คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสียง ตรีวิมล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย: ขวาน, แรงกระแทก, อวัยวะสำคัญ, กะโหลกแตก
จำเลยใช้ขวานซึ่งคม หน้าขวานกว้างประมาณ 2 นิ้วครึ่ง ด้ามยาวประมาณ 1 ฟุต ฟันศีรษะผู้เสียหายโดยแรง เป็นแผลกว้างถึง 5เซนติเมตร ยาวถึง 20 เซนติเมตร กะโหลกศีรษะแตก ต้องใช้เวลา 6 เดือนรอยแตกจึงจะสมาน และบาดแผลดังกล่าวอาจทำให้ถึงตายได้ เช่นนี้ ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งคำสั่งศาล การตรวจเอกสารโดยผู้เชี่ยวชาญ และสิทธิในการรับมรดก
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้อง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา ในกรณีที่ศาลเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องตั้งผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจเอกสารในสำนวน และศาลเห็นสมควร ศาลก็ย่อมใช้อำนาจของศาลเองที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 99ส่งเอกสารนั้นไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ได้ โดยไม่จำต้องให้คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยื่นบัญชีระบุพยานหรือระบุชื่อผู้เชี่ยวชาญ จำเลยเป็นพี่ชายเจ้ามรดก ส่วนโจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก จำเลยเป็นทายาทลำดับหลังโจทก์ ไม่มีสิทธิรับมรดกรายนี้ จำเลยจึงยกอายุความมรดก 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755 มาต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตแก้ฟ้อง, อำนาจศาลในการสั่งตรวจเอกสาร, และสิทธิทายาทรับมรดก
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้อง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
ในกรณีที่ศาลเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องตั้งผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจเอกสารในสำนวน และศาลเห็นสมควร ศาลก็ย่อมใช้อำนาจของศาลเองที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 99 ส่งเอกสารนั้นไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ได้โดยไม่จำต้องให้คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยื่นบัญชีระบุพยานหรือระบุชื่อผู้เชี่ยวชาญ
จำเลยเป็นพี่ชายเจ้ามรดก ส่วนโจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก จำเลยเป็นทายาทลำดับหลังโจทก์ ไม่มีสิทธิรับมรดกรายนี้จำเลยจึงยกอายุความมรดก 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1755 มาต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5965/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมในการทำนิติกรรมของผู้เยาว์: รูปแบบไม่จำกัดกฎเกณฑ์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 21 มิได้บัญญัติถึงแบบหรือวิธีปฏิบัติในการที่ผู้แทนโดยชอบธรรมให้ความยินยอมในการทำนิติกรรมของผู้เยาว์ไว้ดังนั้นการให้ความยินยอมดังกล่าวจึงกระทำด้วยวาจาลายลักษณ์อักษรหรือพฤติการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เมื่อบิดาและมารดาให้ความยินยอมแก่บุตรผู้เยาว์ในการทำนิติกรรมแล้ว นิติกรรมจึงสมบูรณ์มีผลใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5881/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ไม่มีของกลาง แต่รับสารภาพได้ ศาลต้องระบุวรรคของกฎหมายให้ชัดเจน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนที่ติดตัวไปตีทำร้ายผู้เสียหาย แม้จะไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลาง แต่จำเลยให้การในชั้นสอบสวนรับว่าไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน จึงลงโทษจำเลยในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ แต่ตามฟ้องของโจทก์มิได้ระบุว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีและพาไปเป็นอาวุธปืนที่มิได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมาย ทั้งโจทก์ก็นำสืบไม่ได้เช่นนั้น จึงต้องฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีตามกฎหมาย
ในกรณีข้างต้น เมื่อศาลอุทธรณ์มิได้ระบุว่าให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 72 วรรคใด จึงไม่ชัดเจน ศาลฎีกาเห็นสมควรระบุวรรคว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 72 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5881/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการใช้ทำร้ายร่างกาย ศาลพิจารณาความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน และความรับผิดชอบเรื่องการอนุญาต
