พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5327/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกเฉยต่อคำสั่งศาลให้วางเงินประกันความเสียหาย และผลกระทบต่อการจำหน่ายคดี
ชั้นร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องนำเงินมาวางศาลเพื่อประกันค่าเสียหายภายในเวลาที่กำหนด เมื่อถึงกำหนด ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขยายเวลาการวางเงินประกันดังกล่าว และไม่นำเงินมาวางศาลตามคำสั่ง เช่นนี้การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องขยายระยะเวลาการวางเงินเพื่อประกันความเสียหายตามคำขอยกคำร้อง และสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องออกจากสารบบความโดยเห็นว่าผู้ร้องเพิกเฉยไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลที่สั่งให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อประกันความเสียหายภายในกำหนดเวลาที่ศาลสั่งนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) แล้ว ศาลชั้นต้นไม่จำต้องรอไว้สั่งเมื่อสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์คำสั่งที่สั่งยกคำร้องขอให้ขยายระยะเวลาการวางเงินเสียก่อนเพราะไม่มีกฎหมายบทใดบัญญัติห้ามไว้ ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดี แต่กลับอุทธรณ์ขอขยายระยะเวลาการวางเงินเพื่อประกันความเสียหาย ดังนั้นการที่จะสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้หรือไม่ย่อมไม่มีผลแต่อย่างใดเนื่องจากศาลสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องไปแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5257/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาก่อสร้าง: ขอบเขตความรับผิดชอบความชำรุดบกพร่องหลัง 1 ปี และการบังคับใช้มาตรา 600
สัญญาก่อสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กบนพื้นดินระบุไว้ว่าถ้างานที่จ้างเกิดการชำรุดบกพร่องเสียหายขึ้นหลังจากระยะเวลา1 ปี ผู้รับจ้างต้องรับผิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ด้วย หมายความว่าแม้จะเลยกำหนดระยะเวลา1 ปีแล้ว หากมีความชำรุดบกพร่องเกิดขึ้นภายในกำหนด 5 ปี นับแต่วันส่งมอบงานที่จ้าง ผู้รับจ้างก็ยังต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องอันเกิดกับงานที่จ้างนั้นตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 600 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5257/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับจ้างกรณีอาคารชำรุดหลังหมดอายุความรับประกัน และขอบเขตการรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่ง
สัญญาก่อสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กบนพื้นดินระบุไว้ว่าถ้างานที่จ้างเกิดการชำรุดบกพร่องเสียหายขึ้นหลังจากระยะเวลา1 ปี ผู้รับจ้างต้องรับผิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ด้วย หมายความว่าแม้จะเลยกำหนดระยะเวลา1 ปีแล้ว หากมีความชำรุดบกพร่องเกิดขึ้นภายในกำหนด 5 ปี นับแต่วันส่งมอบงานที่จ้าง ผู้รับจ้างก็ยังต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องอันเกิดกับงานที่จ้างนั้นตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 600 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5192/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันเก็บหาน้ำมันยางในเขตป่าสงวน แม้เป็นเพียงผู้รับจ้างขนน้ำมันยางก็ถือว่ามีความผิด
จำเลยเป็นเพียงผู้รับจ้างขนน้ำมันยางของกลาง แต่เจ้าพนักงานตรวจพบและจับจำเลยได้ขณะทำการขนน้ำมันยางในบริเวณที่อยู่ติดกับบริเวณที่มีการเจาะและใช้ไฟสุมเผาต้นยางเพื่อทำน้ำมันยาง ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการร่วมเก็บหาน้ำมันยางซึ่งเป็นของป่าหวงห้ามในป่าที่เกิดเหตุโดยไม่ได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5174/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจูงใจเจ้าพนักงานศาลเพื่อช่วยเหลือคดี ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 หากเจ้าพนักงานนั้นไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาคดี
จ.สามี ล.ที่จำเลยที่ 2 พา น.ไปติดต่อเพื่อจะขอให้ช่วยวิ่งเต้นให้ น.ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ จ.จึงไม่ใช่เจ้าพนักงานที่ ล.หรือจำเลยคนหนึ่งคนใดจะพึงจูงใจให้กระทำการ หรือไม่กระทำการในหน้าที่โดยพิพากษาคดีในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใดอันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5174/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจูงใจเจ้าพนักงานที่ไม่ใช่ผู้พิพากษาในศาลอุทธรณ์ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143
จ.สามีล.ที่จำเลยที่ 2 พาน.ไปติดต่อเพื่อจะขอให้ช่วยวิ่งเต้นให้ น.ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้เป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ จ.จึงไม่ใช่เจ้าพนักงานที่ ล.หรือจำเลยคนหนึ่งคนใดจะพึงจูงใจให้กระทำการ หรือไม่กระทำการในหน้าที่โดยพิพากษาคดีในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใดอันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5072/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทรัพย์เพื่อชำระหนี้ไม่เข้าข่ายโกงเจ้าหนี้ หากทรัพย์ที่ยึดมีมูลค่าสูงกว่าหนี้
โค 5 ตัวที่โจทก์นำยึดมาเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์นั้นมีราคามากกว่าหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 จะขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 เพื่อชำระหนี้จำนอง จึงไม่เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมด หรือเพียงบางส่วนแต่อย่างใด จำเลยที่ 1จึงไม่ได้กระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5072/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ชำระหนี้และการโกงเจ้าหนี้: ราคาทรัพย์สินเพียงพอชำระหนี้ ไม่ถือเป็นความผิด
เมื่อโคที่โจทก์นำยึดมีราคามากกว่าหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษา แม้น้องของจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลฟังว่าโคที่ถูกยึดเป็นของน้องของจำเลยที่ 1 โคจึงเป็นของจำเลยที่ 1 อยู่ และมีราคาพอที่จะชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา ดังนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ไม่ว่าจะเป็นราคาเท่าไรก็ตาม ก็ไม่เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 ไม่ผิดฐานโกงเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5072/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ชำระหนี้และการโกงเจ้าหนี้: โคมีมูลค่าเกินหนี้ ไม่ถือเป็นการโกง
เมื่อโคที่โจทก์นำยึดมีราคามากกว่าหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษา แม้น้องของจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลฟังว่าโคที่ถูกยึดเป็นของน้องของจำเลยที่ 1 โคจึงเป็นของจำเลยที่ 1 อยู่ และมีราคาพอที่จะชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา ดังนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ไม่ว่าจะเป็นราคาเท่าไรก็ตาม ก็ไม่เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 ไม่ผิดฐานโกงเจ้าหนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5066/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อและการขอคืนรถหลังจำเลยกระทำผิด ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิขอคืนได้หากไม่มีเจตนาช่วยเหลือจำเลย
เมื่อรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องให้จำเลยเช่าซื้อไปโดยจำเลยไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาจนผู้ร้องบอกเลิกสัญญาแล้วนั้นเมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าผู้ร้องมาขอรถจักรยานยนต์คืนเพื่อประโยชน์ของจำเลยแล้ว แม้สัญญาเช่าซื้อมีข้อความระบุว่า หากทรัพย์ที่เช่าซื้อถูกริบ ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระเงินที่เหลือจนครบก็ตาม ก็เป็นเงื่อนไขในสัญญาระบุเกี่ยวกับความรับผิดที่ผู้เช่าซื้อมีต่อผู้ให้เช่าซื้อเท่านั้น อันเป็นเงื่อนไขที่กำหนดกันไว้ได้ตามกฎหมายเช่นเงื่อนไขที่ให้สิทธิแก่ผู้ให้เช่าซื้อ ซึ่งผู้ให้เช่าซื้อจะใช้หรือไม่ก็ได้ การที่ผู้ให้เช่าซื้อไม่ใช้สิทธิดังกล่าว แต่มาขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนนั้น หาถือว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลยอันเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตไม่.