คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสียง ตรีวิมล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2175/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพชั้นจับกุมไม่เพียงพอพิสูจน์การครอบครองของกลาง
ไม้สักของกลางจะเป็นของจำเลยจริงหรือไม่ โจทก์ไม่มีพยานมาสืบสนับสนุน ลำพังแต่ เฉพาะ คำรับสารภาพของจำเลยในขั้นจับกุมเท่านั้นยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่าจำเลยมีไม้สักของกลางไว้ในครอบครอง คำรับสารภาพของจำเลยดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย ดังนี้ คดีไม่พอที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความครบถ้วนของฟ้องคดีบุกรุก: รายละเอียดที่ดินไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ บุกรุกเข้าไปทำนาในที่ดินโจทก์ซึ่ง มีเนื้อที่ 33 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา โดย ระบุข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาท และมีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องและขนย้ายรื้อถอนสิ่งของสิ่งปลูกสร้างออกไป เป็นการบรรยายฟ้องครบถ้วนตาม ที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ส่วนที่ดินของโจทก์อยู่ส่วนไหน อาณาเขตกว้างยาวเพียงใด จดที่ดินของใคร จำเลยทั้งสามบุกรุกที่ดินของโจทก์อย่างไรและเนื้อที่เท่าใด เป็นรายละเอียดที่นำสืบได้ ในชั้นพิจารณาไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีบุกรุก: รายละเอียดที่ดินในฟ้องไม่จำเป็นต้องครบถ้วน
โจทก์บรรยายฟ้องระบุสภาพแห่งข้อหาว่าจำเลยทั้งสามได้บุกรุก เข้าไปทำนาในที่ดินของโจทก์ ซึ่ง มีเนื้อที่ 33 ไร่ 3 งาน90 ตารางวา โดย ระบุข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาทและมีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องและขนย้ายรื้อถอน สิ่งของสิ่งปลูกสร้างออกไป ดังนี้ เป็นการบรรยายฟ้องไว้โดยครบถ้วนตาม ที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ส่วนที่ดินของโจทก์อยู่ส่วนไหนอาณาเขตกว้างยาวเพียงใด จดที่ดินใคร จำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์อย่างไร และเนื้อที่เท่าใด เป็นรายละเอียดที่นำสืบได้ ในชั้น พิจารณาไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีบุกรุก: รายละเอียดที่ดินไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง หากนำสืบได้ในชั้นพิจารณา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ บุกรุกเข้าไปทำนาในที่ดินโจทก์ซึ่ง มีเนื้อที่ 33 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา โดยระบุข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาท และมีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องและขนย้ายรื้อถอนสิ่งของสิ่งปลูกสร้างออกไป เป็นการบรรยายฟ้องครบถ้วนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ส่วนที่ดินของโจทก์อยู่ส่วนไหน อาณาเขตกว้างยาวเพียงใด จดที่ดินของใคร จำเลยทั้งสามบุกรุกที่ดินของโจทก์อย่างไรและเนื้อที่เท่าใด เป็นรายละเอียดที่นำสืบได้ในชั้นพิจารณาไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงประชาชนเพื่อประโยชน์ทางการเงินถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลยทำการหลอกลวงประชาชนโดยวิธีประกาศโฆษณา ณ ที่หน้าที่ทำการของจำเลย และโดยทางหนังสือพิมพ์หลายครั้ง ทั้งมีผู้เสียหายหลายคนมาสมัครไปทำงานในต่างประเทศกับจำเลยตามที่จำเลยหลอกลวงคนละวันคนละเวลากันและจ่ายเงินให้แก่จำเลยไปคนละวันคนละเวลากัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงประชาชนเพื่อประโยชน์ในการทำงานต่างประเทศถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลยทำการหลอกลวงประชาชนโดย วิธี ประกาศโฆษณา ณที่หน้าที่ทำการของจำเลย และโดย ทางหนังสือพิมพ์ หลายครั้ง ทั้งมีผู้เสียหายหลายคนมาสมัครไปทำงานในต่างประเทศ กับจำเลยตาม ที่จำเลยหลอกลวงคนละวันคนละเวลากันและจ่ายเงินให้แก่จำเลยไปคนละวันคนละเวลากัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชนหลายกรรมต่างกัน จำเลยต้องรับโทษตามจำนวนกรรมที่กระทำ
จำเลยหลอกลวงประชาชนโดย วิธีประกาศโฆษณา ณ ที่หน้าที่ทำการของจำเลยและโดย ทางหนังสือพิมพ์หลายครั้ง มีผู้เสียหายหลายคน มาสมัคร ไปทำงานในต่างประเทศกับจำเลยตาม ที่จำเลยหลอกลวงคนละวันคนละ เวลากัน และจ่ายเงินให้แก่จำเลยไปคนละวันคนละเวลากันการ กระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชนหลายกรรมต่างกัน หาใช่จำเลยมีเจตนามุ่งกระทำต่อ ประชาชนเพียงครั้งเดียว และเป็นความผิดเพียงกรรมเดียวไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายวงแชร์ต้องรับผิดชอบหนี้ค่าแชร์เมื่อวงล้มเลิก แม้จะไม่ได้ประมูลเอง
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า โจทก์กับจำเลยและผู้อื่นร่วมกันเล่นแชร์โดย จำเลยเป็นนายวงมีหน้าที่รับผิดชอบในการเล่นแชร์ ต่อมาวงแชร์ล้มเลิก โจทก์ยังได้ รับเงินค่าแชร์ขาดอยู่เป็นจำนวนเท่าใด ขอให้บังคับจำเลยในฐานะ นายวงแชร์ ชดใช้ส่วนที่ยังขาดอยู่ให้แก่โจทก์คำฟ้องดังกล่าวได้ แสดงโดย แจ้งชัดซึ่ง สภาพ แห่ง ข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วส่วนใครร่วมเล่นแชร์ บ้าง มีใครประมูลได้ เมื่อไร จำนวนเงินเท่าไรประมูลกี่ครั้งและโจทก์ได้ ชำระเงินค่าแชร์แก่จำเลยกี่ครั้ง ชำระที่ไหน เมื่อใด นั้นเป็นรายละเอียดที่โจทก์ชอบจะนำสืบในชั้น พิจารณาหาจำต้องกล่าวมาในฟ้องไม่ ดังนั้นฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม จำเลยเป็นนายวงแชร์ มีหน้าที่ต้อง รับผิดชอบในการเล่นแชร์ต่อ ลูกวงแชร์ตาม ที่ตกลง กัน เมื่อวงแชร์ ล้ม เลิก จำเลยไม่ สามารถเรียกเก็บเงินจากลูกวงแชร์ได้ จำเลยกับลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์แล้วได้ ออกเช็ค เป็นประกันการชำระหนี้ค่าแชร์แก่โจทก์ซึ่ง ยังมิได้ประมูลแชร์ แต่ โจทก์รับเงินตาม เช็ค ไม่ได้ ดังนี้ จำเลยต้อง รับผิดใช้ เงินตาม จำนวนที่ลูกวงแชร์จะต้อง รับผิดต่อ โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุประเด็นสำคัญของคดีก่อน และความเกี่ยวข้องของการกระทำผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จต่อศาลในคดีอาญาที่ พ.เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันทำเหมืองแร่โดยไม่ได้รับประทานบัตรชั่วคราวหรือประทานบัตร โดยบรรยายรายละเอียดข้อความทั้งสิ้นที่จำเลยเบิกความ กับความจริงที่ตรงกันข้ามกับคำเบิกความของจำเลยนั้นเป็นอย่างไร และว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดแต่คดีที่จำเลยเบิกความเท็จนั้นประเด็นสำคัญของคดีคือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดของ พ. จำเลยคดีนั้นมีอย่างไร โจทก์มิได้บรรยายไว้ ที่อ้างว่าความจริงจำเลยเป็นคนงานของบริษัท พี. ใช้รถตักรถดั๊มขุดตักกะสะ แร่ดีบุกจากที่ดินทั้งสองแปลงแล้วบรรทุกเข้าไปในเหมืองแร่ของบริษัท พี. โจทก์ก็บรรยายให้ทราบแต่เพียงความสัมพันธ์ระหว่าง พ. กับบริษัท พี.เท่านั้น การกระทำของคนงานบริษัท พี. ที่อ้างว่าจำเลยเห็นดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการกระทำของ พ. อย่างไร โจทก์หาได้บรรยายให้ชัดแจ้งไม่ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร ไม่ชอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 158(5).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนว่าคำเบิกความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร
โจทก์บรรยายรายละเอียดข้อความทั้งสิ้นที่จำเลยเบิกความ กับความจริงที่ตรงกันข้ามกับคำเบิกความของจำเลยนั้นเป็นอย่างไรแล้วสรุปคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดี แต่ เป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไรโจทก์ไม่ได้บรรยายถึง จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 158(5).
of 80