คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสียง ตรีวิมล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3953/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน: เมื่อฟ้องเดิมตกไปแล้ว การฟ้องใหม่ไม่เป็นฟ้องซ้อน แม้จะเกี่ยวกับประเด็นเดียวกัน
เมื่อฟ้องเดิมของโจทก์ถูกยกฟ้องเสียแล้ว ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไปด้วยจึงไม่มีคำฟ้องใดที่ศาลอีก จำเลยอุทธรณ์เฉพาะฟ้องแย้งไม่ได้ เพราะฟ้องโจทก์ถูกยกเสียแล้วศาลก็ต้องยกอุทธรณ์ของจำเลยเสีย ดังนี้ การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3944/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: การรู้เห็นเป็นใจและบทลงโทษสำหรับผู้ร่วมกระทำความผิด
พฤติการณ์แวดล้อมกรณีที่จำเลยที่ 1 โทรศัพท์นัดโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายไปรับจำเลยที่ 1 ณ ปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุตามเวลาที่จำเลยที่ 1 กำหนด โดยไม่ยอมเปลี่ยนสถานที่ แม้โจทก์ร่วมจะได้ขอเปลี่ยนแล้ว ทั้งจำเลยที่ 1 บอกให้โจทก์ร่วมนำเอาทรัพย์ไปมาก ๆ และคนร้ายรู้ข้อมูลต่าง ๆ โดยละเอียดจากจำเลยที่ 1ประกอบกับใจความในจดหมายที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้เขียนบ่งชี้ว่าจำเลยที่ 1 รู้เห็นร่วมแผนการณ์กับคนร้ายในการปล้นเอาทรัพย์ของโจทก์ร่วมและแบ่งหน้าที่มาทำบางส่วน ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1ร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้าย จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวการต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ป.อ. มาตรา 340 ตรี มุ่งหมายที่จะลงโทษให้หนักขึ้นเฉพาะผู้ที่มีอาวุธปืนในการปล้นทรัพย์เท่านั้น มิใช่ว่าผู้ที่ร่วมกระทำการปล้นรายเดียวกันจะต้องระวางโทษหนักขึ้นทุกคน เมื่อปรากฏว่าพวกของจำเลยที่ 1 อีก 2 คนมีอาวุธปืนในการปล้นส่วนจำเลยที่ 1 เพียงแต่รู้เห็นในการปล้น จำเลยที่ 1 มิได้มีอาวุธปืนในการปล้นแต่อย่างใด กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 340 ตรี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3942/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาไม่ชำระหนี้และการฉ้อโกงประชาชน: การโฆษณาหลอกลวงแต่ไม่มีเจตนาทุจริต
จำเลยที่ 1 ได้เปิดกิจการรับซื้อใบยาสูบที่โกดังของจำเลยที่ 1โดยแอบอ้างขึ้นป้ายโฆษณาว่าเป็นสถานที่รวบรวมใบยาสูบของบริษัทบ. มีจำเลยที่ 4 ออกทุนให้ดำเนินการแล้วรวบรวมใบยาสูบส่งไปให้ส.กับพวกนำไปขายแก่บริษัทบ.ในโควตาของจำเลยที่ 5ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ไม่เคยค้างชำระค่าใบยาสูบแก่ผู้ขายรายใดผู้เสียหายได้ปลูกใบยาสูบโดยไม่ชอบและได้นำไปขายที่โกดังของจำเลยที่ 1 โดยรู้ดีว่าไม่ใช่สถานที่รับซื้อใบยาสูบของบริษัท บ.แต่ไม่ได้รับชำระค่าใบยาสูบจากจำเลยที่ 1 เพราะ ส. ยังขายใบยาสูบของผู้เสียหายไม่ได้ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้เพียงว่า จำเลยแอบอ้างชื่อบริษัท บ. ใช้โฆษณาเพื่อให้ประชาชนนำใบยาสูบมาขายให้เท่านั้น จำเลยหาได้มีเจตนาจะไม่ชำระค่าใบยาสูบอันจะถือว่าเป็นการกระทำโดยทุจริตแต่อย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนซึ่งเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ไม่ได้ฎีกาให้ไม่ต้องรับโทษด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3942/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฉ้อโกง - การแอบอ้างชื่อบริษัทเพื่อรวบรวมใบยาสูบ ไม่ถือเป็นเจตนาทุจริตเพื่อไม่ชำระค่าสินค้า
จำเลยที่ 1 ได้เปิดกิจการรับซื้อใบยาสูบที่โกดังของจำเลยที่ 1 โดยแอบอ้างขึ้นป้ายโฆษณาว่าเป็นสถานที่รวบรวมใบยาสูบของบริษัท บ. มีจำเลยที่ 4 ออกทุนให้ดำเนินการแล้วรวบรวมใบยาสูบส่งไปให้ ส.กับพวกนำไปขายแก่บริษัท บ.ในโควตาของจำเลยที่ 5 ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ไม่เคยค้างชำระค่าใบยาสูบแก่ผู้ขายรายใด ผู้เสียหายได้ปลูกใบยาสูบโดยไม่ชอบและได้นำไปขายที่โกดังของจำเลยที่ 1 โดยรู้ดีว่าไม่ใช่สถานที่รับซื้อใบยาสูบของบริษัท บ. แต่ไม่ได้รับชำระค่าใบยาสูบจากจำเลยที่ 1 เพราะ ส.