พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5569/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรวมและผลของการซื้อขายโดยไม่ยินยอม สิทธิเรียกร้องแบ่งทรัพย์สิน
จำเลยและ ส. เป็นเจ้าของรวมในที่ดินและบ้านพิพาท ซึ่งเจ้าของรวมคนหนึ่งจะจำหน่ายทรัพย์สินโดยเจ้าของคนอื่นมิได้ยินยอมด้วยไม่ได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยยอมให้ ส. ขายที่ดินและบ้านพิพาทแก่โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินกู้ แม้หนี้เงินกู้จะเป็นหนี้ร่วมกันระหว่างจำเลยและ ส. สัญญาขายที่ดินและบ้านพิพาทก็หาผูกพันจำเลยไม่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย แต่โจทก์มีสิทธิเข้าสวมสิทธิของ ส. เรียกร้องให้แบ่งส่วนได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5451/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รวมพิจารณาคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแม้จำเลยบางคนไม่ได้อุทธรณ์
โจทก์แยกฟ้องจำเลยกับ จ. มาเป็นสองสำนวน ข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ ศาลชั้นต้นรวมการพิจารณาและพิพากษาว่าจำเลยกับ ว.มีความผิดตามฟ้อง จำเลยเพียงผู้เดียวอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลย โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยและ จ. เป็นคนร้าย ดังนี้ เนื่องจากเหตุที่จำเลย กับ จ.ถูกฟ้องเป็นเหตุเดียวกัน แม้จะถูกฟ้องเป็นคนละคดี แต่ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาเป็นคดีเดียวกันและเหตุที่ยกฟ้องเป็นเหตุในลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับ จ. ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213ประกอบด้วยมาตรา 225.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5384/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้จัดการมรดก: ศาลสั่งตั้งแล้ว มีอำนาจจัดการทั้งหมด ผู้ร้องขอตั้งซ้ำมิได้ แม้มีพินัยกรรม
เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ไว้ แล้วโดยมิได้จำกัดให้มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับทรัพย์มรดกเฉพาะ สิ่ง เฉพาะอย่าง ผู้คัดค้านก็ย่อมมีอำนาจที่จะจัดการเกี่ยวกับทรัพย์ มรดกของผู้ตายได้ทั้งหมด หากผู้ตายทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์เฉพาะ สิ่งไว้ ผู้ร้องก็อาจขอให้ผู้คัดค้านจัดการให้เป็นไปตามพินัยกรรม นั้นได้ กรณีจึงไม่มีเหตุจำเป็นและสมควรที่ผู้ร้องจะมาร้องขอให้ ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกรายเดียวกันซ้อนขึ้นมาอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5384/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการมรดก: ผู้จัดการมรดกเดิมมีอำนาจจัดการตามพินัยกรรม ผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกซ้ำไม่ชอบ
เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านซึ่งเป็นมารดาผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยไม่มีพินัยกรรมไว้แล้วโดยมิได้จำกัดให้มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับทรัพย์มรดกเฉพาะสิ่งเฉพาะอย่าง ผู้คัดค้านย่อมมีอำนาจจัดการเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของผู้ตายได้ทั้งหมด ดังนั้นหากผู้ตายทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์เฉพาะสิ่งไว้จริง ผู้ร้องก็อาจขอให้ผู้คัดค้านจัดการให้เป็นไปตามพินัยกรรมนั้นได้กรณีจึงไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะมาร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกรายเดียวกันซ้อนขึ้นมาอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5383/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าเป็นคู่ความตามมาตรา 57(1) เมื่อคดีสิ้นสุดแล้ว ศาลชอบที่จะสั่งไม่รับคำร้อง
ตามคำร้องเป็นเรื่องผู้ร้องร่วมทั้งสองประสงค์จะเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) ซึ่งกฎหมายดังกล่าวบัญญัติให้บุคคลภายนอกร้องขอเข้าเป็นคู่ความได้โดยยื่นคำร้องขอต่อศาลที่คดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณา เมื่อปรากฏว่าในวันที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความนั้นศาลชั้นต้นได้สั่งยกคำร้องของผู้ร้องไปแล้ว จึงไม่มีคดีของผู้ร้องที่ผู้ร้องร่วมทั้งสองจะเข้ามาเป็นคู่ความได้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นในขณะที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอ ดังนั้นศาลจึงชอบที่จะสั่งไม่รับคำร้องขอของผู้ร้องร่วมทั้งสองได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5383/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้ามาเป็นคู่ความตามมาตรา 57(1) ต้องกระทำในขณะที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา หากศาลยกคำร้องไปแล้ว ไม่สามารถเข้ามาเป็นคู่ความได้
