คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไมตรี กลั่นนุรักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3148/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเรื่องบัญชีระบุพยาน เหตุมิได้ว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ และค่าขึ้นศาล
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์และไม่อนุญาตให้โจทก์สืบพยาน เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 แม้โจทก์จะได้ยื่นคำแถลงแจ้งเหตุขัดข้องและจำเป็นที่มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนดและขอยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลชั้นต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226(2) แล้วก็ตามแต่เมื่อโจทก์มิได้หยิบยกปัญหานี้ขึ้นว่ากล่าวมาในชั้นอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 แม้ผู้ร้องจะนำสืบพยานฝ่ายเดียว แต่ถ้าเป็นพยานที่มีน้ำหนักและเหตุผลเป็นที่เชื่อถือได้ ศาลก็ย่อมจะรับฟังพยานเช่นว่านั้นแล้ววินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทให้ผู้ร้องเป็นฝ่ายชนะคดีได้ โจทก์ฎีกาเพียงแต่ขอให้พิจารณาคดีใหม่ มิได้ฎีกาขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดี จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลสำนวนละ 200 บาท ตามตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2(ข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3148-3149/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่รับบัญชีระบุพยานและการฎีกาในปัญหาข้อจำกัดการสืบพยาน รวมถึงค่าขึ้นศาลสำหรับคำขอพิจารณาคดีใหม่
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์ และไม่อนุญาตให้โจทก์สืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 แม้โจทก์จะได้ยื่นคำแถลงแจ้งเหตุขัดข้องและจำเป็นที่มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนด และขอยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลชั้นต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226(2)แล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้หยิบยกปัญหานี้ขึ้นว่ากล่าวมาในชั้นอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
แม้ผู้ร้องจะนำสืบพยานฝ่ายเดียว แต่ถ้าเป็นพยานที่มีน้ำหนักและเหตุผลเป็นที่เชื่อถือได้ ศาลก็ย่อมจะรับฟังพยานเช่นว่านั้นแล้ววินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทให้ผู้ร้องเป็นฝ่ายชนะคดีได้
โจทก์ฎีกาเพียงแต่ขอให้พิจารณาคดีใหม่ มิได้ฎีกาขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดี จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลสำนวนละ 200 บาท ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2(ข).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำสั่งอายัดชั่วคราวเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดและการบังคับคดี
หมายอายัดชั่วคราวนั้น เป็นเพียงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี คำสั่งนั้นก็ยังมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ออกหมายอายัดชั่วคราวให้ผู้คัดค้านส่งเงินที่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิได้รับจากผู้คัดค้านต่อศาล แต่ผู้คัดค้านยังมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งอายัดชั่วคราวโดยคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำสั่ง ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์คดีถึงที่สุด และในชั้นบังคับคดีศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านส่งเงินจำนวนเดียวกันกับที่มีคำสั่งในหมายอายัดชั่วคราว ดังนี้ย่อมถือได้ว่าคำสั่งอายัดชั่วคราวดังกล่าวเป็นอันยกเลิกไป ปัญหาว่าผู้คัดค้านต้องส่งเงินต่อศาลชั้นต้นตามหมายอายัดชั่วคราวตามที่โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ไว้ก่อนนั้นหรือไม่ จึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดีอีกต่อไป การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้คัดค้านเสีย จึงชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำสั่งอายัดชั่วคราวเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดและการบังคับคดี
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ผู้คัดค้านส่งเงินต่อศาลตามหมายอายัดชั่วคราว เป็นเพียงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี คำสั่งนั้นก็ยังคงมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษานั้นเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าในชั้นบังคับคดี ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านส่งเงินจำนวนเดียวกันกับที่มีคำสั่งในหมายอายัดชั่วคราวย่อมถือได้ว่าคำสั่งที่ให้ผู้คัดค้านส่งเงินตามหมายอายัดชั่วคราวดังกล่าวเป็นอันยกเลิกไป ปัญหาว่าผู้คัดค้านต้องส่งเงินต่อศาลชั้นต้นตามหมายอายัดชั่วคราวหรือไม่ จึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดีอีกต่อไป หากผู้คัดค้านเห็นว่าตนมีสิทธิที่จะไม่ส่งเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้นในชั้นบังคับคดีก็ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งอายัดชั่วคราวมีผลจนกว่าจะมีการบังคับคดีตามคำพิพากษา หากศาลมีคำสั่งในชั้นบังคับคดี คำสั่งอายัดชั่วคราวเป็นอันยกเลิก
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ผู้คัดค้านส่งเงินต่อศาลตามหมายอายัดชั่วคราว เป็นเพียงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี คำสั่งนั้นก็ยังคงมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษานั้นเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าในชั้นบังคับคดีศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านส่งเงินจำนวนเดียวกันกับที่มีคำสั่งในหมายอายัดชั่วคราว ย่อมถือได้ว่าคำสั่งที่ให้ผู้คัดค้านส่งเงินตามหมายอายัดชั่วคราวดังกล่าวเป็นอันยกเลิกไป ปัญหาว่าผู้คัดค้านต้องส่งเงินต่อศาลชั้นต้นตามหมายอายัดชั่วคราวหรือไม่ จึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดีอีกต่อไป หากผู้คัดค้านเห็นว่าตนมีสิทธิที่จะไม่ส่งเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้นในชั้นบังคับคดีก็ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3029/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระวังแนวเขตที่ดินสาธารณะ: การยึดหลักเขตเดิมเป็นเกณฑ์ และการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบของเจ้าหน้าที่
จำเลยมีหน้าที่ดูแล ที่สาธารณะภายในเขตรับผิดชอบ และการระวังแนวเขตบึงทรายกองดินด้าน ที่ติด กับที่ดินของโจทก์ จำเลยได้ปฏิบัติตาม คำสั่ง กระทรวงมหาดไทย ที่วางระเบียบปฏิบัติไว้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและถูกต้อง แล้วการคัดค้านแนวเขตที่ดินพิพาทเป็นไปโดยชอบด้วย กฎหมายและสุจริต จำเลยทั้งสี่มิได้ทำละเมิดสิทธิของโจทก์ เมื่อไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้อง มีพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้นฉะนั้น นอกจากเอกสารดังกล่าวแล้ว จำเลยนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ ว่า กระทรวงมหาดไทย ออกระเบียบปฏิบัติในการระวังแนวเขตที่สาธารณะไว้อย่างไร แม้เอกสารเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่อ้างเป็นพยานจะฟังไม่ได้เพราะไม่ใช่ต้นฉบับ และผู้ รับรอง สำเนาก็มิใช่ผู้มีอำนาจ แต่ พยานบุคคลที่จำเลยนำเข้าสืบรับฟังได้ .

