คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสียง ตรีวิมล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2504/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้ซื้อจะไม่ทราบวันขายทอดตลาดจากการแจ้งโดยวิธีปกติ
จำเลยที่ 4 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ตามฟ้อง แต่พนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้ไม่ได้ เพราะบ้านเลขที่ดังกล่าวถูกรื้อถอนไปแล้ว ศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้จำเลยที่ 4 กระบวนพิจารณา หลังจากนั้นในการแจ้งวันนัด ตลอดจนการแจ้งการยึดทรัพย์และวันขายทอดตลาด ทำโดยการปิดประกาศที่หน้าศาลถือได้ว่าการส่งหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 4 ไม่สามารถทำได้โดยวิธีธรรมดา จึงต้องส่งโดยวิธีอื่น ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ส่งหนังสือดังกล่าวโดยการปิดประกาศหน้าศาลเป็นการใช้ดุลพินิจสั่งโดยชอบ ถือว่าจำเลยที่ 4 ทราบวันขายทอดตลาดแล้ว
เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทรวม 3 ครั้ง เป็นเวลาเกือบ 5 เดือน ครั้งสุดท้ายมีผู้เข้าสู้ราคา 5 คน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแก่ผู้ให้ราคาสูงสุดเป็นเงิน2,680,000 บาท สูงกว่าราคาประเมิน ที่จำเลยที่ 4 อ้างว่าที่ดินพิพาทมีราคาไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาทก็เป็นเพียงการคาดคะเน เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมาย ถือว่าการขายทอดตลาดชอบแล้ว จำเลยที่ 4 ไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2446/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการบังคับคดี: ไม่จำต้องรอผลคดีอื่น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านโจทก์ชั้นบังคับคดีผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเป็นเจ้าของที่ดินและบ้านที่โจทก์บังคับคดีร่วมกับจำเลย จำเลยได้ปลอมลายมือชื่อ ผู้ร้องนำที่ดินพร้อมบ้านไปขายฝากแก่โจทก์ ผู้ร้องได้ฟ้องโจทก์และกรมที่ดินเป็นจำเลยขอให้เพิกถอน การที่จำเลยขายฝากที่ดินพร้อมบ้านให้แก่โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีนี้ไว้เพื่อรอฟังผลคดีดังกล่าวก่อนเช่นนี้ การที่ศาลชั้นต้นจะรอฟังผลของคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องดังกล่าวหรือไม่ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลชั้นต้น ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายบังคับให้ศาลชั้นต้นจำต้องรอฟังผลของคดีอื่นก่อนแต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจพิพากษาคดีไปโดยไม่ต้องรอฟังผลของคดีดังกล่าวจึงชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทจำเลยได้รับเงินกู้จริงหรือไม่ สัญญาไม่สมบูรณ์ใช้ฟ้องร้องไม่ได้ ศาลไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญากู้เงินและรับเงินกู้ไปจากโจทก์แล้วต่อมาจำเลยได้แย่งชิงสัญญากู้ที่มีลายมือชื่อจำเลยเป็นผู้กู้ไปฉีกทิ้ง จำเลยให้การว่าได้ทำสัญญากู้จริงแต่โจทก์ไม่มีเงินให้กู้จึงฉีกท่อนล่างที่มีชื่อจำเลยและพยานออก ดังนี้ เท่ากับจำเลยรับว่าได้ทำสัญญากู้ตามฟ้องจริงแต่ต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้รับเงินกู้ ประเด็นข้อพิพาท จึงมีเพียงว่า จำเลยได้รับเงินกู้ไปจากโจทก์แล้วหรือไม่เท่านั้นหามีประเด็นเรื่องไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือด้วยไม่ การที่จำเลยฎีกาว่าสัญญากู้เงินที่โจทก์นำมาฟ้องไม่มีลายมือชื่อจำเลยผู้กู้จึงเป็นสัญญาที่ไม่สมบูรณ์ใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่นอกประเด็นและไม่เป็นสาระแก่คดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดสิทธิในที่ดิน: การรอนสิทธิการใช้ทางและแสงสว่าง-ลมของเจ้าของที่ดินข้างเคียง
