คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไมตรี กลั่นนุรักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3601/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีรวมทุนทรัพย์หลายคน ศาลคำนวณค่าขึ้นศาลรายบุคคลเพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียม
ศาลชั้นต้นนัดชี้สองสถานแล้วจึงพบเห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องรวมกันมาทั้ง ๆ ที่แต่ละคนสามารถฟ้องได้โดยลำพัง น่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมศาลจึงกำหนดเวลาให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้อง เป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) มิใช่คำสั่งตามมาตรา 18 วรรคสอง เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามจึงเป็นการทิ้งฟ้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียได้
กรณีทิ้งฟ้องไม่เข้าเหตุใดเหตุหนึ่งตามมาตรา 151 ที่ศาลจะมีอำนาจสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาล
เมื่อทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกันได้ แต่โจทก์ฟ้องรวมกันมาเป็นคดีเดียว ดังนี้ จะต้องคำนวณค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้อง มิใช่เสียค่าขึ้นศาลรวมกัน โจทก์บรรยายฟ้องข้อ 5 ว่าจำเลยยักย้ายทรัพย์มรดกคิดเป็นเงิน 76,000,000 บาท ข้อ 6 ราคาทรัพย์มรดกตามบัญชีท้ายฟ้องอันดับ 8-15 รวมเป็นเงิน 52,180,000 บาท โจทก์ได้ตามข้อนี้คนละ 4,348,333.33 บาท รวมทั้งข้อ 5 ข้อ 6 โจทก์ 5 คนได้รวมกัน 97,741,666.66 บาทเห็นได้ชัดว่า โจทก์เรียกร้องมาคนละ 19,548,333.33 บาท ซึ่งโจทก์แต่ละคนต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 (ก) คนละ 200,000 บาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมเพื่อขออนุญาตมีอาวุธปืน ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและการพิสูจน์ความรู้เท่าทันของจำเลย
จำเลยนำเอาอาวุธปืนมีรอยขูดลบตรงเลขหมายประจำปืนกับเครื่องหมายทะเบียนปืน และนำใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของป. ฉบับที่หาย ไปแสดงต่อนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อให้ออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนให้จำเลยโดยอ้างว่า เจ้าของอาวุธปืนลงชื่อสลักหลังใบอนุญาตขายอาวุธปืนให้จำเลย ซึ่งเป็นเท็จ เป็นเหตุให้นายทะเบียนอาวุธปืนหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง และออกใบอนุญาตให้จำเลยตามพฤติการณ์เชื่อ ได้ว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อความหลังใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนนั้นปลอม จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมเพื่อขอใบอนุญาตอาวุธปืน โดยแสดงเอกสารที่ถูกแก้ไขและลงชื่อปลอม
จำเลยนำเอาอาวุธปืนมีรอยขูดลบตรงเลขหมายประจำปืนกับเครื่องหมายทะเบียนปืน และนำใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของป.ฉบับที่หาย ไปแสดงต่อนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อให้ออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนให้จำเลยโดยอ้างว่า เจ้าของอาวุธปืนลงชื่อสลักหลังใบอนุญาตขายอาวุธปืนให้จำเลย ซึ่งเป็นเท็จ เป็นเหตุให้นายทะเบียนอาวุธปืนหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง และออกใบอนุญาตให้จำเลย ตามพฤติการณ์เชื่อได้ว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อความหลังใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนนั้นปลอม จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3348/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณกำไรสุทธิภาษีเงินได้นิติบุคคล: สิทธิในการเลือกใช้เกณฑ์สิทธิ์หรือเงินสด แม้จะยังไม่ได้รับเงิน
การคำนวณกำไรสุทธิในการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี ปี พ.ศ. 2519 ถึงปี พ.ศ. 2521 ต้องเป็นไปตามมาตรา 65 แห่ง ป.รัษฎากรในขณะพิพาท ซึ่งบัญญัติว่า "เงินได้ที่ต้องเสียภาษีตามความในส่วนนี้คือ กำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชี ฯลฯ" กิจการในที่นี้จึงหมายถึงกิจการที่กระทำจนได้เงินมาเป็นเงินได้แล้ว ฉะนั้นการที่โจทก์มีสิทธิเพียงแต่จะได้รับดอกเบี้ย แต่ยังไม่ได้รับมาจริงจึงยังไม่ใช่รายรับอันจะนำมาคำนวณเป็นกำไรสุทธิ แม้โจทก์จะปฏิบัติทางบัญชีโดยลงบัญชีรายรับค่าดอกเบี้ยค้างรับในระบบเกณฑ์สิทธิ์ตลอดมาก็ตาม โจทก์ก็ยังมีสิทธิที่จะไม่นำดอกเบี้ยที่ยังไม่ได้รับจริงมาคำนวณเป็นกำไรสุทธิได้ เพราะกฎหมายในเรื่องนี้ขณะพิพาทไม่ได้บัญญัติทำนองเดียวกับที่บัญญัติไว้ในเรื่องภาษีการค้าตามมาตรา 79 จัตวา และเมื่อโจทก์มีสิทธิจะใช้เกณฑ์สิทธิ์หรือเกณฑ์เงินสดได้อยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สูญ และความจำเป็นในการบัญญัติมาตรา 65 ทวิ (9).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3305/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการไม่ถอนฟ้องคดีเช็ค แม้มีการผ่อนชำระหนี้ แต่ไม่มีข้อตกลงถอนฟ้องเมื่อชำระหนี้ครบ
คดีเดิม จำเลยฟ้องโจทก์ขอให้ศาลลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค มีการตกลงกันว่าจำเลยขอผัดผ่อนการชำระหนี้แก่โจทก์เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจ ลงโทษจำเลยต่อไป ไม่มีข้อตกลงว่า เมื่อโจทก์ชำระเงินงวดสุดท้ายแล้วจำเลยจะถอน ฟ้อง หรือจะถอน ฟ้องเมื่อโจทก์ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว เมื่อโจทก์ชำระหนี้งวดสุดท้ายเกินกำหนดเวลาในข้อตกลงเกือบ 2 เดือนจึงไม่มีความผูกพันที่จำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอถอน ฟ้อง ดังนั้นการที่โจทก์ต้องถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกมิใช่เป็นผลจากการกระทำของจำเลย คดีต้องห้ามอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายของศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน หากข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ย่อมรับฟังข้อเท็จจริงใหม่เพิ่มเติมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3305/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงผ่อนชำระหนี้เช็คและการถอนฟ้อง: ความรับผิดของจำเลยเมื่อโจทก์ชำระหนี้ล่าช้า
คดีเดิมจำเลยฟ้องโจทก์ขอให้ศาลลงโทษตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค มีการตกลงกันว่าจำเลยขอผัดผ่อนการชำระหนี้แก่โจทก์เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยต่อไป ไม่มีข้อตกลงว่า เมื่อโจทก์ชำระเงินงวดสุดท้ายแล้วจำเลยจะถอนฟ้อง หรือจะถอนฟ้องเมื่อโจทก์ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว เมื่อโจทก์ชำระหนี้งวดสุดท้ายเกินกำหนดเวลาในข้อตกลงเกือบ 2 เดือน จึงไม่มีความผูกพันที่จำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ดังนั้นการที่โจทก์ต้องถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกมิใช่เป็นผลจากการกระทำของจำเลย
คดีต้องห้ามอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายของศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน หากข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ย่อมรับฟังข้อเท็จจริงใหม่เพิ่มเติมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3272/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องขับไล่จากการเช่าปากเปล่า: ฟ้องไม่เคลือบคลุมหรือไม่?
