คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไมตรี กลั่นนุรักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้จัดการมรดกจัดการทรัพย์สินโดยมิชอบและแบ่งปันผลประโยชน์ไม่เป็นธรรม ศาลมีอำนาจถอดถอนได้
ผู้คัดค้านและผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันของผู้ตาย ปรากฏว่าผู้คัดค้านจัดการมรดกไปโดยที่ผู้ร้องมิได้รู้เห็นหรือได้รับความยินยอมจากทายาทอื่น และมิใช่กรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน เป็นพฤติการณ์ส่อแสดงถึงผู้คัดค้านจัดการมรดกไปตามอำเภอใจ โดยมิได้ทำหน้าที่แบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทหากยังคงให้เป็นผู้จัดการมรดกต่อไปอาจทำให้ผู้ร้องหรือทายาทอื่นได้รับความเสียหายได้ จึงมีเหตุสมควรถอดถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้จัดการมรดก.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4755-4757/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมการอายัดเงิน: ศาลฎีกาวินิจฉัยให้คิดค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนดในตาราง 5 โดยไม่แยกประเภททรัพย์สิน
โจทก์ขออายัดเงินของจำเลยและผู้ร้องเพื่อนำมาชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาต่อมาได้มีการจ่ายเงินที่อายัดบางส่วนชำระหนี้ให้โจทก์เงินอายัดที่จ่ายให้โจทก์นั้นต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ3ครึ่งตามตาราง5ข้อ2ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเพราะได้มีการจ่ายเงินที่อายัดนั้นแก่เจ้าหนี้แล้วทั้งไม่ได้กำหนดว่าการอายัดตัวเงินคิดค่าธรรมเนียมการบังคับคดีแตกต่างจากการอายัดทรัพย์สินอย่างใดกรณีไม่เข้าตาราง5ข้อ4ที่คิดค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ1ซึ่งเป็นกรณีมีการถอนอายัดเงินหรือไม่มีการจ่ายเงินที่อายัดแก่เจ้าหนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4447/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของฟ้องอาญา กรณีจำเลยร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาทุจริต ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ชอบแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกันออกเช็ค โดยจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย จำเลยที่ 2 เป็นผู้กรอกรายการในเช็คชำระหนี้ ให้ อ.แล้วอ. นำมาชำระหนี้ให้โจทก์ ทั้งนี้จำเลยทั้งสองร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ดังนี้ เป็นฟ้องที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ต้องรับฟังไว้ดำเนินการต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมสมัครรับเลือกตั้งเป็นละเมิดต่อสิทธิของหน่วยงานจัดการเลือกตั้ง และต้องรับผิดในความเสียหาย
จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นเหตุให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงและโจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตมาแต่ต้น จงใจกระทำผิดกฎหมายละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมสมัครรับเลือกตั้งเป็นละเมิดต่อสิทธิของหน่วยงานจัดการเลือกตั้งและทำให้เกิดความเสียหาย
จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นเหตุให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงและโจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตมาแต่ต้น จงใจกระทำผิดกฎหมายละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมสมัครรับเลือกตั้งเป็นละเมิดต่อเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งและทำให้เกิดความเสียหาย
จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นเหตุให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงและโจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่แสดงว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตมาแต่ต้นจงใจกระทำผิดกฎหมายละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา420และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4150/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อันตรายสาหัสจากการถูกทำร้าย ตาบอดถาวร ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
โจทก์ร่วมถูกตบด้วยแก้วที่ใบหน้าบริเวณเบ้าตาข้างซ้ายแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความประกอบรายงานความเห็นการตรวจชันสูตรบาดแผลว่าโจทก์ร่วมมีเลือดออกในลูกตาซ้ายฉากรับภาพเคลื่อนเป็นเหตุให้ตาข้างซ้ายมองไม่เห็นใช้เวลารักษาประมาณ2เดือนหลังจากรักษาแล้วก็ยังมองไม่เห็นตาข้างซ้ายจะบอดตลอดกาลไม่สามารถผ่าตัดตาข้างซ้ายให้กลับดีได้จะเอาลูกตาคนอื่นเปลี่ยนแทนก็ไม่ได้เพราะเบ้าตาภายในเสียแม้โจทก์ร่วมจะได้รักษาหลังจากเกิดเหตุทันทีก็ไม่อาจแก้ให้ดีได้และได้ความจากโจทก์ร่วมว่าก่อนเกิดเหตุตาทั้งสองข้างมองเห็นได้ชัดเท่ากันขณะเบิกความเห็นรางๆตาข้างซ้ายของโจทก์ร่วมไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเท่าตาข้างขวาดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4150/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นถาวร
โจทก์ร่วมถูกตบด้วยแก้วที่ใบหน้าบริเวณเบ้าตาข้างซ้ายแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความประกอบรายงานความเห็นการตรวจชันสูตรบาดแผลว่าโจทก์ร่วมมีเลือดออกในลูกตาซ้ายฉากรับภาพเคลื่อน เป็นเหตุให้ตาข้างซ้ายมองไม่เห็นใช้เวลารักษาประมาณ 2 เดือน หลังจากรักษาแล้วก็ยังมองไม่เห็นตาข้างซ้ายจะบอดตลอดกาล ไม่สามารถผ่าตัดตาข้างซ้ายให้กลับดีได้ จะเอาลูกตาคนอื่นเปลี่ยนแทนก็ไม่ได้เพราะเบ้าตาภายในเสีย แม้โจทก์ร่วมจะได้รักษาหลังจากเกิดเหตุทันทีก็ไม่อาจแก้ให้ดีได้ และได้ความจากโจทก์ร่วมว่า ก่อนเกิดเหตุตาทั้งสองข้างมองเห็นได้ชัดเท่ากัน ขณะเบิกความเห็นราง ๆ ตาข้างซ้ายของโจทก์ร่วมไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเท่าตาข้างขวา ดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4150/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวร ถือเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์ร่วมถูกตบด้วยแก้วที่ใบหน้าบริเวณเบ้าตาข้างซ้ายแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความประกอบรายงานความเห็นการตรวจชันสูตรบาดแผลว่าโจทก์ร่วมมีเลือดออกในลูกตาซ้าย ฉากรับภาพเคลื่อน เป็นเหตุให้ตาข้างซ้ายมองไม่เห็นใช้เวลารักษาประมาณ 2 เดือน หลังจากรักษาแล้วก็ยังมองไม่เห็นตาข้างซ้ายจะบอดตลอดกาล ไม่สามารถผ่าตัดตาข้างซ้ายให้กลับดีได้ จะเอาลูกตาคนอื่นเปลี่ยนแทนก็ไม่ได้เพราะเบ้าตาภายในเสีย แม้โจทก์ร่วมจะได้รักษาหลังจากเกิดเหตุทันทีก็ไม่อาจแก้ให้ดีได้ และได้ความจากโจทก์ร่วมว่า ก่อนเกิดเหตุตาทั้งสองข้างมองเห็นได้ชัดเท่ากัน ขณะเบิกความเห็นราง ๆ ตาข้างซ้ายของโจทก์ร่วมไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเท่าตาข้างขวา ดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
of 99