คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสียง ตรีวิมล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2162/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมโดยอ้างธรรมเนียมปฏิบัติที่ไม่มีระเบียบเป็นลายลักษณ์อักษร ศาลฎีกาตัดสินให้จ่ายค่าชดเชย
โจทก์เบิกอะไหล่ของจำเลยผู้เป็นนายจ้างไปหลายชิ้นเพื่อซ่อมรถยนต์โดยสารของจำเลย บางชิ้นได้นำไปเปลี่ยนใส่ในรถยนต์โดยสารของจำเลยแล้ว บางชิ้นก็คงเก็บไว้ในตู้เก็บอะไหล่ที่ที่ทำงานของโจทก์ เมื่อจำเลยไม่มีระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นลายลักษณ์อักษรห้ามกระทำ ดังนั้นจำเลยจะเอาธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาเป็นเวลานานแล้วมาอ้างว่าเป็นระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย โดยถือว่าการกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง และเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต: จำเลยมีฐานะเป็นนายหน้า ไม่ใช่ผู้จัดหางานโดยตรง
การกระทำของผู้จัดหางานที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 7 ผู้จัดหางานจะต้องเรียกหรือรับค่าบริการจากผู้สมัครงาน เมื่อจำเลยไม่เคยเรียกร้องหรือรับค่าบริการจากผู้สมัครงาน แต่บริษัท ก. ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดหางานเป็นผู้เรียกหรือรับค่าบริการเอง และจำเลยไม่ได้อยู่ในฐานะผู้จัดหางานตามความหมายของมาตรา 4 เพราะจำเลยไม่ได้ประกอบธุรกิจหางานให้แก่คนงานหรือหาลูกจ้างให้แก่นายจ้างจำเลยเป็นเพียงนายหน้าผู้หวังจะได้รับประโยชน์ตอบแทนจากบริษัท ก. ในการหาผู้เสียหายไปสมัครงานเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้จัดหางานหรือร่วมจัดหางานโดยไม่รับอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต: จำเลยไม่ผิดฐานเรียกเก็บค่าบริการโดยตรงจากผู้สมัครงาน
การกระทำของผู้จัดหางานที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 7 ผู้จัดหางานจะต้องเรียกหรือรับค่าบริการจากผู้สมัครงาน เมื่อจำเลยไม่เคยเรียกร้องหรือรับค่าบริการจากผู้สมัครงานแต่บริษัท ก.ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดหางานเป็นผู้เรียกหรือรับค่าบริการเอง และจำเลยไม่ได้อยู่ในฐานะผู้จัดหางานตามความหมายของมาตรา 4 เพราะจำเลยไม่ได้ประกอบธุรกิจหางานให้แก่คนงานหรือหาลูกจ้างให้แก่นายจ้างจำเลยเป็นเพียงนายหน้าผู้หวังจะได้รับประโยชน์ตอบแทนจากบริษัท ก. ในการหาผู้เสียหายไปสมัครงานเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้จัดหางานหรือร่วมจัดหางานโดยไม่รับอนุญาต.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต: จำเลยไม่ใช่ผู้จัดหางานแต่เป็นนายหน้าที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน
การกระทำของผู้จัดหางานที่จะเป็นความผิดตามมาตรา 7 แห่งพ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 นั้น ผู้จัดหางานจะต้องเรียกหรือรับค่าบริการจากผู้สมัครงาน ฉะนั้นเมื่อมีบริษัทก. เป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดหางานเป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าบริการเองและจำเลยไม่อยู่ในฐานะผู้จัดหางาน แต่อยู่ในฐานะเป็นเพียงนายหน้าผู้หวังที่จะได้รับประโยชน์ตอบแทนจากบริษัทดังกล่าว และจำเลยยังไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ เลย เช่นนี้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้จัดหางานหรือร่วมจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1826/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย: ภยันตรายยังไม่หมดไป การใช้กำลังป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายลากจำเลยเข้าไปในป่าข้างทางเพื่อจะข่มขืนและขู่ว่าจะฆ่าจำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตายที 1 แล้วทั้งจำเลยและผู้ตายต่างวิ่งออกมาจากที่เกิดเหตุห่างประมาณ 100 เมตร แล้วจึงเกิดปลุกปล้ำกัน โดยผู้ตายพยายามแย่งมีดจากจำเลยเพื่อทำร้ายจำเลยจำเลยจึงแทงผู้ตายอีกหลายที เช่นนี้ถือว่าภยันตรายยังไม่หมดไปการที่จำเลยซึ่งเป็นหญิงและอยู่ในภาวะเช่นนั้นใช้มีดแทงผู้ตายจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโยกย้ายงานลูกจ้าง: สิทธินายจ้างในการปรับเปลี่ยนหน้าที่เมื่อลูกจ้างปฏิบัติงานบกพร่อง และไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง
จำเลยไม่ได้บรรจุโจทก์เป็นพนักงานคุมเครื่องทำความเย็นโดยเฉพาะ และไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างห้ามมิให้จำเลยโยกย้ายสับเปลี่ยนหน้าที่โจทก์ ดังนั้นเมื่อโจทก์ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องโดยไม่เติมน้ำเครื่องทำความเย็นทำให้เครื่องทำความเย็นดับ เป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงมีสิทธิสั่งสับเปลี่ยนโยกย้ายโจทก์ไปทำหน้าที่พนักงานทั่วไปซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นตำแหน่งต่ำกว่าเดิมหรือทำให้โจทก์ได้รับสิทธิประโยชน์ลดลงโดยโจทก์ยังคงได้ค่าจ้างเท่าเดิม การกระทำของจำเลยไม่เป็นการผิดสภาพการจ้างและไม่เป็นการลงโทษหรือเป็นผลให้โจทก์ซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างไม่สามารถทำงานอยู่ต่อไปได้ อันจะต้องขออนุญาตต่อศาลแรงงานก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโยกย้ายหน้าที่พนักงาน: สิทธิของนายจ้างเมื่อลูกจ้างปฏิบัติงานบกพร่อง
จำเลยไม่ได้บรรจุโจทก์เป็นพนักงานคุมเครื่องทำความเย็นโดยเฉพาะ และไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างห้ามมิให้จำเลยโยกย้ายสับเปลี่ยนหน้าที่โจทก์ ดังนั้นเมื่อโจทก์ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องโดยไม่เติมน้ำเครื่องทำความเย็นทำให้เครื่องทำความเย็นดับ เป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงมีสิทธิสั่งสับเปลี่ยนโยกย้ายโจทก์ไปทำหน้าที่พนักงานทั่วไปซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นตำแหน่งต่ำกว่าเดิมหรือทำให้โจทก์ได้รับสิทธิประโยชน์ลดลงโดยโจทก์ยังคงได้ค่าจ้างเท่าเดิม การกระทำของจำเลยไม่เป็นการผิดสภาพการจ้างและไม่เป็นการลงโทษหรือเป็นผลให้โจทก์ซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างไม่สามารถทำงานอยู่ต่อไปได้ อันจะต้องขออนุญาตต่อศาลแรงงานก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธินายจ้างในการโยกย้ายลูกจ้างเมื่อปฏิบัติงานบกพร่อง และการไม่เข้าข่ายเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง
จำเลยมิได้บรรจุโจทก์ให้เป็นพนักงานคุมเครื่องทำความเย็นโดยเฉพาะ และไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างห้ามมิให้จำเลยโยกย้ายสับเปลี่ยนหน้าที่โจทก์ ดังนั้นเมื่อโจทก์ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องโดยไม่เติม น้ำเครื่องทำความเย็น ทำให้เครื่องทำความเย็นดับ เป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงมีสิทธิสั่งสับเปลี่ยนโยกย้ายโจทก์โดยให้โจทก์ได้ค่าจ้างเท่าเดิมเพื่อไปทำหน้าที่พนักงานทั่วไปได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าตำแหน่งพนักงานทั่วไปเป็นตำแหน่งที่ต่ำกว่าพนักงานคุมเครื่องทำความเย็นหรือโจทก์ได้รับสิทธิประโยชน์ลดลง จึงไม่เป็นการผิดสภาพการจ้างและไม่เป็นการลงโทษหรือเป็นผลให้โจทก์ซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างไม่สามารถทำงานอยู่ต่อไปได้ อันจำเลยจะต้องขออนุญาตต่อศาลแรงงานก่อนตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 52.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่ง
โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่ให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถาทั้งหมด ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ให้โจทก์ทั้งสองนำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยภายใน 7 วัน โจทก์ทั้งสองทราบคำสั่งโดยชอบแล้วแต่ไม่ไปนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ภายในเวลาที่กำหนดเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ศาลอุทธรณ์ย่อมมีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นเสียได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่ง ถือเป็นการทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174(2)
การอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะ บางส่วนเป็นกรณีที่ต้องอยู่ในบทบังคับของการอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. เพื่อให้อีกฝ่ายได้ทราบถึงข้ออุทธรณ์ซึ่งหากมีข้อคัดค้านอย่างใดก็จะได้แก้ อุทธรณ์เพื่อประกอบการพิจารณาของศาล ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่ง และโจทก์ได้ทราบคำสั่งโดยชอบแล้วแต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามกรณีจึงต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 174(2) ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้อง.
of 80