ถนนทุกสายในหมู่บ้านรวมทั้งถนนซอยที่จำเลยสร้างประตูเหล็กปิดกั้นเป็นถนนที่เจ้าของที่ดินผู้จัดสรรสร้างไว้เพื่อเป็นสาธารณูปโภคแก่เจ้าของที่ดินและบ้านในหมู่บ้านทุกแปลง โจทก์เคยใช้ถนนซอยดังกล่าวเป็นที่กลับรถยนต์มาก่อนที่จำเลยจะสร้างประตูเหล็กปิดกั้น เมื่อถนนซอยนี้ติดกับด้านข้างที่ดินของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ในการกลับรถยนต์ได้ ถนนซอยดังกล่าวจึงมิใช่มีไว้เพียงเพื่อเป็นทางเข้าออกบ้านของจำเลยเท่านั้น การที่จำเลยทำประตูเหล็กปิดกั้นจึงทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้กลับรถยนต์ แม้จำเลยจะอ้างว่าประตูเหล็กไม่ได้ใส่กุญแจ โจทก์สามารถที่จะเปิดประตูกลับรถยนต์ได้แต่การกระทำดังกล่าวไม่เป็นการสะดวก การที่จำเลยทำประตูเหล็กปิดกั้นถนนซอยจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ไม่สะดวกในการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโจทก์โจทก์มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อประตูเหล็กออกไปได้ แม้ลักษณะของอาคารที่จำเลยสร้างจะเป็นการสร้างหลังคาคลุมถนนซอยมีความสูงเหนือกำแพงรั้วด้านข้างของบ้านโจทก์ก็ตาม แต่เป็นการสร้างติดกับรั้วบ้านโจทก์ หลังคาของอาคารเกือบจะติดกับหลังคาบ้านโจทก์ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว แม้จะมีช่องว่างระหว่างรั้วบ้านโจทก์กับหลังคาอาคารเพื่อให้แสงสว่างและลมผ่านไปได้ แต่แสงสว่างและลมก็ไม่สามารถผ่านไปได้ตามปกติเหมือนอย่างเช่นที่ไม่มีหลังคาอาคารการที่จำเลยสร้างอาคารคลุมถนนซอยสาธารณะโดยไม่มีสิทธิที่จะทำได้ปิดบังทางของแสงสว่างและลมที่จะเข้าไปในบ้านของโจทก์ได้ตามปกติย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงได้รับความเสียหายหรืออย่างน้อยก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินกว่าที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นได้ตามปกติ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้รื้ออาคารออกไปจากถนนซอยสาธารณะได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดสิทธิเจ้าของที่ดินจากการกีดขวางการใช้ถนนส่วนกลาง และการก่อสร้างปิดกั้นแสงลม
ถนนทุกสายในหมู่บ้านรวมทั้งถนนซอย ที่จำเลยสร้างประตูเหล็กปิดกั้นเป็นถนนที่เจ้าของที่ดินผู้จัดสรรสร้างไว้เพื่อเป็นที่สาธารณูปโภคแก่เจ้าของที่ดินและบ้านในหมู่บ้านทุกแปลง โจทก์เคยใช้ถนนซอย ดังกล่าวเป็นที่กลับรถยนต์มาก่อนที่จำเลยจะสร้างประตูเหล็กปิดกั้น เมื่อถนนซอย นี้ติดกับด้านข้างที่ดินของโจทก์โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ในการกลับรถยนต์ได้ ถนนซอย ดังกล่าวจึงมิใช่มีไว้เพียงเพื่อเป็นทางเข้าออกบ้านของจำเลยเท่านั้น การที่จำเลยทำประตูเหล็กปิดกั้นจึงทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้กลับรถยนต์ได้ แม้ประตูเหล็กไม่ได้ใส่กุญแจโจทก์สามารถที่จะเปิดประตูกลับรถยนต์ได้ แต่การกระทำดังกล่าวไม่เป็นการสะดวก การที่จำเลยทำประตูเหล็กปิดกั้นถนนซอยจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่สะดวกในการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อประตูเหล็กออกไปได้ แม้ลักษณะของอาคารที่จำเลยสร้างจะเป็นการสร้างหลังคาคลุมถนนซอย มีความสูงเหนือกำแพงรั้วด้านข้างของบ้านโจทก์ก็ตาม แต่เป็นการสร้างติดกับรั้วบ้านโจทก์ หลังคาของอาคารเกือบจะติดกับหลังคาบ้านโจทก์ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวแม้จะมีช่องว่างระหว่างรั้วบ้านโจทก์กับหลังคาอาคารเพื่อให้แสงสว่างและลมผ่านไปได้ แต่แสงสว่างและลมก็ไม่สามารถผ่านไปได้ตามปกติเหมือนอย่างเช่นที่ไม่มีหลังคาอาคาร การที่จำเลยสร้างอาคารคลุมถนนซอย สาธารณะโดยไม่มีสิทธิที่จะทำได้ ปิดบังทางของแสงสว่างและลมที่จะเข้าไปในบ้านของโจทก์ได้ตามปกติย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงได้รับความเสียหายหรืออย่างน้อยก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินกว่าที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นได้ตามปกติ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้รื้ออาคารออกไปจากถนนซอย สาธารณะได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทาง, การละเมิดสิทธิ, การรบกวนการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน, การรื้อถอนสิ่งรุกล้ำ
ถนนทุกสายในหมู่บ้านรวมทั้งถนนซอยที่จำเลยสร้างประตูเหล็กปิดกั้นเป็นถนนที่เจ้าของที่ดินผู้จัดสรรสร้างไว้เพื่อเป็นสาธารณูปโภคแก่เจ้าของที่ดินและบ้านในหมู่บ้านทุกแปลง โจทก์เคยใช้ถนนซอยดังกล่าวเป็นที่กลับรถยนต์มาก่อนที่จำเลยจะสร้างประตูเหล็กปิดกั้น เมื่อถนนซอยนี้ติดกับด้านข้างที่ดินของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ในการกลับรถยนต์ได้ ถนนซอยดังกล่าวจึงมิใช่มีไว้เพียงเพื่อเป็นทางเข้าออกบ้านของจำเลยเท่านั้น การที่จำเลยทำประตูเหล็กปิดกั้นจึงทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้กลับรถยนต์ได้ แม้จำเลยจะอ้างว่าประตูเหล็กไม่ได้ใส่กุญแจ โจทก์สามารถที่จะเปิดประตูกลับรถยนต์ได้แต่การกระทำดังกล่าวไม่เป็นการสะดวก การที่จำเลยทำประตูเหล็กปิดกั้นถนนซอยจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ไม่สะดวกในการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อประตูเหล็กออกไปได้
แม้ลักษณะของอาคารที่จำเลยสร้างจะเป็นการสร้างหลังคาคลุมถนนซอย มีความสูงเหนือกำแพงรั้วด้านข้างของบ้านโจทก์ก็ตาม แต่เป็นการสร้างติดกับรั้วบ้านโจทก์ หลังคาของอาคารเกือบจะติดกับหลังคาบ้านโจทก์ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว แม้จะมีช่องว่างระหว่างรั้วบ้านโจทก์กับหลังคาอาคารเพื่อให้แสงสว่างและลมผ่านไปได้ แต่แสงสว่างและลมก็ไม่สามารถผ่านไปได้ตามปกติเหมือนอย่างเช่นที่ไม่มีหลังคาอาคาร การที่จำเลยสร้างอาคารคลุมถนนซอยสาธารณะโดยไม่มีสิทธิที่จะทำได้ ปิดบังทางของแสงสว่างและลมที่จะเข้าไปในบ้านของโจทก์ได้ตามปกติ ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงได้รับความเสียหายหรืออย่างน้อยก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินกว่าที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นได้ตามปกติ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้รื้ออาคารออกไปจากถนนซอยสาธารณะได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2402/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: ความผิดต่อเนื่องกับการครอบครองไม้หวงห้าม
โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานเข้าไปยึดถือครอบครองแผ้วถาง เผาป่า และโค่นตัดฟันทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยระบุเวลาในการกระทำผิดว่าจำเลยกระทำผิดระหว่างวันที่ 4เมษายน 2532 ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2532 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน แต่มิได้ระบุว่ากระทำผิดฐานใด ในวันเวลาใดให้ชัดแจ้ง จึงถือได้ว่าจำเลยกระทำความผิดในคราวเดียวกัน เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ส่วนความผิดฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดแยกต่างหากจากความผิดฐานยึดถือครอบครองแผ้วถาง เผาป่าและโค่นตัดฟันทำไม้ในป่าสงวนแห่งชาติ ถือได้ว่าเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนเวนคืน แม้ พ.ร.บ.เวนคืนไม่ได้ระบุพื้นที่ แต่มี พ.ร.ก.กำหนดเขตเวนคืน และโจทก์เห็นว่าค่าทดแทนไม่เป็นธรรม
ที่ดินโจทก์ซึ่งตัวแทนจำเลยทำการสร้างถนนผ่านอยู่ในแนวเขตที่จะถูกเวนคืนโดยอยู่ในท้องที่แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวากรุงเทพมหานคร แม้พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษกในท้องที่แขวงวัดท่าพระฯจะไม่ได้กำหนดรวมเอาท้องที่ดังกล่าวไว้ด้วยก็ตาม แต่ก็มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนซึ่งออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ระบุท้องที่เขตยานนาวาไว้ด้วยแล้ว หาใช่ว่าที่ดินของโจทก์จะไม่ได้ถูกเวนคืนตามกฎหมายฉบับอื่นด้วยไม่ เมื่อโจทก์เห็นว่าค่าทดแทนที่จำเลยกำหนดยังไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมตามส่วนที่ควรจะได้รับ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนที่ดินในส่วนนี้เพิ่มจากจำเลยได้ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดิน: สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนเพิ่มเติม แม้ไม่อยู่ในเขตเวนคืนตาม พ.ร.บ.เฉพาะ แต่ถูกเวนคืนตามกฎหมายอื่น
ที่ดินโจทก์ซึ่งตัวแทนจำเลยทำการสร้างถนนผ่านอยู่ในแนวเขตที่จะถูกเวนคืนโดยอยู่ในท้องที่แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร แม้พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษกในท้องที่แขวงวัดท่าพระ ฯ จะไม่ได้กำหนดรวมเอาท้องที่ดังกล่าวไว้ด้วยก็ตาม แต่ก็มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนซึ่งออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ระบุท้องที่เขตยานนาวาไว้ด้วยแล้ว หาใช่ว่าที่ดินของโจทก์จะไม่ได้ถูกเวนคืนตามกฎหมายฉบับอื่นด้วยไม่ เมื่อโจทก์เห็นว่าค่าทดแทนที่จำเลยกำหนดยังไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมตามส่วนที่ควรจะได้รับ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนที่ดินในส่วนนี้เพิ่มจากจำเลยได้ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคิดดอกเบี้ยค่าทดแทนเวนคืนที่ดินตามประกาศคณะปฏิวัติ โดยเริ่มนับจากวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ
การคิดคำนวณดอกเบี้ยของค่าทดแทนจากการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ให้นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงใช้บังคับเป็นต้นไปตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67 วรรคสอง.
of 80