ตามคำร้องเป็นเรื่องผู้ร้องร่วมทั้งสองประสงค์จะเข้ามาเป็นคู่ความ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) ซึ่งให้บุคคลภายนอกร้องขอเข้า เป็นคู่ความได้โดยยื่นคำร้องขอต่อศาลที่คดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณาเมื่อปรากฏว่าในวันที่ผู้ร้องร่วมทั้งสองยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความนั้น ศาลชั้นต้นได้สั่งยกคำร้องของผู้ร้องไปแล้วจึงไม่มีคดี ของผู้ร้องที่ผู้ร้องร่วมทั้งสองจะเข้ามาเป็นคู่ความได้อยู่ใน ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นในขณะที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอ ดังนั้นศาลจึงชอบที่จะสั่งไม่รับคำร้องขอของผู้ร้องร่วมทั้งสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5382/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าทดแทนการใช้ประโยชน์ที่ดิน-ดอกเบี้ย-การผิดนัดชำระ-การเข้าใช้ประโยชน์
ตาม พ.ร.บ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511มาตรา 28 บัญญัติไว้ว่า เมื่อตกลงเรื่องค่าทดแทนกันไม่ได้ให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มาใช้บังคับ โดยอนุโลม แต่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2497มิได้กำหนดเรื่องอัตราดอกเบี้ยในกรณีที่อนุญาโตตุลาการ ที่คู่กรณีตั้งขึ้นไม่สามารถชี้ขาดด้วยเสียงข้างมากได้ จึงต้องนำ ป.พ.พ.มาตรา 224 มาบังคับใช้ เมื่อจำเลยเข้าใช้ที่ดิน ของโจทก์ จำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์นับแต่วันนั้นเป็นต้นไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5354/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาการพนันต้องระบุรายละเอียดการทำให้แพ้ชนะและวิธีการเล่นให้ชัดเจนตามกฎหมาย
คำฟ้องของโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงเพียงว่า จำเลยจัดให้มีการเล่นเครื่องเล่นซึ่งใช้ไฟฟ้าจักรกล โดยมีการนับแต้มและเครื่องหมายอันเป็นการพนันตามบัญชี ข. อันดับที่ 28 ท้าย พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 และกฎกระทรวงฉบับที่ 18(พ.ศ. 2504) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ข้อ 2 มิได้บรรยายว่าเครื่องเล่นดังกล่าวสามารถทำให้แพ้ชนะกันได้ ย่อมเป็นฟ้องที่ขาดสาระสำคัญไม่ครบองค์ประกอบแห่งความผิดของกฎกระทรวง ฉบับที่ 23(พ.ศ. 2530) นอกจากนี้โจทก์มิได้บรรยายถึงวิธีการใช้เครื่องเล่นดังกล่าวว่าใช้วิธีสัมผัส เลื่อน กด ดีด ดึง ดัน ยิง โยน โยก หมุน หรือวิธีอื่นใด ถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับ การกระทำ และสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้ จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158(5).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5247/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาแก้ไขคำพิพากษาเรื่องการทำลายของกลาง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากเป็นการโต้เถียงดุลพินิจ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท ริบของกลางและให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เฉพาะให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก โจทก์ฎีกาขอให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาล อันเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5247/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับคำสั่งทำลายสิ่งของ (ลานปูนซีเมนต์) เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ปรับ5,000 บาท ริบของกลางและให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลางโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาแก้เฉพาะในยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก โจทก์ฎีกาขอให้ทำลายปูนซีเมนต์ของกลางเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาล อันเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย