอย่างไรหรือย้ายศพผู้ตายจากไหนไปไหนด้วยก็ได้ เพราะเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว หลังจากจำเลยทำร้ายผู้ตายแล้ว จำเลยปกปิดความจริงไม่บอกให้บิดามารดาผู้ตายทราบถึงการเจ็บป่วยของผู้ตาย และเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายแล้วรีบนำศพจากบ้านไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเพื่อทำการฌาปนกิจโดยมิได้แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ เมื่อมีผู้ขอดูศพผู้ตาย จำเลยก็ไม่ยอมให้ดู ตามพฤติการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาที่จะปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายของผู้ตายการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6255/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การย้ายศพเพื่อปิดบังการตาย ถือเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 199 แม้ไม่มีรายละเอียดการซ่อนเร้น
ฟ้องในข้อหาความผิดตาม ป.อ. มาตรา 199 ไม่จำต้องบรรยายว่าจำเลยซ่อนเร้นหรือย้ายศพผู้ตายอย่างไร เพราะเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา จำเลยทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วรีบนำศพจากบ้านไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเพื่อทำการฌาปนกิจ โดยไม่แจ้งให้บิดามารดาผู้ตายและพนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ เมื่อมีผู้ขอดูศพผู้ตายจำเลยก็ไม่ยอมให้ดู เป็นการย้ายศพโดยมีเจตนาเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 199.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6251/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือตักเตือนมีผลเมื่อแจ้งให้ลูกจ้างทราบ แม้ลูกจ้างไม่ลงชื่อรับทราบ
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน มิได้กำหนดวิธีการแจ้งหนังสือตักเตือนให้ลูกจ้างทราบ ว่าต้องให้ลูกจ้างลงชื่อรับทราบในหนังสือตักเตือนหรือต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบด้วยวิธีการอย่างใด ดังนั้น การที่นายจ้างออกหนังสือตักเตือนและแจ้งให้ลูกจ้างทราบแล้ว แม้ลูกจ้างไม่ได้ลงชื่อรับทราบในหนังสือตักเตือน ก็ถือว่าลูกจ้างได้รับทราบหนังสือตักเตือนซึ่งทำให้หนังสือตักเตือนมีผลใช้บังคับแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6251/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตักเตือนลูกจ้างและการเลิกจ้างซ้ำซ้อน นายจ้างไม่สามารถเลิกจ้างโดยอ้างเหตุเดิมหลังตักเตือนแล้วได้
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน มิได้กำหนดว่าเมื่อนายจ้างออกหนังสือตักเตือนลูกจ้างแล้ว นายจ้างต้องแจ้งหนังสือตักเตือนให้ลูกจ้างทราบโดยต้องให้ลูกจ้างลงชื่อรับทราบในหนังสือตักเตือน หรือต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบโดยวิธีการอย่างใดการที่จำเลยออกหนังสือตักเตือน และแจ้งให้โจทก์ทราบ แม้โจทก์จะไม่ได้ลงชื่อรับทราบในหนังสือตักเตือน ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ทราบหนังสือตักเตือน ซึ่งทำให้หนังสือตักเตือนมีผลใช้บังคับแล้วและเมื่อจำเลยได้สั่งลงโทษการกระทำความผิดของโจทก์ โดยการตักเตือนมีหนังสือแล้ว จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างเหตุแห่งการกระทำผิดของโจทก์ดังกล่าวอีกไม่ได้ เพราะเป็นการซ้ำซ้อนกับการกระทำผิดของโจทก์ในคราวเดียวกัน จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6232/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนัดหยุดงานที่ผิดกฎหมายแต่มีการตกลงประนีประนอม ทำให้ไม่อาจเลิกจ้างได้
การนัดหยุดงานของผู้คัดค้านในระหว่างที่ผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างกำลังปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิมอยู่ เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 34(2) จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่หลังจากที่ได้หยุดงานแล้ว สหภาพแรงงานกับผู้ร้องตกลงกันได้และทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างใหม่ โดยผู้ร้องตกลงไม่กลั่นแกล้งพนักงานทุกคนที่นัดหยุดงาน อันมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ถือได้ว่าผู้ร้องจะไม่เอาเหตุที่ผู้คัดค้านได้นัดหยุดงานนั้นเป็นเหตุเลิกจ้างผู้คัดค้าน ดังนี้ผู้ร้องจึงไม่มีเหตุสมควรจะเลิกจ้างผู้คัดค้าน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6145/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ-อายุความ: คดีแรงงาน การกระทำเกินอำนาจ-หนังสือรับสภาพหนี้ ไม่ขาดอายุความ
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลย มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานเพราะโจทก์อายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ จำเลยต้องจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพและค่าชดเชยหรือไม่ ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างแรงงาน มีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์ และกระทำเกินขอบอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ ดังนี้ประเด็นข้อพิพาทคดีนี้กับคดีก่อนต่างกัน ฟ้องคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างแรงงานซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา164 วันที่ 6 กันยายน 2526 จำเลยได้ทำหนังสือรับรองความเสียหายให้แก่โจทก์ เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงและเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2526 ดังนั้น โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2534 ยังไม่เกิน 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6129/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่ยื่นฝ่าฝืนข้อกำหนด หากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและเกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญในคดี
กรณีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานซึ่งยื่นฝ่าฝืน ป.วิ.พ. มาตรา 88 ได้ตามป.วิ.พ. มาตรา 87(2) ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 31.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6062/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เลิกสัญญาซื้อขายโดยปริยายจากการไม่ชำระหนี้และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง แม้ไม่เคร่งครัดกำหนดเวลา
แม้ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน กำหนดเรื่องการชำระราคากันว่าโจทก์ชำระเงินให้แก่จำเลยในวันทำสัญญาแล้ว 10,000 บาท ที่เหลือส่งชำระเป็นรายเดือน เดือนละ 500 บาท จนกว่าจะครบ 37,500 บาทจำเลยจึงจะโอนสิทธิให้ แม้โจทก์มิได้ชำระเงินทุกเดือนรวมหลาย ๆ เดือนชำระครั้งหนึ่ง ไม่ได้ถือกำหนดเวลาในสัญญาเป็นสำคัญก็ตาม แต่เมื่อต่อมาโจทก์รื้อบ้านของโจทก์ที่ปลูกไว้ออกจากที่ดินดังกล่าวไปแล้วไม่ได้ชำระเงินให้จำเลยนานถึง 4 ปีเศษ โดยจำเลยไม่เคยทวงถามให้โจทก์ชำระหนี้อีกเลย แสดงว่าโจทก์จำเลยเลิกสัญญากันโดยปริยายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6030/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเพิกถอนนิติกรรมขายและจำนอง: คดีมีทุนทรัพย์หรือไม่ พิจารณาจากมูลค่าทรัพย์สินที่พิพาท
โจทก์เป็นทายาทของ จ. ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ อ. ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับ จ.ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวทำไว้กับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และส. รวมทั้งขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนรายการประเภทขายและประเภทจำนองทุกรายการ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ต่อสู้กรรมสิทธิ์และจำเลยที่ 5ต่อสู้ว่าได้รับจำนองที่ดินไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ดังนี้ถ้าโจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมได้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกลับคืนมาเป็นมรดกของ จ. โดยปลอดจำนองด้วย คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6022/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงการสืบพยานร่วมและการวินิจฉัยตามคำเบิกความ มีผลผูกพันคู่ความ
ทางพิจารณาคู่ความตกลงกันว่า ขอสืบ ส.เป็นพยานร่วมเพียงปากเดียว หาก ส.เบิกความเป็นอย่างไรก็ให้ศาลพิพากษาคดีไปตามนั้นและหาก ส.เบิกความไม่สมฝ่ายใด ก็ถือว่าโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานให้ศาลพิพากษาไปตามประเด็นแห่งคดี เมื่อคำเบิกความของ ส.สอดคล้องเจือสมกับคำฟ้องของโจทก์ที่ว่าโจทก์มีส่วนในการซื้อที่ดินคืนไม่ใช่จำเลยซื้อเพียงคนเดียว จำเลยจึงต้องแพ้คดีตามที่ตกลงกันในรายงานกระบวนพิจารณา.
of 99