ยังขายใบยาสูบของผู้เสียหายไม่ได้ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้เพียงว่า จำเลยแอบอ้างชื่อบริษัท บ.ใช้โฆษณาเพื่อให้ประชาชนนำใบยาสูบมาขายให้เท่านั้น จำเลยหาได้มีเจตนาจะไม่ชำระค่าใบยาสูบอันจะถือว่าเป็นการกระทำโดยทุจริตแต่อย่างใดไม่การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนซึ่งเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ไม่ได้ฎีกาให้ไม่ต้องรับโทษด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3883/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันภัยต้องมีผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่เอาประกัน หากไม่มีสิทธิในการฟ้อง
เมื่อไม่ปรากฏว่า บ. ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุจากเจ้าของเดิมก่อนนำมาทำสัญญาประกันภัยไว้กับโจทก์ จึงไม่อาจรับฟังว่า บ. เป็นผู้มีส่วนได้เสียในรถคันดังกล่าวขณะที่โจทก์รับประกันภัยไว้ กรมธรรม์ประกันภัยระหว่างโจทก์กับ บ. จึงไม่ผูกพันคู่สัญญา ตาม ป.พ.พ. มาตรา 863 แม้โจทก์จะได้ชดใช้ค่าเสียหายแทน บ. ไปก็ไม่ได้รับช่วงสิทธิตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสาม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3861/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินชำระหนี้เช็คและการรอการลงโทษ: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยการรอการลงโทษได้แม้จะมีการวางเงินชำระหนี้
การที่จำเลยขอวางเงินต่อศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้ตามเช็คแก่โจทก์ จำเลยสามารถทำได้โดยไม่จำต้องได้รับอนุญาตจากศาลอุทธรณ์ส่วนการที่จำเลยขอให้ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยในคำพิพากษาจากข้อเท็จจริงในสำนวนซึ่งศาลอุทธรณ์ก็ได้ทำคำพิพากษาเสร็จแล้ว เมื่อจำเลยยังมิได้วางเงินต่อศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้ตามเช็คแก่โจทก์ จึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะต้อง ทำคำพิพากษาใหม่ ชอบที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยเสียได้ จำเลยอายุ 50 ปี อาชีพค้าขาย สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมีภรรยาและบุตรผู้เยาว์ 4 คน อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู และในระหว่าง การพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยได้บรรเทาผลเสียหายโดยวางเงิน จำนวนตามเช็คต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางเพื่อชำระแก่โจทก์ไม่ปรากฏ ว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน สมควรรอการลงโทษให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3824/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนผู้จัดการมรดกและการใช้บทบัญญัติเรื่องอายุความในคดีมรดก
คดีร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดก ซึ่ง ป.พ.พ. มาตรา 1727บัญญัติให้ผู้มีส่วนได้เสียต้องร้องขอก่อนการปัน มรดก เสร็จสิ้นกรณีมิใช่คดีฟ้องเรียกทรัพย์มรดก หรือคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 และ 1733 ที่จะนำอายุความตามมาตราดังกล่าวมาใช้บังคับ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3824/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนผู้จัดการมรดก: ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอได้ แม้ไม่มีคดีแบ่งมรดก และอายุความคดีไม่ขาด
การร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดกนั้นกฎหมายมิได้บัญญัติบังคับว่า ผู้มีส่วนได้เสียจะต้องร้องขอเข้ามาในคดีเดิม คือในคดีที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกแต่อย่างใดไม่ ดังนั้น แม้จะไม่มีการฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกด้วย ผู้ร้องก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้สั่งถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้จัดการมรดกเป็นคดีใหม่ต่างหากจากคดีเดิมได้