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนที่ติดตัวไปตีทำร้ายผู้เสียหาย แม้จะไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลาง แต่จำเลยให้การในชั้นสอบสวนรับว่าไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน จึงลงโทษจำเลยในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ แต่ตามฟ้องของโจทก์มิได้ระบุว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีและพาไปเป็นอาวุธปืนที่มิได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมาย ทั้งโจทก์ก็นำสืบไม่ได้เช่นนั้น จึงต้องฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีตามกฎหมาย
ในกรณีข้างต้น เมื่อศาลอุทธรณ์มิได้ระบุว่าให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 72 วรรคใด จึงไม่ชัดเจน ศาลฎีกาเห็นสมควรระบุวรรคว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา 72 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4630/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกปลูกอาคารในที่ดินของตนเอง ไม่กระทบสิทธิใช้ทางสาธารณะของผู้อื่น ไม่ถือเป็นการละเมิด
จำเลยปลูกสร้างอาคารใหม่ตามแนวอาคารเดิมซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลย มิใช่ปลูกสร้างลงในซอยสาธารณะ จึงมิได้เป็นการรบกวนขัดขวางแก่การที่โจทก์จะใช้ซอยสาธารณะ การใช้ทรัพย์ของจำเลยจึงมิได้ทำให้โจทก์เสียหายหรือเดือดร้อนในการที่โจทก์จะใช้ที่ดินของตนหรือทางสาธารณะ ไม่เป็นกรณีตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4630/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำทางสัญจรและการใช้สิทธิในที่ดิน การก่อสร้างอาคารบนที่ดินของตนเองไม่เป็นการรบกวนสิทธิของผู้อื่น
จำเลยปลูกสร้างอาคารใหม่ตามแนวอาคารเดิมซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลย มิใช่ปลูกสร้างลงในซอยสาธารณะ จึงมิได้เป็นการรบกวนขัดขวางแก่การที่โจทก์จะใช้ซอยสาธารณะ การใช้ทรัพย์ของจำเลยจึงมิได้ทำให้โจทก์เสียหายหรือเดือดร้อนในการที่โจทก์จะใช้ที่ดินของตนหรือทางสาธารณะ ไม่เป็นกรณีตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4545/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ดอกเบี้ยค่าจ้างที่ค้างชำระ ต้องยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้นก่อน หากมิได้ยกขึ้นและไม่ใช่ปัญหาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างที่จำเลยไม่ชำระและเงินเพิ่มร้อยละสิบห้าของค่าจ้างที่ค้างชำระทุกเจ็ดวันนับแต่วันถึงกำหนดจ่ายจากจำเลย มิได้ขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีของค่าจ้างค้างชำระ ดังนี้ อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าเมื่อจำเลยไม่ชำระค่าจ้าง จำเลยต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ของค่าจ้างค้างจ่ายนับแต่วันค้างชำระเป็นต้นไป เว้นแต่จะนำค่าจ้างไปมอบแก่อธิบดีกรมแรงงานหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายเพื่อให้ลูกจ้างรับไป จึงจะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย นั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4545/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ดอกเบี้ยค่าจ้าง: ประเด็นใหม่ต้องยกขึ้นในศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างที่จำเลยไม่ชำระและเงินเพิ่มร้อยละสิบห้าของค่าจ้างที่ค้างชำระทุกเจ็ดวันนับแต่วันถึงกำหนดจ่ายจากจำเลย มิได้ขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีของค่าจ้างค้างชำระ ดังนี้ อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าเมื่อจำเลยไม่ชำระค่าจ้าง จเลยต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีของค่าจ้างค้างจ่ายนับแต่วันค้างชำระเป็นต้นไป เว้นแต่จะนำค่าจ้างไปมอบแก่อธิบดีกรมแรงงานหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายเพื่อให้ลูกจ้างรับไป จึงจะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย นั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 31.
of 80