พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2382/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณะ การใช้ประโยชน์ทางสาธารณะ และอำนาจฟ้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยตัดซอยพิพาทขึ้นมาเพื่อทำการจัดสรรที่ดินและสร้างอาคารพาณิชย์ออกขาย โจทก์เชื่อตามคำประกาศโฆษณาของจำเลยว่าซอยพิพาทเป็นทางสาธารณะจึงซื้อที่ดินและอาคารพาณิชย์ที่จำเลยจัดสรร ทั้งจำเลยได้ยอมให้โจทก์กับผู้ซื้อรายอื่น ๆ ตลอดจนผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นใช้ซอยพิพาทโดยปรกติสุขมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ซอยพิพาทจึงเป็นทั้งทางสาธารณะและทางภารจำยอม นอกจากซอยพิพาทแล้ว โจทก์ไม่มีทางอื่นใดจะอาศัยเป็นทางออกสู่ทางสาธารณะได้อีก ซอยพิพาทจึงเป็นทางจำเป็นอีกด้วย ดังนี้คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ให้เป็นที่เข้าใจโดยชัดแจ้งแล้วในการต่อสู้คดี จำเลยก็ยกเหตุแห่งการปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ได้ถูกต้องทั้งสามข้อหา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสวนหย่อมและซุ้มอาคารขายอาหาร เพราะจำเลยไม่ได้เป็นผู้ปลูกสร้าง แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ให้ชัดแจ้งในคำให้การและมิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นจึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาเลื่อนคดีต้องพิจารณาเหตุจำเป็น ไม่ใช่การยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลต้องอนุญาตเลื่อนหากมีเหตุผลสมควร
การพิจารณาในเรื่องการเลื่อนคดีเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 คือ พิเคราะห์ว่า มีเหตุจำเป็นหรือไม่ ส่วนการที่คู่ความที่ขอเลื่อนคดีจะยื่นบัญชีระบุพยานไว้หรือไม่ มิใช่เหตุที่จะนำมาพิจารณา ดังนั้น เมื่อทนายจำเลยขอเลื่อนคดีในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกโดยอ้างว่าต้องเดินทางไปงานเผาศพป้าซึ่งอยู่คนละจังหวัด ถ้าจะมาว่าความเสียก่อนก็จะไปไม่ทันงาน โจทก์มิได้คัดค้านว่าข้ออ้างของทนายจำเลยไม่เป็นความจริง กรณีจึงนับว่ามีเหตุจำเป็นสมควรอนุญาตให้เลื่อนคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดี: เหตุจำเป็นสมควรและผลต่อการอนุญาต
การพิจารณาในเรื่องการเลื่อนคดีเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 คือ พิเคราะห์ว่ามีเหตุจำเป็นหรือไม่ ส่วนการที่คู่ความที่ขอเลื่อนคดีจะยื่นบัญชีระบุพยานไว้หรือไม่ มิใช่เหตุที่จะนำมาพิจารณา ดังนั้น เมื่อทนายจำเลยขอเลื่อนคดีในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกโดยอ้างว่าต้องเดินทางไปงานเผาศพป้าซึ่งอยู่คนละจังหวัด ถ้าจะมาว่าความเสียก่อนก็จะไปไม่ทันงาน โจทก์มิได้คัดค้านว่าข้ออ้างของทนายจำเลยไม่เป็นความจริง กรณีจึงนับว่ามีเหตุจำเป็นสมควรอนุญาตให้เลื่อนคดีได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดี: เหตุจำเป็นต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่ใช่การยื่นบัญชีระบุพยาน
การพิจารณาให้เลื่อนคดีต้องพิเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ว่ามีเหตุจำเป็นหรือไม่ส่วนการที่คู่ความที่ขอเลื่อนคดีจะยื่นบัญชีระบุพยานไว้หรือไม่มิใช่เหตุที่จะนำมาพิจารณา ดังนั้น เมื่อทนายจำเลยขอเลื่อนคดีในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกโดยอ้างเหตุว่าต้องเดินทางไปงานเผาศพป้าซึ่งอยู่คนละจังหวัดหากจะมาว่าความก่อนก็จะไปไม่ทันงาน โจทก์คัดค้าประการเดียวว่าจำเลยประวิงคดี มิได้คัดค้านว่าข้ออ้างของทนายจำเลยไม่เป็นความจริงกรณีนับว่ามีเหตุสมควรอนุญาตให้เลื่อนคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2340/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความในคดีละเมิดของนิติบุคคล: การทราบการละเมิดต้องผ่านผู้มีอำนาจทำการแทน
โจทก์เป็นนิติบุคคล ระหว่างเกิดเหตุมี ม. เป็นอธิบดี ม.จึงเป็นผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์แต่เพียงผู้เดียว การที่เจ้าหน้าที่ระดับล่างของโจทก์รู้ถึง การละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จะถือ ว่าโจทก์ทราบไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่ใช่ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ เมื่ออธิบดีกรมทางหลวงรู้ถึง การละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้อง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2527 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19 กันยายน2527 ฟ้องของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2340/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดี: การรู้ถึงการละเมิดของนิติบุคคล ต้องพิจารณาที่ผู้มีอำนาจทำการแทน