ข้อคัดค้านที่ว่าผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสีย ที่ดินพิพาทไม่ใช่ทรัพย์มรดก เป็นของผู้คัดค้านซื้อมา ผู้คัดค้านมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำคัดค้าน ไม่เป็นประเด็นต้องวินิจฉัย แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยมาก็เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ส่วนปัญหาที่ว่าผู้คัดค้านจดทะเบียนโอนทรัพย์พิพาทเป็นของตนเองหมดแล้ว การจัดการมรดกเสร็จแล้ว แม้ผู้คัดค้านจะยกขึ้นต่อสู้ไว้ แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยและผู้คัดค้านมิได้กล่าวอ้างในคำแก้อุทธรณ์ ปัญหาเรื่องนี้จึงไม่มีประเด็นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ปัญหาข้างต้นจึงถือมิได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรน์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
คดีร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดกนั้น ป.พ.พ. มาตรา 1727 บัญญัติให้ผู้มีส่วนได้เสียต้องร้องขอเสียก่อนที่การปันมรดกเสร็จสิ้นลงเท่านั้น มิใช่คดีฟ้องเรียกทรัพย์มรดกหรือคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดก จึงจะนำอายุความฟ้องคดีมรดกและคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 และ 1733 มาใช้บังคับหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3805/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของข้าราชการ กรณีทุจริตการเบิกจ่ายเงิน การปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อ
ในการจัดทำฎีกาเบิกเงิน จ่าสิบตำรวจ พ. มีหน้าที่รวบรวมใบสำคัญของผู้เบิกและใบแจ้งหนี้ของเจ้าหนี้ให้นายดาบตำรวจ ส.จำเลยที่ 2 และพันตำรวจตรี ว. สมุห์บัญชีกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตรวจพิจารณาเพื่ออนุมัติจัดทำฎีกา เมื่อทำฎีกาและ หน้างบใบสำคัญขึ้นมาแล้วต้องเสนอให้พันตำรวจตรี ว. ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง และต้องส่งหลักฐานการเบิกไปยังคลังจังหวัดพร้อมกับ การวางฎีกา เงินตามฎีกาทุกฉบับที่จ่าสิบตำรวจพ. ยักยอกไปโดย ทุจริตเมื่อรับจากคลังจังหวัดแล้วได้มีการนำมาลงบัญชีรับจ่ายของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดครบถ้วนทุกฎีกา พันตำรวจตรี ว.เป็นผู้เก็บรักษาเงินทั้งหมดไว้เพื่อรอจ่ายแก่ผู้ขอเบิกและเจ้าหนี้แต่พันตำรวจตรีว. ไม่ทำการจ่ายเงินนั้นด้วยตนเองกลับมอบหมายให้จ่าสิบตำรวจ พ. ซึ่งไม่มีหน้าที่ในการจ่ายเงินดังกล่าวตามคำสั่งของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนำเงินไปจ่ายแก่ผู้ขอเบิก และเจ้าหนี้แทน สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการทุจริตเกี่ยวกับการ เงินรายนี้เป็นเพราะพันตำรวจตรี ว. ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของจ่าสิบตำรวจพ.มอบเงินให้จ่าสิบตำรวจพ. นำไปจ่ายโดยไม่มีหน้าที่และไม่กำกับดูแลใกล้ชิด จึงเป็นช่องทางให้จ่าสิบตำรวจ พ. เบียดบังเอาเงินไปเป็นประโยชน์ของตนได้โดยง่าย ทั้งตามคำสั่งกองกำกับการดังกล่าวก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ที่จะต้องเรียกและรวบรวมหลักฐานใบสำคัญประกอบฎีกาที่เบิกเงินแล้วส่งไปยังคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินภายใต้การตรวจตราสอดส่องควบคุมของพันตำรวจตรี ว.โดยตรงไม่ปรากฏว่าขณะที่พันตำรวจโทส.จำเลยที่ 1 ลงนามในฎีกาเบิกเงินมีใบสำคัญครบถ้วนหรือไม่ และไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้มีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยให้จ่าสิบตำรวจ พ. เอาเงินไปเป็นประโยชน์ของตน การที่จำเลยที่ 1ลงนามในฎีกาเบิกเงินดังกล่าวจึงยังถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1จงใจหรือประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่อันเป็นผลโดยตรงเป็นเหตุให้กรมตำรวจโจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3791/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอ/คัดค้านผู้จัดการมรดกเป็นสิทธิเฉพาะตัว สิ้นสุดเมื่อผู้ยื่นคำร้องถึงแก่ความตาย
สิทธิในการร้องขอให้ศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดกก็ดี การคัดค้านการขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกก็ดี เป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ยื่นคำร้องต่อศาล หากผู้ยื่นคำร้องยื่นคำร้องไว้แล้วต่อมาถึงแก่ความตายสิทธินั้นไม่ตกทอดไปยังทายาท และผู้จัดการมรดกของผู้นั้นก็ไม่อาจเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ได้.
of 80