ฟ้องโจทก์ตั้งสภาพข้อกล่าวหาว่าจำเลยอยู่อาศัยบ้านพิพาทของโจทก์โดยการเช่าไม่มีลายลักษณ์อักษร และไม่มีกำหนดระยะเวลา โจทก์ประสงค์จะใช้ประโยชน์เอง บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออก จำเลยและบริวารไม่ออกทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายโดยเปรียบเทียบเป็นอัตราค่าเช่าขณะยื่นฟ้อง ดังนี้ ไม่ใช่ฟ้องตามสัญญาเช่า โจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องว่า มีข้อสัญญาว่าจำเลยชำระเงินค่าเช่าวิธีใด อย่างไร ผิดนัดค่าเช่าอย่างไร เป็นฟ้องซึ่งบรรยายแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับและข้ออ้างเป็นที่อาศัยแห่งข้อหา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 แล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3040/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งอุบัติเหตุผ่านตัวแทนประกันภัย: ถือเป็นการแจ้งให้จำเลยทราบโดยชอบ
โจทก์ทำสัญญาประกันชีวิตกับเพิ่มเติมสัญญาประกันอุบัติเหตุและทุพพลภาพไว้กับจำเลยโดยมีเงื่อนไขว่าโจทก์จะต้องแจ้งรายละเอียดการเกิดเหตุและยื่นคำเรียกร้องค่าทดแทนเป็นหนังสือต่อจำเลย ในระหว่างอายุสัญญา โจทก์ประสบอุบัติเหตุและได้แจ้งขอรับเงินค่าทดแทนต่อ ศ.ตัวแทนหาประกันของจำเลยซึ่งได้โทรศัพท์แจ้งให้จำเลยทราบ ต่อมาโจทก์ได้แจ้งเป็นหนังสือไปยังจำเลยโดยผ่านทาง ศ.อีก เช่นนี้ ตามพฤติการณ์แห่งคดีแสดงว่านอกจาก ศ.จะเป็นตัวแทนหาประกันให้จำเลยแล้ว ยังได้ทำการเป็นตัวแทนของจำเลยภายในขอบอำนาจเกี่ยวกับการรับแจ้งอุบัติเหตุด้วย หาก ศ.ไม่มีอำนาจรับแจ้งเหตุตามสัญญาประกันภัยก็ชอบที่จะชี้แจงหรือแนะนำให้โจทก์แจ้งเหตุต่อจำเลยโดยตรง ถือได้ว่าโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไขของสัญญาประกันอุบัติเหตุและทุพพลภาพแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3040/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งอุบัติเหตุผ่านตัวแทนประกันภัย: ถือเป็นการแจ้งให้จำเลยทราบแล้ว หากจำเลยไม่ได้ปฏิเสธอำนาจตัวแทน
โจทก์ทำสัญญาประกันชีวิตกับเพิ่มเติมสัญญาประกันอุบัติเหตุและทุพพลภาพไว้กับจำเลยโดยมีเงื่อนไขว่าโจทก์ จะต้องแจ้งรายละเอียดการเกิดเหตุและยื่นคำเรียกร้องค่าทดแทนเป็นหนังสือต่อจำเลย ในระหว่างอายุสัญญา โจทก์ประสบอุบัติเหตุและได้แจ้งขอรับเงินค่าทดแทนต่อ ศ. ตัวแทนหาประกันของจำเลยซึ่งได้โทรศัพท์แจ้งให้จำเลยทราบ ต่อมาโจทก์ได้แจ้งเป็นหนังสือไปยังจำเลยโดยผ่านทาง ศ.อีก เช่นนี้ ตามพฤติการณ์แห่งคดีแสดงว่านอกจาก ศ.จะเป็นตัวแทนหาประกันให้จำเลยแล้ว ยังได้ทำการเป็นตัวแทนของจำเลยภายในขอบอำนาจเกี่ยวกับการรับแจ้งอุบัติเหตุด้วย หาก ศ.ไม่มีอำนาจรับแจ้งเหตุตามสัญญาประกันภัยก็ชอบที่จะชี้แจงหรือแนะนำให้โจทก์แจ้งเหตุต่อจำเลยโดยตรง ถือได้ว่าโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไขของสัญญาประกันอุบัติเหตุและทุพพลภาพแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2993/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราผู้สืบสันดาน แม้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็มีโทษหนักขึ้นได้ และการนับอายุผู้เสียหายเป็นข้อเท็จจริง
แม้โจทก์จะต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ก็ตาม แต่ฎีกาของโจทก์ที่ว่าศาลอุทธรณ์นับอายุของผู้เสียหายคลาดเคลื่อน เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในสำนวน ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณานั้น เป็นข้อกฎหมายจึงไม่ต้องห้ามฎีกา
การข่มขืนกระทำชำเราผู้สืบสันดานอันจะต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 นั้น หมายถึงการกระทำแก่ผู้สืบสันดานในทางสืบสายโลหิตโดยแท้จริง เพราะบทกฎหมายมาตรานี้ไม่ได้มุ่งลงโทษหนักขึ้นเฉพาะการกระทำแก่บุตรชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น จึงใช้คำว่า 'กระทำแก่ผู้สืบสันดาน' ดังนั้น การที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้สืบสายโลหิตโดยตรงลงมา แม้ผู้นั้นจะมิใช่เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลยก็ตาม ก็ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำต่อผู้สืบสันดานตามความหมายของ มาตรา 285 นี้แล้ว.
of 99