พบผลลัพธ์ทั้งหมด 166 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4427/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินจากสัญญาประนีประนอมยอมความและการโอนสิทธิโดยไม่ชอบ
ส. พี่สาวโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 1ในคดีก่อนแบ่งที่ดินส่วนของ ส. ออกเป็น 3 ส่วนเท่ากันโจทก์ทั้งสองได้คนละหนึ่งส่วน โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่นั้นมาและมีสิทธิติดตามเอาที่ดินพิพาทของตนคืนจากจำเลยที่ 1ได้ เมื่อจำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 และจำเลยที่ 2 และที่ 3 เข้าครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้ที่ดินพิพาทมาขณะยังเป็นผู้เยาว์ และอาศัยอยู่กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอา ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ครอบครองที่ดินพิพาทแทนโจทก์เมื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1และครอบครองต่อมาย่อมได้สิทธิไปเพียงเท่าที่ผู้โอนมีอยู่คือเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนโจทก์จะถือว่าแย่งการครอบครองไม่ได้แม้ยึดถือนานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3776/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ขนส่งมีหน้าที่รับผิดชอบความเสียหายของสินค้า เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าเกิดจากเหตุสุดวิสัย
จำเลยมิได้ให้การโดยชัดแจ้งว่า การกระทำต่าง ๆ ของจำเลยเป็นการกระทำในฐานะตัวแทนของบริษัท ฟ. ซึ่งอยู่ต่างประเทศไม่มีประเด็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำการต่าง ๆในประเทศไทยในฐานะตัวแทนของบริษัทฟ. หรือไม่ จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะไม่รับวินิจฉัยให้ จำเลยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการขนส่ง บริษัทฟ.ซึ่งเป็นผู้ขนส่งไม่มีสำนักงานสาขาในประเทศไทย แต่ได้มอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินการติดต่อกับหน่วยราชการต่าง ๆ ในประเทศไทยเพื่อนำเรือบรรทุกสินค้าของบริษัทฟ. เข้าออกท่าเรือกรุงเทพ ขนสินค้าลงจากเรือและแจ้งการมาถึงของเรือให้เจ้าของสินค้าหรือผู้รับตราส่งทราบ ตลอดจนออกใบปล่อยสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งไปรับสินค้าออกจากท่าเรือ เมื่อปรากฏว่า จำเลยได้แจ้งวันที่เรือสินค้าจะมาถึงท่าเรือกรุงเทพให้ผู้รับตราส่งทราบ เป็นผู้ขออนุมัตินำเรือเข้าเทียบท่าและแจ้งหน่วยราชการต่าง ๆ เกี่ยวกับการขออนุญาตเปิดระวางเรือและขนถ่ายสินค้า ขอเช่าเครื่องมืออุปกรณ์การขนถ่ายสินค้า รับคืนใบตราส่งแลกกับใบปล่อยสินค้า และเพื่อให้ผู้รับตราส่งนำไปขอรับสินค้าจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยมิฉะนั้นจะรับสินค้าไม่ได้ การดำเนินงานของจำเลยในช่วงนี้เป็นขั้นตอนสำคัญของการขนส่งอันจะทำให้สินค้าที่ขนส่งมาถึงผู้รับตราส่ง และจะขาดช่วยนี้เสียมิได้ มิฉะนั้นการขนส่งจะชะงักนอกจากนี้เมื่อผู้ส่งยังไม่ได้ชำระค่าระวางในการขนส่งโดยให้มาเก็บค่าระวางปลายทาง จำเลยก็มีสิทธิเก็บค่าระวางขนส่งเสียก่อนที่จะออกใบปล่อยสินค้าให้ผู้รับตราส่ง ส่วนบุคคลผู้ที่ขนถ่ายสินค้าลงจากเรือไม่ว่าจำเลยจะใช้พนักงานของจำเลยหรือผู้อื่นทำการขนถ่ายก็ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยซึ่งเป็นเรื่องวิธีดำเนินการค้าระหว่างบริษัทฟ. กับจำเลยโดยจำเลยได้รับบำเหน็จจากทางการค้าตามปกติของตน จึงถือว่าจำเลยเป็นผู้ทำการขนส่ง นอกจากจำเลยจะดำเนินการดังกล่าวแก่สินค้าขาเข้าแล้ว จำเลยยังดำเนินการเกี่ยวกับการขนสินค้าขาออกจากประเทศไทยให้แก่บริษัทฟ. ด้วย