คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไมตรี กลั่นนุรักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5654/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกร้องค่าบริการโทรศัพท์: สิทธิเกิดขึ้นเมื่อใช้บริการ ไม่ใช่เมื่อทวงถาม
แม้โจทก์มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมาย มีหน้าที่เกี่ยวด้วยการให้บริการและการปฏิบัติการด้านไปรษณีย์และโทรคมนาคมเพื่อความสะดวกแก่ประชาชนก็ตาม แต่ผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดวิทยุโทรศัพท์จากในประเทศไปยังต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่โจทก์กำหนดไว้ ค่าธรรมเนียมก็คือสินจ้าง จึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าหรือผู้รับทำการงาน เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา165 (7) ซึ่งมีอายุความ 2 ปี และสิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่จำเลยใช้บริการโทรศัพท์นั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 203

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5654/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ค่าบริการโทรศัพท์: สิทธิเรียกร้องเกิดขึ้นเมื่อใช้บริการ ไม่ใช่เมื่อทวงถาม
แม้โจทก์มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมาย มีหน้าที่เกี่ยวด้วยการให้บริการและการปฏิบัติการด้านไปรษณีย์และโทรคมนาคม เพื่อความสะดวกแก่ประชาชนก็ตาม แต่ผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดวิทยุโทรศัพท์จากในประเทศไปยังต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่โจทก์กำหนดไว้ ค่าธรรมเนียมก็คือสินจ้าง จึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าหรือผู้รับทำการงานเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) ซึ่งมีอายุความ 2 ปีและสิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่จำเลยใช้บริการโทรศัพท์นั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 203

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5638/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อาวุธปืนป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการประเมินเจตนาการกระทำความผิด
การที่โจทก์ร่วมซึ่งไม่มีอาวุธติดตัวได้เข้าไปในบริเวณบ้านของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุสมควร ถือว่าเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย เมื่อจำเลยมาพบเข้า โจทก์ร่วมก็วิ่งหนีออกมาเหตุละเมิดจึงหมดไป การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมด้านหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงโจทก์ร่วม จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่าหากกระสุนปืนถูกโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมย่อมได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผลจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5638/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อาวุธปืนป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่า
การที่โจทก์ร่วมซึ่งไม่มีอาวุธติดตัวได้เข้าไปในบริเวณบ้านของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุสมควร ถือว่าเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย เมื่อจำเลยมาพบเข้า โจทก์ร่วมก็วิ่งหนีออกมาเหตุละเมิดจึงหมดไป การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมด้านหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงโจทก์ร่วม จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่าหากกระสุนปืนถูกโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมย่อมได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผล จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5558/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปีต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน หากไม่จดทะเบียน สิทธิบังคับได้เพียง 3 ปี
จำเลยเช่าที่ดินของ ห. มีกำหนด 10 ปี โดยทำสัญญาเป็นหนังสือแต่ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงมีผลบังคับกันได้เพียง 3 ปี ที่จำเลยให้การว่ากำหนดเวลาเช่าที่เกินกว่า 3 ปีเป็นคำมั่นซึ่งมีผลบังคับ ห. ได้ จึงมีผลบังคับ พ. ผู้รับโอนที่ดินจาก ห. ด้วยนั้น ไม่มีบทกฎหมายรับรองสิทธิให้บังคับตามที่จำเลยให้การ ศาลชอบที่จะพิพากษาคดีได้โดยไม่จำต้องสืบพยาน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5558/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปี ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน มิฉะนั้นบังคับได้เพียง 3 ปี
จำเลยเช่าที่ดินของ ห. มีกำหนด 10 ปี โดยทำสัญญาเป็นหนังสือแต่ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงมีผลบังคับกันได้เพียง 3 ปี ที่จำเลยให้การว่ากำหนดเวลาเช่าที่เกินกว่า 3 ปีเป็นคำมั่นซึ่งมีผลบังคับ ห.ได้จึงมีผลบังคับพ. ผู้รับโอนที่ดินจาก ห. ด้วยนั้น ไม่มีบทกฎหมายรับรองสิทธิให้บังคับตามที่จำเลยให้การ ศาลชอบที่จะพิพากษาคดีได้โดยไม่จำต้องสืบพยาน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5546/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยนอกประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลย ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องว่า ซื้อที่ดินพิพาทจาก พ.แล้วให้จำเลยครอบครองแทน จำเลยให้การว่าจำเลยซื้อที่ดินพิพาทจาก พ. และครอบครองตลอดมา คดีไม่มีประเด็นเรื่องจำเลยครอบครองแทนแล้วเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการครอบครอง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะการครอบครอง จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5546/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงลักษณะการครอบครองที่ดินและการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลย ศาลฎีกาวินิจฉัยให้กลับคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องว่า ซื้อที่ดินพิพาทจาก พ.แล้วให้จำเลยครอบครองแทน จำเลยให้การว่าจำเลยซื้อที่ดินพิพาทจาก พ. และครอบครองตลอดมา คดีไม่มีประเด็นเรื่องจำเลยครอบครองแทนแล้วเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการครอบครอง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะการครอบครอง จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5542/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินด้วยรั้วกำแพง แม้ไม่ใช่โรงเรือนก็ต้องรื้อถอน หากจำเลยต่อสู้เรื่องลักษณะโรงเรือนต้องยกขึ้นว่ากันตั้งแต่ศาลชั้นต้น
การที่จำเลยสร้างรั้วกำแพงรุกล้ำที่ดินของโจทก์นั้น มิใช่เป็นการปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1312 จำเลยต้องรื้อถอนออกไป ที่จำเลยฎีกาว่า สิ่งปลูกสร้างคดีนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับโรงเรือนเพราะปลูกสร้างแน่นหนามั่นคงติดกับที่ดิน และพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้าง พ.ศ. 2497 ให้ถือว่ากำแพงเป็นอาคารด้วยนั้นจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในประเด็นข้อนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5542/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินด้วยรั้วกำแพง: ศาลพิพากษาสั่งรื้อถอน แม้จำเลยอ้างสิ่งปลูกสร้าง
การที่จำเลยสร้างรั้วกำแพงรุกล้ำที่ดินของโจทก์นั้น มิใช่เป็นการปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1312 จำเลยต้องรื้อถอนออกไป
ที่จำเลยฎีกาว่า สิ่งปลูกสร้างคดีนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับโรงเรือนเพราะปลูกสร้างแน่นหนามั่นคงติดกับที่ดิน และพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้าง พ.ศ. 2497 ให้ถือว่ากำแพงเป็นอาคารด้วยนั้นจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในประเด็นข้อนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 99