พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3613/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้และการคิดดอกเบี้ยจากต้นเงินเดิม แม้มีการตกลงผ่อนผันหนี้
แม้จำเลยยอมรับตามหนังสือขอผ่อนผันการชำระหนี้ว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์จำนวนเงินตามเช็คทั้งสองฉบับกับดอกเบี้ยค้างชำระเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 71,058.78 บาท ก็ตามแต่ในหนังสือดังกล่าวก็ระบุไว้ชัดว่าจำเลยตกลงจะขอชำระหนี้จำนวน 20,000 บาท ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2524 และขอผ่อนชำระหนี้ที่เหลือเดือนละ 2,000 บาทภายในสิ้นเดือนของทุกเดือนเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2524 หากผิดนัดยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปีตามปกติกับขอให้โจทก์งดคิดดอกเบี้ยในระหว่างผ่อนชำระและลดหย่อนให้บ้าง หาได้รับสภาพหนี้ในต้นเงิน 71,058.79 บาท โดยยินยอมให้โจทก์เอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้ากับต้นเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้วให้คิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ทบเข้ากันนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 655 ไม่ ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในต้นเงิน30,000 บาท ตามเช็คทั้งสองฉบับรวมกัน ซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องที่โจทก์มีอยู่เดิมต่อจำเลยผู้เป็นลูกหนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3611/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โรงรับจำนำรับจำนำเกิน 10,000 บาท ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เจ้าของทรัพย์มีสิทธิเรียกทรัพย์คืนพร้อมเงินค่าไถ่
คนร้ายชิงทรัพย์ของโจทก์แล้วเอาไปจำนำที่โรงรับจำนำจำเลยเป็นเงินชิ้นละเกินกว่า 10,000 บาท จำเลยย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 มาตรา 4 โจทก์จึงมีสิทธิเรียกทรัพย์ดังกล่าวคืนจากจำเลยได้โดยไม่ต้องเสียค่าไถ่ และแม้โจทก์เสียค่าไถ่ไปแล้วโดยสำคัญผิด โจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินคืนจากจำเลยได้ เพราะการที่จำเลยรับเงินจากโจทก์เป็นการได้ทรัพย์มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และทำให้โจทก์เสียเปรียบ จำเลยจึงต้องคืนทรัพย์ให้โจทก์ฐานลาภมิควรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3611/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โรงรับจำนำรับจำนำเกิน 10,000 บาท ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.โรงรับจำนำ เจ้าของทรัพย์มีสิทธิเรียกเงินค่าไถ่คืนได้
คนร้ายชิงทรัพย์ของโจทก์แล้วเอาไปจำนำที่โรงรับจำนำจำเลยเป็นเงินชิ้นละเกินกว่า 10,000 บาท จำเลยย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 โจทก์เจ้าของทรัพย์จึงมีสิทธิเรียกทรัพย์ดังกล่าวคืนจากจำเลยได้โดยไม่ต้องเสียค่าไถ่และแม้โจทก์เสียค่าไถ่ไปแล้วโดยสำคัญผิด โจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินคืนจากจำเลยได้ เพราะการที่จำเลยรับเงินจากโจทก์เป็นการได้ทรัพย์มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และทำให้โจทก์เสียเปรียบ จำเลยจึงต้องคืนเงินให้โจทก์ฐานลาภมิควรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3611/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โรงรับจำนำรับจำนำเกิน 10,000 บาท ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เจ้าของทรัพย์มีสิทธิเรียกเงินค่าไถ่คืนได้
คนร้ายชิงทรัพย์ของโจทก์แล้วเอาไปจำนำที่โรงรับจำนำจำเลยเป็นเงินชิ้นละเกินกว่า 10,000 บาท จำเลยย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 โจทก์เจ้าของทรัพย์จึงมีสิทธิเรียกทรัพย์ดังกล่าวคืนจากจำเลยได้โดยไม่ต้องเสียค่าไถ่และแม้โจทก์เสียค่าไถ่ไปแล้วโดยสำคัญผิด โจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินคืนจากจำเลยได้ เพราะการที่จำเลยรับเงินจากโจทก์เป็นการได้ทรัพย์มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และทำให้โจทก์เสียเปรียบ จำเลยจึงต้องคืนเงินให้โจทก์ฐานลาภมิควรได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3523/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมครอบคลุมทรัพย์สินในอนาคต ทายาทโดยธรรมอื่นไม่มีสิทธิ
การทำพินัยกรรมอาจกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินที่จะได้มาในอนาคตได้ เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมมีข้อความระบุว่าทรัพย์สินของผู้ตายที่มีอยู่ในขณะที่ทำพินัยกรรมหรือที่จะมีขึ้นในภายหน้าผู้ตายยกให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียว ดังนั้น ทรัพย์มรดกของผู้ตายที่ได้มาภายหลังผู้ตายทำพินัยกรรมก็ย่อมตกเป็นของจำเลยตามพินัยกรรมดังกล่าวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3523/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมสามารถยกทรัพย์สินในอนาคตได้ และมีผลเหนือสิทธิทายาทโดยธรรม
การทำพินัยกรรมอาจกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินที่จะได้มาในอนาคตได้ เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมมีข้อความระบุว่าทรัพย์สินของผู้ตายที่มีอยู่ในขณะที่ทำพินัยกรรมหรือที่จะมีขึ้นในภายหน้าผู้ตายยกให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียว ดังนั้น ทรัพย์มรดกของผู้ตายที่ได้มาภายหลังผู้ตายทำพินัยกรรมก็ย่อมตกเป็นของจำเลยตามพินัยกรรมดังกล่าวด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3523/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมยกทรัพย์สินให้จำเลยแต่ผู้เดียว แม้มีทายาทโดยธรรมอื่น ย่อมมีผลบังคับใช้ การขีดฆ่าพินัยกรรมภายหลังไม่ทำให้เสียผล
ผู้ตายทำพินัยกรรมมีข้อความระบุว่าทรัพย์สินของผู้ตายที่มีอยู่ในขณะที่ทำพินัยกรรมหรือที่จะมีขึ้นในภายหน้า ผู้ตายยกให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียว ดังนั้น ทรัพย์มรดกของผู้ตายที่ได้มาภายหลังผู้ตายทำพินัยกรรมย่อมตกเป็นของจำเลยตามพินัยกรรมดังกล่าวด้วยทายาทโดยธรรมอื่นของผู้ตายจึงไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย หลังจากผู้ตายถึงแก่กรรม จำเลยได้ขายทรัพย์สินที่ยกให้จำเลยตามพินัยกรรมข้อ 4 และข้อ 6 แล้วได้มีการขีดฆ่าข้อความทรัพย์สินที่ยกให้ตามพินัยกรรม ข้อ 4 และ ข้อ 6 ออก เขียนกำกับไว้ข้างหน้าข้อ 4 และ ข้อ 6 ว่าขายไปแล้วเมื่อใด แก่ผู้ใด และลงลายมือชื่อจำเลยกำกับไว้ ทรัพย์สินตามพินัยกรรมนั้นย่อมตกเป็นของจำเลยตามพินัยกรรมนับตั้งแต่วันที่ผู้ตายถึงแก่กรรมแล้ว การขีดฆ่ารายการทรัพย์สินในพินัยกรรมดังกล่าวจึงไม่ทำให้พินัยกรรมเสียไปหรือตกเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3523/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดการเผื่อตายในพินัยกรรมรวมถึงทรัพย์สินที่จะได้มาในอนาคต และการยักย้ายทรัพย์มรดก
การทำพินัยกรรมอาจกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินที่จะได้มาในอนาคตได้ เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมมีข้อความระบุว่าทรัพย์สินของผู้ตายที่มีอยู่ในขณะที่ทำพินัยกรรมหรือที่จะมีขึ้นในภายหน้าผู้ตายยกให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียว ดังนั้น ทรัพย์มรดกของผู้ตายที่ได้มาภายหลังผู้ตายทำพินัยกรรมก็ย่อมตกเป็นของจำเลยตามพินัยกรรมดังกล่าวด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3513/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าจากพฤติกรรมทำร้ายเกียรติศักดิ์ การกระทำต้องร้ายแรงถึงขนาดเป็นเหตุให้หย่าได้
การที่จำเลยได้เข้ามาที่บริษัทซึ่งโจทก์เป็นที่ปรึกษาและกรรมการบริษัทและพูดกับพนักงานหญิงของบริษัทว่า "พวกนางดอกทอง ระวังตัวอย่ามาแย่งผัว" และเรียกพนักงานชายมาต่อว่าว่า "ระวังเมียเจ้าให้ดี อย่าให้มายุ่งกับผัวข้า" นั้นจำเลยกระทำไปด้วยอารมณ์หึงหวงเพื่อเป็นการป้องกันมิให้โจทก์กับพนักงานหญิงของบริษัทมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน อันจะเป็นสาเหตุทำให้โจทก์ละทิ้งจำเลยและบุตรของจำเลยหลายคนอันเกิดแต่โจทก์ได้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงยังไม่ถึงขนาดเป็นการประพฤติชั่วอันทำให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง หรือได้รับความดูถูกเกลียดชัง หรือได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิที่จะฟ้องหย่าจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3512/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามกรรโชกจากการข่มขู่ระเบิดร้านค้า แม้ผู้เสียหายไม่ยอมจ่ายเงิน ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยเองได้
จำเลยส่งจดหมายข่มขู่เรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย หากขัดขืนจะทำการระเบิดร้านค้าของผู้เสียหายให้พังพินาศ แต่ผู้เสียหายไม่ยอมให้เงินหรือยอมรับว่าจะให้เงินแก่จำเลยตามที่เรียกร้อง ถือได้ว่าจำเลยได้ลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามกรรโชก แม้จำเลยไม่ได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย และพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 3 ซึ่งไม่ได้ฎีกาด้วย เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี