พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6109/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการวางค่าฤชาธรรมเนียมและชำระเงินตามคำพิพากษา ทำให้ถือว่าทิ้งคำร้องอุทธรณ์
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยว่าให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาวางศาลภายในกำหนด 7 วัน ย่อมหมายถึงให้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อ ศาลตามที่บังคับไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ในวันครบกำหนดจำเลยคงนำแต่ค่าฤชาธรรมเนียมที่ใช้แทนโจทก์มาวางศาลเท่านั้น มิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือประกันให้ไว้ต่อศาล ถือได้ว่าจำเลยทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6109/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามคำสั่งศาลเกี่ยวกับการวางค่าฤชาธรรมเนียมและชำระเงินตามคำพิพากษา หากไม่ปฏิบัติตามครบถ้วน ถือเป็นการทิ้งคำร้อง
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยว่า ให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาวางศาลภายในกำหนด 7 วันย่อมหมายถึงให้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามที่บังคับไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ครั้นวันครบกำหนดจำเลยคงนำแต่ค่าฤชาธรรมเนียมที่ใช้แทนโจทก์มาวางศาลเท่านั้นมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ถือได้ว่าจำเลยทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6105/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ระบุข้อหาละเมิด และรายละเอียดความสัมพันธ์ไม่จำเป็นในคำฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าห้องพักในโรงแรมของจำเลยได้จอดรถยนต์ซึ่งมีสินค้าร่มชนิดต่าง ๆ ไว้ในบริเวณโรงแรม จำเลยมีหน้าที่ต้องดูแลทรัพย์สินของโจทก์ ต่อมารถยนต์ของโจทก์ถูกงัดและร่มในรถยนต์หายไป ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย คำฟ้องดังกล่าวได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองแม้โจทก์จะระบุในช่องข้อหาหรือฐานความผิดมาเป็นเรื่องละเมิดก็ไม่ทำให้สาระในคำฟ้องเปลี่ยนไป ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับผู้เข้ามาพักในโรงแรมของจำเลยก็เป็นเพียงรายละเอียดที่ไม่จำต้องบรรยายมาในคำฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6105/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ระบุฐานละเมิด รายละเอียดความสัมพันธ์ไม่จำเป็นในคำฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าห้องพักในโรงแรมของจำเลยได้จอดรถยนต์ซึ่งมีสินค้าร่มชนิดต่าง ๆ ไว้ในบริเวณโรงแรม จำเลยมีหน้าที่ต้องดูแลทรัพย์สินของโจทก์ ต่อมารถยนต์ของโจทก์ถูกงัดและร่มในรถยนต์หายไป ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย คำฟ้องดังกล่าวได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แม้โจทก์จะระบุในช่องข้อหาหรือฐานความผิดมาเป็นเรื่องละเมิด ก็ไม่ทำให้สาระในคำฟ้องเปลี่ยนไป ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์ระหว่างโจทก์กับผู้เข้ามาพักในโรงแรมของจำเลยก็เป็นเพียงรายละเอียดที่ไม่ จำต้องบรรยายมาในคำฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5851/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้โฉนดไม่ตรงตามพินัยกรรม แต่จำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามพินัยกรรมและครอบครองตลอดมา จึงไม่เป็นการรุกล้ำ
แม้การแบ่งแยกโฉนดจะไม่ตรงตามแนวเขตที่กำหนดไว้ในพินัยกรรมทำให้ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ก็ตาม แต่จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามพินัยกรรมและได้ครอบครองตลอดมา การที่จำเลยสร้างรั้วในเขตที่ดินพิพาทจึงเป็นการสร้างในที่ดินของจำเลยเอง ไม่เป็นการรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5851/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินตามพินัยกรรมและการครอบครองจริง แม้โฉนดจะระบุผิดพลาด แต่เจ้าของกรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิ
แม้การแบ่งแยกโฉนดจะทำให้ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ก็ตาม แต่จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามพินัยกรรมและได้ครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมา การที่จำเลยสร้างรั้วในเขตที่ดินพิพาทจึงเป็นการสร้างในที่ดินของจำเลยเอง ไม่เป็นการสร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5563/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันระงับสิ้นเมื่อผู้ร้องชนะคดีและไม่มีหนี้ตามสัญญา ศาลคืนโฉนดที่ดินที่วางค้ำประกันได้
