คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสียง ตรีวิมล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5701/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 196: การคิดคำนวณหนี้เงินตราต่างประเทศ
ข้อกฎหมายเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 196 วรรคสอง เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 196 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่าการเปลี่ยนเงินให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ สถานที่และในเวลาที่ใช้เงิน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตามมาตรานี้ ย่อมต้องหมายถึงอัตราที่จะแลกเปลี่ยนกันได้โดยเสรี ซึ่งตามปกติจะคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ที่ทำการขายเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราของประเทศในกรุงเทพมหานครเป็นเกณฑ์ และเพื่อความสะดวกแก่การบังคับคดี จึงให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนโดยธนาคารพาณิชย์ในวันที่มีคำพิพากษาของศาลฎีกา ถ้าไม่มีอัตราการขายในวันนั้นให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราการขายเช่นว่านั้นก่อนวันพิพากษา การที่โจทก์ขอใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศขณะยื่นฟ้องเป็นเกณฑ์คำนวณในการมีคำขอท้ายฟ้อง และโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกาคัดค้านเงินเหรียญสหรัฐ ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยคิดเป็นเงินไทย โจทก์จึงไม่อาจรับชำระหนี้จากจำเลยเกินกว่าจำนวนเงินไทยดังกล่าวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5701/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การคิดคำนวณหนี้ที่จำหน่ายเป็นเงินตราต่างประเทศ
ข้อกฎหมายเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 196 วรรคสอง เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 196 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า การเปลี่ยนเงินให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ สถานที่และในเวลาที่ใช้เงิน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตามมาตรานี้ ย่อมต้องหมายถึงอัตราที่จะแลกเปลี่ยนกันได้โดยเสรี ซึ่งตามปกติจะคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ที่ทำการขายเงินตราต่างประเทศเป็น เงินตราของประเทศในกรุงเทพมหานครเป็นเกณฑ์ และเพื่อความสะดวกแก่การบังคับคดี จึงให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนโดยธนาคารพาณิชย์ในวันที่มีคำพิพากษาของศาลฎีกา ถ้าไม่มีอัตราการขายในวันนั้นให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราการขายเช่นว่านั้นก่อนวันพิพากษา
การที่โจทก์ขอใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศขณะยื่นฟ้องเป็นเกณฑ์คำนวณในการมีคำขอท้ายฟ้อง และโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกาคัดค้านเงินเหรียญสหรัฐ ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยคิดเป็นเงินไทย โจทก์จึงไม่อาจรับชำระหนี้จากจำเลยเกินกว่าจำนวนเงินไทยดังกล่าวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5699/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คเพื่อประกันหนี้เงินกู้ ไม่ถือเป็นเจตนาฉ้อโกงตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยกู้เงินจากผู้เสียหายโดยออกเช็คล่วงหน้าให้ผู้เสียหายไว้ หากจำเลยนำเงินไปชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายก็จะคืนเช็คแก่จำเลย ถ้าจำเลยไม่นำเงินไปชำระหนี้ผู้เสียหายจึงจะนำเช็คไปเรียกเก็บเงินทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่สามารถที่จะเรียกเก็บเงินตามเช็คได้ ดังนี้ เป็นการออกเช็คเพื่อเป็นประกันในการชำระหนี้เงินกู้ไม่ใช่เป็นการชำระหนี้ แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5699/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คเพื่อประกันหนี้ ไม่ใช่ชำระหนี้ ไม่เป็นความผิด พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยกู้เงินจากผู้เสียหายโดยออกเช็คล่วงหน้าให้ผู้เสียหายไว้ หากจำเลยนำเงินไปชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายก็จะคืนเช็คแก่จำเลย ถ้าจำเลยไม่นำเงินไปชำระหนี้ผู้เสียหายจึงจะนำเช็คไปเรียกเก็บเงินทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่สามารถที่จะเรียกเก็บเงินตามเช็คได้ ดังนี้ เป็นการออกเช็คเพื่อเป็นประกันในการชำระหนี้เงินกู้ไม่ใช่เป็นการชำระหนี้ แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5646/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าบริการโทรศัพท์: สิทธิเรียกร้องของผู้ให้บริการโทรคมนาคมมีอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7)
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เนื่องจากสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าใช้บริการโทรศัพท์ตามฟ้องเริ่มวันที่ 1 เมษายน2526 โจทก์ฟ้องเกินกำหนดไม่อาจบังคับจำเลยได้ คำให้การดังกล่าวได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความแล้ว ผู้ใช้บริการวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศของโจทก์ โดยเครื่องโทรศัพท์ที่เช่าจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์ จะต้องเสียค่าบริการตามอัตราที่โจทก์กำหนดไว้ ค่าบริการดังกล่าวก็คือสินจ้างนั่นเอง ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ เมื่อโจทก์เรียกเอาสินจ้างอันพึงจะได้รับในการนั้นจากจำเลย สิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5646/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสิทธิเรียกร้องค่าบริการโทรศัพท์: การพิจารณาประเภทของโจทก์และลักษณะของสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เนื่องจากสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าใช้บริการโทรศัพท์ตามฟ้องเริ่มวันที่ 1 เมษายน2526 โจทก์ฟ้องเกินกำหนดไม่อาจบังคับจำเลยได้ คำให้การดังกล่าวได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความแล้ว
ผู้ใช้บริการวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศของโจทก์ โดยเครื่องโทรศัพท์ที่เช่าจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์ จะต้องเสียค่าบริการตามอัตราที่โจทก์กำหนดไว้ ค่าบริการดังกล่าวก็คือสินจ้างนั่นเอง ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ เมื่อโจทก์เรียกเอาสินจ้างอันพึงจะได้รับในการนั้นจากจำเลย สิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5526/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเสียอายุความโดยการชำระหนี้บางส่วนมีผลถึงหุ้นส่วนผู้จัดการและผู้จัดการมรดก
การที่ ส. ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการประเภทต้องร่วมรับผิดโดยไม่จำกัดจำนวนของจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้บางส่วนให้โจทก์ภายหลังจากที่หนี้ขาดอายุความแล้วแทนจำเลยที่ 1 อันเป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ย่อมมีผลถึง ส. ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการที่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในหนี้นั้นด้วย ส. จึงไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้เพื่อให้ตนพ้นความรับผิดได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ถูกฟ้องให้รับผิดในหนี้ดังกล่าวในฐานะที่เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. จำเลยที่ 2 จึงยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้กรณีถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลภายนอกตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192 บัญญัติไว้
การละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ เพียงแต่แสดงเจตนาให้เห็นว่าเป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความเท่านั้นก็เป็นการเพียงพอแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5526/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเสียอายุความและการรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการและผู้จัดการมรดกในหนี้ของห้างหุ้นส่วน
การที่ ส. ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการประเภทต้องร่วมรับผิดโดยไม่จำกัดจำนวนของจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้บางส่วนให้โจทก์ภายหลังจากที่หนี้ขาดอายุความแล้วแทนจำเลยที่ 1 อันเป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ย่อมมีผลถึง ส. ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการที่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในหนี้นั้นด้วย ส. จึงไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้เพื่อให้ตนพ้นความรับผิดได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ถูกฟ้องให้รับผิดในหนี้ดังกล่าวในฐานะที่เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. จำเลยที่ 2 จึงยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้กรณีถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลภายนอกตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192 บัญญัติไว้ การละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ เพียงแต่แสดงเจตนาให้เห็นว่าเป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความเท่านั้นก็เป็นการเพียงพอแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5495/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอริบของกลาง: ผลจากการยกฟ้อง และการไม่โต้แย้งในชั้นอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้ริบของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษา ยกฟ้องซึ่งมีผลเท่ากับได้วินิจฉัยให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้ ริบของกลางด้วยแล้ว ไม่จำต้องระบุด้วยว่า ของกลางไม่ริบ และเมื่อ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว โจทก์ก็ไม่ได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้น อุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์โดยมิได้วินิจฉัย เรื่องของกลางในคดีนั้นชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5495/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการยกฟ้องคดีอาญาต่อคำขอริบของกลาง และการไม่โต้แย้งคำพิพากษาชั้นต้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้ริบของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องซึ่งมีผลเท่ากับได้วินิจฉัยให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้ริบของกลางด้วยแล้ว ไม่จำต้องระบุด้วยว่า ของกลางไม่ริบ และเมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว โจทก์ก็ไม่ได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์โดยมิได้วินิจฉัยเรื่องของกลางในคดีนั้นชอบแล้ว.
of 80