คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไมตรี กลั่นนุรักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3645/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยการโอนทรัพย์สิน (รถยนต์) ถือเป็นการลบล้างหนี้เช็ค ทำให้จำเลยไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ น. เพื่อชำระหนี้ค่าไม้ น. โอนเช็คพิพาทให้โจทก์ ต่อมาจำเลยตกลงโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ให้ ส. เป็นการตีใช้หนี้ให้ น. ซึ่งรวมทั้งหนี้ตามเช็คพิพาทที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ด้วยเมื่อโจทก์ทราบถึงข้อตกลงดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทอีก ดังนั้นเมื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยก็ไม่มีความผิดตามบทบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3645/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยการโอนทรัพย์สิน (รถยนต์) ถือเป็นการชำระหนี้ตามเช็ค แม้จะไม่ได้ตกลงโดยตรงกับผู้รับเช็ค
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ น. เพื่อชำระหนี้ค่าไม้น.โอนเช็คพิพาทให้โจทก์ ต่อมาจำเลยตกลงโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ให้ ส.เป็นการตีใช้หนี้ให้ น.ซึ่งรวมทั้งหนี้ตามเช็คพิพาทที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ด้วย เมื่อโจทก์ทราบถึงข้อตกลงดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทอีก ดังนั้นเมื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยก็ไม่มีความผิดตามบทบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3637/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยได้รับการยกเว้นภาษีอากรแสตมป์ จึงใช้เป็นพยานหลักฐานได้
พระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย พ.ศ.2497 มาตรา 19 บัญญัติให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยได้รับยกเว้นจากการเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ดังนั้น หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยจึงไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ และรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3637/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเว้นภาษีอากรขององค์การโทรศัพท์ และการใช้หนังสือมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐาน
พระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2497มาตรา 19 บัญญัติให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยได้รับยกเว้นจากการเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ดังนั้น หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยจึงไม่ต้องปิดอากรแสตมป์และรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3625/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การทำร้ายต่อเนื่องด้วยอาวุธต่างชนิดกัน ไม่ถือเป็นกรรมต่างกัน
โจทก์บรรยายฟ้องข้อ ก.ว่า จำเลยใช้ขวดสุราเป็นอาวุธตีทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 โดยแรง 1 ครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ฟ้องข้อ ข.ว่าตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ ก.ภายหลังจากจำเลยได้กระทำความผิดดังกล่าวแล้ว จำเลยใช้กุญแจตัดเหล็กเป็นอาวุธตีประทุษร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ เห็นได้ว่า ภายหลังจากที่จำเลยใช้ขวดสุราเป็นอาวุธตีทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 แล้ว ในเวลาต่อเนื่องกันจำเลยก็ได้ใช้กุญแจตัดเหล็กเป็นอาวุธทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 อีก ดังนี้เป็นเรื่องที่จำเลยต้องการทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 ให้ได้รับอันตรายแก่กายตามเจตนาเดิมและเจตนาเดียวของจำเลยนั่นเองอันเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันแม้จำเลยกระทำหลายครั้งการกระทำ ของจำเลยก็ยังถือว่าเป็นการกระทำครั้งเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียวมิใช่หลายกรรม การที่โจทก์บรรยายฟ้องแยกเป็นข้อ ก.และข้อ ข. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ทั้งจำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ศาลจะลงโทษจำเลยหลายกระทงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3625/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียว vs. กรรมหลายกรรม: การกระทำความรุนแรงต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ก. ว่า จำเลยใช้ขวดสุราเป็นอาวุธตีทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 โดยแรง 1 ครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ฟ้องข้อ ข. ว่า ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ ก. ภายหลังจากจำเลยได้กระทำความผิดดังกล่าวแล้ว จำเลยใช้กุญแจตัดเหล็กเป็นอาวุธที่ประทุษร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ เห็นได้ว่า ภายหลังจากที่จำเลยใช้ขวดสุราเป็นอาวุธตีทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 แล้ว ในเวลาต่อเนื่องกันจำเลยก็ได้ใช้กุญแจตัดเหล็กเป็นอาวุธทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 อีก ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยต้องการทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 ให้ได้รับอันตรายแก่กายตามเจตนาเดิมและเจตนาเดียวของจำเลยนั้นเอง อันเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันแม้จำเลยกระทำหลายครั้ง การกระทำของจำเลยก็ยังถือว่าเป็นการกระทำครั้งเดียวกัน จึงเป็นกรรมเดียวมิใช่หลายกรรม การที่โจทก์บรรยายฟ้องแยกเป็น ข้อ ก. และข้อ ข. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ทั้งจำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ศาลจะลงโทษจำเลยหลายกระทงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3587/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณะ vs. สิทธิครอบครอง: การอ้างสิทธิใช้สอยเมื่อที่ดินเป็นสาธารณสมบัติ
ที่ดินที่พลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304 (2) แม้โจทก์จะเสียภาษีบำรุงท้องที่ก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง
โจทก์บรรยายฟ้องยืนยันว่า ที่พิพาทไม่ใช่ที่สาธารณะไม่ได้กล่าวล่วงเลยไปถึงว่าหากที่ดินดังกล่าวเป็นที่สาธารณะ แต่โจทก์ก็ครอบครองอยู่จึงมีสิทธิใช้สอยดีกว่าจำเลย ศาลชั้นต้นก็กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือที่สาธารณะเท่านั้น โจทก์เพิ่มหยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงเป็นเรื่องนอกคำฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่อาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3587/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณะหรือไม่ การเสียภาษีบำรุงท้องที่ไม่ได้ทำให้เกิดสิทธิครอบครอง การยกข้ออ้างใหม่ในชั้นฎีกาเป็นเรื่องนอกคำฟ้อง
ที่ดินที่พลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) แม้โจทก์จะเสียภาษีบำรุงท้องที่ก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง โจทก์บรรยายฟ้องยืนยันว่า ที่พิพาทไม่ใช่ที่สาธารณะไม่ได้กล่าวล่วงเลยไปถึงว่าหากที่ดินดังกล่าวเป็นที่สาธารณะ แต่โจทก์ก็ครอบครองอยู่จึงมีสิทธิใช้สอยดีกว่าจำเลย ศาลชั้นต้นก็กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือที่สาธารณะเท่านั้น โจทก์เพิ่งหยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงเป็นเรื่องนอกคำฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่อาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3332/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อเมื่อจำเลยพ้นโทษคดีก่อนแล้ว แม้มีฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาเดิม ศาลฎีกาไม่สามารถนับโทษต่อได้
คดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย3 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุกจำเลย 8 เดือน จำเลยถูกคุมขังพอแก่โทษ ศาลชั้นต้นให้ปล่อยตัวไป แม้โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา แต่ไม่ปรากฏว่าศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาแล้วจึงยังไม่มีโทษจำคุกที่จะนับต่อไป ศาลจึงไม่อาจนับโทษต่อให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3332/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษคดีอาญา: เมื่อจำเลยพ้นโทษคดีเดิมแล้ว แม้มีฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาเดิม ก็ไม่อาจนับโทษต่อได้
คดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 3 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุกจำเลย 8 เดือนจำเลยถูกคุมขังพอแก่โทษศาลชั้นต้นให้ปล่อยตัวไป แม้โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา แต่ไม่ปรากฏว่าศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาแล้วจึงยังไม่มีโทษจำคุกที่จะนับต่อให้ ศาลจึงไม่อาจนับโทษต่อให้ได้.
of 99