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไม่ใช่ของจำเลย และโจทก์ยินยอมให้ผู้ค้ำประกันนำที่ดินมาวางค้ำประกันในการถอนการยึดทรัพย์ของจำเลย โดยถ้าผู้ร้องแพ้ ผู้ค้ำประกันยอมชำระหนี้แทนสัญญาค้ำประกันดังกล่าวไม่มีข้อความระบุว่าผู้ค้ำประกันยอมค้ำประกันตลอดไปจนกว่าคดีถึงที่สุด ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดี จึงไม่มีหนี้ที่ผู้ค้ำประกันจะต้องชำระตามสัญญาค้ำประกัน สัญญาค้ำประกันย่อมระงับสิ้นไปทันทีศาลชอบที่คืนโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5562/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน แม้ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ก็มีส่วนได้เสียในทรัพย์สิน ย่อมมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้
ผู้ร้องซื้อที่พิพาทจากจำเลยโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนและขายฝากไว้กับบริษัท ค. ก่อนที่โจทก์จะนำยึด ต่อมาผู้ร้องได้ชำระเงินค่าไถ่ถอนการขายฝากให้แก่ผู้รับซื้อฝากแล้ว แม้ผู้ร้องยังไม่ได้จดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากเนื่องจากโจทก์อายัดที่พิพาทไว้ก็ตาม ก็ต้องถือว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียในที่พิพาท ย่อมร้องขัดทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5278/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา: การพิสูจน์ความเท็จและการบรรเทาความเสียหาย
จำเลยพิมพ์โฆษณาข้อความอันฝ่าฝืนความจริงทางหนังสือพิมพ์ซึ่งเมื่ออ่านข้อความทั้งหมดประกอบกันแล้วทำให้เข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กำลังวางแผนจัดตั้งพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยยอมรับหลักลัทธิคอมมิวนิสต์ การไขข่าวเช่นนี้ ในขณะที่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและมีพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ใช้บังคับอยู่ย่อมทำให้โจทก์ซึ่งเป็นคนไทยคนหนึ่งเป็นที่รังเกียจ ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยจึงต้องร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ ข้อความดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์และอาจกระทบถึงทางเจริญหรือทางทำมาหาได้ของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน แต่จำเลยได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับติดต่อกันหลายวันอันเป็นการบรรเทาความเสียหายไปส่วนหนึ่งแล้ว ศาลฎีกาจึงกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 50,000 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5278/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาข้อความเท็จทำให้เสียหายต่อชื่อเสียงและเกียรติยศ ศาลกำหนดค่าชดใช้สินไหมทดแทน
จำเลยพิมพ์โฆษณาข้อความอันฝ่าฝืนความจริงทางหนังสือพิมพ์ ซึ่งเมื่ออ่นข้อความทั้งหมดประกอบกันแล้วทำให้เข้าใจได้ว่า โจทก์เป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กำลังวางแผนจัดตั้งพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยยอมรับหลักลัทธิคอมมิวนิสต์ การไขข่าวเช่นนี้ในขณะที่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและมีพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ใช้บังคับอยู่ ย่อมทำให้โจทก์ซึ่งเป็นคนไทยคนหนึ่งเป็นที่รังเกียจ ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยจึงต้องร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโจทก์
ข้อความดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์และอาจกระทบถึงความเจริญหรือทางทำมาหาได้ของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน แต่จำเลยได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับติดต่อกันหลายวันอันเป็นการบรรเทาความเสียหายไป ส่วนหนึ่งแล้ว ศาลฎีกาจึงกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 50,000 บาท
ข้อความดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์และอาจกระทบถึงความเจริญหรือทางทำมาหาได้ของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน แต่จำเลยได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับติดต่อกันหลายวันอันเป็นการบรรเทาความเสียหายไป ส่วนหนึ่งแล้ว ศาลฎีกาจึงกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 50,000 บาท