คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสียง ตรีวิมล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2852/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาเจตนาในการฆ่าและขอบเขตความผิดฐานพยายามฆ่า เมื่อยิงในกลุ่มคน
จำเลยยิงผู้ตายซึ่งอยู่ในกลุ่มคน 2 นัด ติดต่อกัน กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย และพลาดไปถูกคนในกลุ่มคือ ส. ได้รับบาดเจ็บพฤติการณ์ของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพื่อฆ่าผู้ตายเท่านั้นหาได้มีเจตนาจะฆ่า ส. อีกต่างหากไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288บทหนึ่งและมาตรา 288,80 ประกอบด้วยมาตรา 60 อีกบทหนึ่งไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดหลายกระทง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2852/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงต่อเนื่องในกลุ่มคน: ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นกรรมเดียวผิดหลายบท ไม่ใช่ความผิดหลายกระทง
จำเลยยิงผู้ตายซึ่งอยู่ในกลุ่มคน 2 นัดติดต่อกัน กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย และพลาดไปถูกคนในกลุ่มคือ ส. ได้รับบาดเจ็บ พฤติการณ์ของจำเลย จึงเป็นการกระทำเพื่อฆ่าผู้ตายเท่านั้น หาได้มีเจตนาจะฆ่า ส. อีกต่างหากไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 บทหนึ่งและมาตรา 288,80 ประกอบด้วยมาตรา 60 อีกบทหนึ่ง ไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดหลายกระทง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2852/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า โดยเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดหลายบท ไม่ใช่ความผิดหลายกระทง
จำเลยยิงผู้ตายซึ่งอยู่ในกลุ่มคน 2 นัดติดต่อกัน กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย และพลาดไปถูกคนในกลุ่มคือ ส. ได้รับบาดเจ็บ พฤติการณ์ของจำเลย จึงเป็นการกระทำเพื่อฆ่าผู้ตายเท่านั้น หาได้มีเจตนาจะฆ่า ส. อีกต่างหากไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 บทหนึ่งและมาตรา 288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 60 อีกบทหนึ่ง ไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดหลายกระทง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2790/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการขับรถประมาท การกระทำที่เล็งเห็นผลถึงแก่ความตาย ถือเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และพยายามฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288ประกอบด้วยมาตรา 80 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามมาตรา 291ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาฆ่าเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามมาตรา 290และฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 297 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักกว่า คดีของโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จำเลยขับรถยนต์ถอยหลังชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายและรถยนต์ของผู้อื่นอีก 3 คัน มีเสียงร้องให้ช่วยจับจำเลย ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจึงนั่งซ้อนท้ายรถของผู้ตายติดตามรถจำเลยไปและตามไปทัน ผู้ตายขับรถแซงรถจำเลยทางด้านขวาแล้วผู้เสียหายเอามือเคาะประตูรถจำเลย บอกว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจให้จำเลยจอดรถ จำเลยไม่ยอมฟังกลับเร่งความเร็วของรถแล้วขับรถปาดเฉียงไปทางขวาล้ำเส้นกึ่งกลางถนนในระยะกระชั้นชิดผู้ตายไม่สามารถหลบหลีกได้ เพราะรถสองคันแล่นตีคู่ด้วยความเร็วสูงในซอยกว้างประมาณ 5 เมตร ไม่มีทางเท้า สองข้างซอยมีกำแพงรั้วโดยตลอด ด้านขวาของซอยมีเสาไฟฟ้าปักอยู่เป็นระยะ ๆ จึงเป็นเหตุให้รถผู้ตายเฉี่ยวชนรถของจำเลยทางด้านขวาค่อนไปทางหน้ารถแล้วเสียหลักพุ่งไปชนกำแพงรั้วด้านขวาของซอยอย่างแรงจนมีโลหิตเปรอะกำแพงรั้วและนองพื้น แล้วเลยไปชนเสาไฟฟ้า ส่วนรถจำเลยแล่นด้วยความเร็วสูง จึงไม่สามารถบังคับรถให้เลี้ยวคืนสู่ทางได้เป็นเหตุให้แล่นชนรถผู้ตายและเสาไฟฟ้าดังกล่าว ผู้ตายถึงแก่ความตายทันที และผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส เช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยจงใจให้รถผู้ตายแล่นเข้าชนกำแพงรั้วและเสาไฟฟ้าอย่างแรงโดยผู้ตายไม่มีทางขับรถหลบหลีกไปได้เลย จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าจะทำให้ผู้ตายและผู้เสียหายซึ่งนั่งบนรถจักรยานยนต์ถึงแก่ความตายได้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายและผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2790/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการขับรถปาดหน้าทำให้เกิดอุบัติเหตุ ศาลฎีกาตัดสินว่าเป็นการกระทำโดยเจตนา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และพยายามฆ่าผู้อื่น ตาม มาตรา 288ประกอบด้วยมาตรา 80 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามมาตรา291 ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาฆ่าเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามมาตรา 290 และฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 297 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักกว่าโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง คดีของโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาหรือไม่
จำเลยขับรถยนต์ถอยหลังชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายและรถยนต์ของผู้อื่นอีก 3 คัน มีเสียงร้องให้ช่วยจับจำเลย ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจึงนั่งซ้อนท้ายรถของผู้ตายติดตามรถจำเลยไปและตามไปทันผู้ตายขับรถแซงรถจำเลยทางด้านขวาแล้วผู้เสียหายเอามือเคาะประตูรถจำเลยบอกว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจให้จำเลยจอดรถ จำเลยไม่ยอมฟังกลับเร่งความเร็วของรถแล้วขับรถปาดเฉียงไปทางขวาล้ำเส้นกึ่งกลางถนนในระยะกระชั้นชิด ผู้ตายไม่สามารถหลบหลีกได้ เพราะรถทั้งสองคันแล่นตีคู่ด้วยความเร็วสูงในซอยกว้างประมาณ 5เมตร ไม่มีทางเท้า สองข้างซอยมีกำแพงรั้วโดยตลอดด้านขวาของซอยมีเสาไฟฟ้าปักอยู่เป็นระยะ ๆ จึงเป็นเหตุให้รถผู้ตายเฉี่ยวชนรถจำเลยทางด้านขวาค่อนไปทางหน้ารถ แล้วเสียหลักพุ่งไปชนกำแพงรั้วด้านขวาของซอยอย่างแรงจนมีโลหิตเปรอะกำแพงรั้วและนองพื้น แล้วเลยไปชนเสาไฟฟ้าส่วนรถจำเลยแล่นด้วยความเร็วสูง จึงไม่สามารถบังคับรถให้เลี้ยวคืนสู่เส้นทางได้เป็นเหตุให้แล่นชนรถผู้ตายและเสาไฟฟ้าดังกล่าว ผู้ตายถึงแก่ความตายทันที และผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส เช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยจงใจให้รถผู้ตายแล่นเข้าชนกำแพงรั้วและเสาไฟฟ้าอย่างแรง โดยผู้ตายไม่มีทางขับรถหลบหลีกไปได้เลย จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าจะทำให้ผู้ตายและผู้เสียหายซึ่งนั่งบนรถจักรยานยนต์ถึงแก่ความตายได้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายและผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2790/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการขับรถประมาทและปาดหน้า ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงแก่ชีวิต
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และพยายามฆ่าผู้อื่น ตาม มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามมาตรา291 ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาฆ่าเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามมาตรา 290 และฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 297 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักกว่าโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง คดีของโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาหรือไม่
จำเลยขับรถยนต์ถอยหลังชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายและรถยนต์ของผู้อื่นอีก 3 คัน มีเสียงร้องให้ช่วยจับจำเลย ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจึงนั่งซ้อนท้ายรถของผู้ตายติดตามรถจำเลยไปและตามไปทันผู้ตายขับรถแซงรถจำเลยทางด้านขวาแล้วผู้เสียหายเอามือเคาะประตูรถจำเลยบอกว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจให้จำเลยจอดรถ จำเลยไม่ยอมฟังกลับเร่งความเร็วของรถแล้วขับรถปาดเฉียงไปทางขวาล้ำเส้นกึ่งกลางถนนในระยะกระชั้นชิด ผู้ตายไม่สามารถหลบหลีกได้ เพราะรถทั้งสองคันแล่นตีคู่ด้วยความเร็วสูงในซอยกว้างประมาณ 5เมตร ไม่มีทางเท้า สองข้างซอยมีกำแพงรั้วโดยตลอดด้านขวาของซอยมีเสาไฟฟ้าปักอยู่เป็นระยะ ๆ จึงเป็นเหตุให้รถผู้ตายเฉี่ยวชนรถจำเลยทางด้านขวาค่อนไปทางหน้ารถ แล้วเสียหลักพุ่งไปชนกำแพงรั้วด้านขวาของซอยอย่างแรงจนมีโลหิตเปรอะกำแพงรั้วและนองพื้น แล้วเลยไปชนเสาไฟฟ้าส่วนรถจำเลยแล่นด้วยความเร็วสูง จึงไม่สามารถบังคับรถให้เลี้ยวคืนสู่เส้นทางได้เป็นเหตุให้แล่นชนรถผู้ตายและเสาไฟฟ้าดังกล่าว ผู้ตายถึงแก่ความตายทันที และผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส เช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยจงใจให้รถผู้ตายแล่นเข้าชนกำแพงรั้วและเสาไฟฟ้าอย่างแรง โดยผู้ตายไม่มีทางขับรถหลบหลีกไปได้เลย จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าจะทำให้ผู้ตายและผู้เสียหายซึ่งนั่งบนรถจักรยานยนต์ถึงแก่ความตายได้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายและผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2613-2614/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยร่วมในคดีชิงทรัพย์ จำเลยต้องมีส่วนลงมือกระทำความผิดโดยตรง คำให้การชั้นสอบสวนใช้ลงโทษไม่ได้หากให้การปฏิเสธในชั้นศาล
พยานโจทก์ชั้นศาลฟังไม่ได้ว่าพยานจำพวกของจำเลยที่ 1ได้ แม้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดแต่คำให้การชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานบอกเล่า เมื่อจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ให้การปฏิเสธในชั้นศาล ดังนี้ จะนำคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 มาฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 หาได้ไม่
การที่วินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและเป็นเหตุในลักษณะคดี แม้จำเลยที่2 ที่ 3 ได้ถอนอุทธรณ์ไปแล้วก็ตาม ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาแก้ให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์ สินสมรส การฉ้อฉล และสิทธิคู่ความในคดีบังคับคดี
การขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดต้องเป็นเรื่องที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ดังกล่าว การที่ผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ผู้ร้องกับจำเลยจึงเป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกัน ผู้ร้องหามีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไม่ และที่ผู้ร้องอ้างว่า สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยเป็นนิติกรรมอันเกิดจากการฉ้อฉลทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบ หากเป็นดังข้ออ้าง ผู้ร้องก็จะต้องฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนการฉ้อฉลนั้นเสียก่อนจะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนในคดีซึ่งตนมิได้เป็นคู่ความหาได้ไม่ คดีร้องขัดทรัพย์ จำเลยจะเข้ามาในคดีหรือไม่ก็ได้ เมื่อเข้ามาแล้วจำเลยก็มีฐานะเป็นคู่ความ มีสิทธิได้ค่าฤชาธรรมเนียม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องขัดทรัพย์สินสมรสและการเพิกถอนนิติกรรมอันเกิดจากการฉ้อฉล ผู้ร้องต้องฟ้องเพิกถอนก่อนจึงจะขอปล่อยทรัพย์ได้
การขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดต้องเป็นเรื่องที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ดังกล่าว การที่ผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยผู้ร้องกับจำเลยจึงเป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกัน ผู้ร้องหามีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไม่ และที่ผู้ร้องอ้างว่า สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย เป็นนิติกรรมอันเกิดจากการฉ้อฉลทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบ หากเป็นดังข้ออ้าง ผู้ร้องก็จะต้องฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนการฉ้อฉลนั้นเสียก่อน จะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนในคดีซึ่งตนมิได้เป็นคู่ความหาได้ไม่
คดีร้องขัดทรัพย์ จำเลยจะเข้ามาในคดีหรือไม่ก็ได้เมื่อเข้ามาแล้ว จำเลยก็มีฐานะเป็นคู่ความ มีสิทธิได้ค่าฤชาธรรมเนียม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งพยานหลักฐาน ถือเป็นการทิ้งฟ้องได้
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้วได้สั่งนัดพร้อมเพื่อสอบถาม ให้โจทก์เสนอพยานหลักฐานต่อศาลว่านายหุยซิว แซ่คู จำเลยเป็นชายหรือหญิง มีตัวตนอยู่ ณ ภูมิลำเนาตามฟ้องหรือไม่ภายในกำหนด ดังนี้ยังไม่ล่วงพ้นขั้นตอนของการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล เพราะก่อนมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคู่ความหรือบุคคลใดให้ส่งพยานหลักฐานใดต่อศาลเพื่อประกอบการวินิจฉัยคดีได้เสมอ คำสั่งดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งของศาล เมื่อโจทก์ทราบคำสั่งแล้วเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามภายในกำหนดจึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา174 (2)
of 80