โจทก์เป็นนิติบุคคล ระหว่างเกิดเหตุมี ม.เป็นอธิบดี ม.จึงเป็นผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์แต่เพียงผู้เดียว การที่เจ้าหน้าที่ระดับล่างของโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จะถือว่าโจทก์ทราบไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่ใช่ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ เมื่อ ม. อธิบดีกรมทางหลวงรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2527 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2527ฟ้องของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2340/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีละเมิดของนิติบุคคล: การรู้เห็นของเจ้าหน้าที่ระดับล่าง vs. ผู้มีอำนาจทำการแทน
โจทก์เป็นนิติบุคคล มีอธิบดีเป็นผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์แต่ เพียงผู้เดียว การที่เจ้าหน้าที่ระดับล่างของโจทก์รู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้อง ใช้ ค่าสินไหมทดแทนจะถือ ว่าโจทก์ทราบด้วย ไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่ใช่ ผู้มีอำนาจแทนโจทก์ ดังนั้น เมื่ออธิบดีรู้ถึง การละเมิดและรู้ตัว ผู้จะพึงต้อง ใช้ ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2527 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2527 ดังนี้ ฟ้องโจทก์ ไม่ ขาดอายุความ1 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 448.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2340/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีละเมิดของนิติบุคคล: การรู้เห็นของเจ้าหน้าที่ระดับล่างไม่ถือเป็นการรู้ของนิติบุคคล
โจทก์เป็นนิติบุคคล ระหว่างเกิดเหตุมี ม. เป็นอธิบดี ม.จึงเป็นผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์แต่เพียงผู้เดียว การที่เจ้าหน้าที่ระดับล่างของโจทก์รู้ถึง การละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จะถือว่าโจทก์ทราบไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่ใช่ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ เมื่ออธิบดีกรมทางหลวงรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้อง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2527 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19 กันยายน2527 ฟ้องของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2316/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมาย แม้ไม่อนุญาตให้สู้ราคาเพิ่ม หากมีคำสั่งอนุมัติจากอธิบดีกรมบังคับคดี
ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2522 ข้อ 83 มีข้อความว่า "ตามปกติ"แสดงว่าระเบียบนี้มิได้บังคับตายตัว อาจจะตกลงหรือมีคำสั่งอันเป็นที่รับรู้กันแล้วปฏิบัตินอกเหนือไปได้ และได้มีคำสั่งของอธิบดีกรมบังคับคดีตั้งแต่ พ.ศ. 2530 ว่า ในการขายทอดตลาดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนับหนึ่งถึงสอง แล้วนำเสนอรองอธิบดีกรมบังคับคดีเพื่อมีคำสั่งอนุมัติให้ขายตามราคาที่มีผู้ประมูลสูงสุดหรือไม่ เมื่อมีคำสั่งประการใดให้ถือว่าเป็นเด็ดขาด ในกรณีรองอธิบดีกรมบังคับคดีมีคำสั่งอนุมัติให้ขายเจ้าพนักงานบังคับคดีจะนับสามและเคาะไม้โดยไม่เปิดโอกาสให้มีการสู้ราคากันอีก ทั้งก่อนที่จะขายทอดตลาดที่ดินรายพิพาทเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งให้ผู้ประมูลซื้อที่ดินรวมทั้งโจทก์และผู้คัดค้านทราบคำสั่งของอธิบดีกรมบังคับคดีเกี่ยวกับการขายทอดตลาดแล้ว คำสั่งของอธิบดีกรมบังคับคดีดังกล่าวจึงเป็นคำโฆษณาบอกขายหรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งผู้ขายทอดตลาดได้แถลงก่อนเผดิมการขายทรัพย์เฉพาะรายตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 510 ผู้ซื้อในการขายทอดตลาดย่อมต้องทำตามคำสั่งดังกล่าวด้วย การขายทอดตลาดที่ดินรายพิพาทจึงชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2316/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดและการปฏิบัติตามคำสั่งอธิบดีกรมบังคับคดี ถือเป็นการขายที่ชอบด้วยกฎหมาย
ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2522 ข้อ 83มีข้อความว่า "ตามปกติ" แสดงว่าระเบียบนี้มิได้บังคับตายตัวอาจจะตกลงหรือมีคำสั่งอันเป็นที่รับรู้กันแล้วปฏิบัตินอกเหนือไปได้และได้มีคำสั่งของอธิบดีกรมบังคับคดีตั้งแต่ พ.ศ. 2530 ว่า ในการขายทอดตลาดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนับหนึ่งถึงสอง แล้วนำเสนอรองอธิบดีเพื่อมีคำสั่งอนุมัติให้ขายตามราคาที่มีผู้ประมูลสูงสุดหรือไม่ เมื่อมีคำสั่งประการใดให้ถือว่าเป็นเด็ดขาด ในกรณีรองอธิบดีกรมบังคับคดีมีคำสั่งอนุมัติให้ขาย เจ้าพนักงานบังคับคดีจะนับสามและเคาะไม้โดยไม่เปิดโอกาสให้มีการสู้ราคากันอีกทั้งก่อนที่จะขายทอดตลาดที่ดินรายพิพาท เจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งให้ผู้ประมูลซื้อที่ดินรวมทั้งโจทก์และผู้คัดค้านทราบคำสั่งของอธิบดีกรมบังคับคดีเกี่ยวกับการขายทอดตลาดแล้ว คำสั่งของอธิบดีกรมบังคับคดีดังกล่าวจึงเป็นคำโฆษณาบอกขายหรือข้อความอื่น ๆซึ่งผู้ขายทอดตลาดได้แถลงก่อนเผดิมการขายทรัพย์เฉพาะรายตามนัยแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 510 ผู้ซื้อในการขายทอดตลาดย่อมต้องทำตามคำสั่งดังกล่าวด้วย.