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3029/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระวังแนวเขตที่สาธารณะโดยยึดหลักเขตเดิม และการปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิ
จำเลยมีหน้าที่ดูแลที่สาธารณะภายในเขตรับผิดชอบ การระวังแนวเขตบึงทรายกองดินด้านที่ติดกับที่ดินของโจทก์จำเลยได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่วางระเบียบปฏิบัติไว้ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและถูกต้อง การคัดค้านแนวเขตที่ดินพิพาทเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและสุจริตย่อมไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ระเบียบปฏิบัติของกระทรวงมหาดไทยเรื่องการระวังแนวเขตที่สาธารณะมีว่าอย่างไรไม่ใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง จำเลยจึงนำพยานบุคคลมาสืบได้ว่ากระทรวงมหาดไทยออกระเบียบปฏิบัติในการระวังแนวเขตที่สาธารณะไว้อย่างไร แม้เอกสารเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่จำเลยอ้างเป็นพยานจะฟังไม่ได้เพราะไม่ใช่ต้นฉบับและผู้รับรองสำเนามิใช่ผู้มีอำนาจ แต่พยานบุคคลที่จำเลยนำเข้าสืบก็รับฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3029/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดินแนวเขตบึงสาธารณะ การยึดหลักเขตเดิม และการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบของเจ้าพนักงาน
จำเลยมีหน้าที่ดูแลที่สาธารณะภายในเขตรับผิดชอบ และการระวังแนวเขตบึงทรายกองดินด้านที่ติดกับที่ดินของโจทก์ จำเลยได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่วางระเบียบปฏิบัติไว้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและถูกต้องแล้วการคัดค้านแนวเขตที่ดินพิพาทเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและสุจริต จำเลยทั้งสี่มิได้ทำละเมิดสิทธิของโจทก์
เมื่อไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้นฉะนั้น นอกจากเอกสารดังกล่าวแล้ว จำเลยนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ว่ากระทรวงมหาดไทยออกระเบียบปฏิบัติในการระวังแนวเขตที่สาธารณะไว้อย่างไร แม้เอกสารเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่อ้างเป็นพยานจะฟังไม่ได้เพราะไม่ใช่ต้นฉบับ และผู้รับรองสำเนาก็มิใช่ผู้มีอำนาจ แต่พยานบุคคลที่จำเลยนำเข้าสืบรับฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2988/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: เงื่อนไขการบอกกล่าวติดตามหนี้ การตีความสัญญา
ที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ว่า หาก ซ.บิดพลิ้วไม่ชำระหนี้ให้จำเลยรับผิดชอบในจำนวนเงินดังกล่าวโดยจะติดตาม ซ. ให้มาชดใช้ให้ ถ้าติดตามไม่ได้ จำเลยจะขอรับชดใช้เองจนครบจำนวนนั้น ไม่มีข้อความตอนใดบังคับว่าโจทก์จะต้องบอกกล่าวให้จำเลยติดตามตัว ซ. ก่อน ข้อความตามสัญญามีความหมายเพียงว่าถ้า ซ. ไม่ชำระ จำเลยต้องชำระแทนเท่านั้น ส่วนข้อความที่ว่าโดยจะติดตาม ซ. ให้มาชดใช้นั้น เป็นเรื่องเปิดโอกาสให้จำเลยมีเวลาติดตามลูกหนี้ที่แท้จริง ไม่ใช่เงื่อนไขให้โจทก์ต้องบอกกล่าวจำเลยก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2988/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การตีความเงื่อนไขการบอกกล่าวติดตามหนี้
ที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ว่า หาก ซ.บิดพลิ้วไม่ชำระหนี้ให้จำเลยรับผิดชอบในจำนวนเงินดังกล่าวโดยจะติดตาม ซ. ให้มาชดใช้ให้ ถ้าติดตามไม่ได้ จำเลยจะขอรับชดใช้เองจนครบจำนวนนั้น ไม่มีข้อความตอนใดบังคับว่าโจทก์จะต้องบอกกล่าวให้จำเลยติดตามตัว ซ. ก่อน ข้อความตามสัญญามีความหมายเพียงว่าถ้า ซ. ไม่ชำระ จำเลยต้องชำระแทนเท่านั้น ส่วนข้อความที่ว่าโดยจะติดตาม ซ. ให้มาชดใช้นั้น เป็นเรื่องเปิดโอกาสให้จำเลยมีเวลาติดตามลูกหนี้ที่แท้จริง ไม่ใช่เงื่อนไขให้โจทก์ต้องบอกกล่าวจำเลยก่อน
of 99