พฤติการณ์ที่จำเลยเข้าเกี่ยวข้องดำเนินงานดังกล่าวเป็นลักษณะร่วมประกอบธุรกิจขนส่งด้วยกันอันเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเลโดยจำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดในการสูญหายหรือบุบสลายของสินค้าที่ขนส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 จำเลยให้การว่า ผู้ส่งทำการบรรจุหีบห่อสินค้าไม่ดี เมื่อสินค้าสูญหายไปในระหว่างขนส่ง ผู้ส่งจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบบริษัทฟ. ผู้ขนส่งหรือจำเลยไม่ต้องรับผิด แต่จำเลยอุทธรณ์ว่าการซื้อขายสินค้าพิพาทเป็นการซื้อขายระบบซีแอนด์เอฟซึ่งสิทธิทั้งหลายจะตกแก่ผู้รับตราส่งเมื่อของหรือสินค้าได้ถึงตำบลที่กำหนดให้ส่งและผู้รับตราส่งได้เรียกให้ส่งมอบของหรือสินค้าแล้ว แต่ปรากฏว่าสินค้าพิพาทสูญหายก่อนส่งมอบให้แก่ผู้รับตราส่งจึงเป็นเรื่องที่ผู้ส่งจะต้องไปว่ากล่าวกับผู้ขนส่งผู้รับตราส่งยังไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ขนส่ง เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าข้ออุทธรณ์ของจำเลยไม่ตรงกับที่จำเลยให้การไว้ จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะไม่รับวินิจฉัยให้ ภาระการพิสูจน์ว่าสินค้าที่ขนส่งสูญหายไปเพราะสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ตกแก่ผู้ขนส่งแม้จะปรากฏว่าขณะเรือบรรทุกสินค้ารายพิพาทมาได้ถูกมุรสมอย่างรุนแรงระหว่างทางก็ตาม แต่ผู้ขนส่งไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาแสดงให้เห็นว่า หีบที่บรรจุสินค้ารายพิพาทได้แตกและสินค้าได้สูญหายไปเพราะเรือโดนมรสุมดังกล่าว และไม่มีพยานยืนยันแน่ชัดว่าหีบที่บรรจุสินค้าพิพาทแตกชำรุดขณะใด จึงยังถือไม่ได้ว่าสินค้าพิพาทได้สูญหายไปเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ผู้ขนส่งต้องรับผิดเพื่อความสูญหายนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3712/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถาน: การเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควรและความเข้าใจร่วมในการเข้าออก
ในคืนเกิดเหตุจำเลยซึ่งไม่มีอาวุธอะไรติดตัวได้เข้ามาเรียกผู้เสียหายที่หน้าประตูบ้านของผู้เสียหาย ให้ออกมาพูดกันให้รู้เรื่อง ผู้เสียหายไม่ออกไปแต่บอกให้จำเลยกลับไป พรุ่งนี้เช้าค่อยมาพูดกันใหม่ จำเลยก็ไม่กลับ เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะมาปรับความเข้าใจกับผู้เสียหายเกี่ยวกับเรื่องจำเลยสอบถามจะซื้อรถเข็นที่ทราบว่าผู้เสียหายจะขาย และข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยไปมาหาสู่บ้านผู้เสียหายบ่อยครั้ง จึงถือได้ว่าผู้เสียหายได้อนุญาตให้จำเลยเข้าออกในที่ดินและบ้านเรือนของผู้เสียหายได้เสมอ ที่ผู้เสียหายบอกให้จำเลยกลับบ้านไปพรุ่งนี้ค่อยมาพูดกัน มิใช่หมายความว่าผู้เสียหายไล่จำเลยออกไปจากที่ดินและบ้านเรือนของผู้เสียหายเป็นเพียงแต่ผู้เสียหายขอให้จำเลยเลื่อนไปพูดจาปรับความเข้าใจกันในวันรุ่งขึ้นเท่านั้นจำเลยจึงมีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในที่ดินและเคหสถานของผู้เสียหาย ไม่มีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3712/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถาน: การอนุญาตเข้าออกและการเจตนาเพื่อปรับความเข้าใจ
ในคืนเกิดเหตุจำเลยซึ่งไม่มีอาวุธอะไรติดตัวได้เข้ามาเรียกผู้เสียหายที่หน้าประตูบ้านของผู้เสียหาย ให้ออกมาพูดกันให้รู้เรื่อง ผู้เสียหายไม่ออกไป แต่บอกให้จำเลยกลับไป พรุ่งนี้เช้าค่อยมาพูดกันใหม่ จำเลยก็ไม่กลับเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะมาปรับความเข้าใจกับผู้เสียหายเกี่ยวกับเรื่องจำเลยสอบถามจะซื้อรถเข็นที่ทราบว่าผู้เสียหายจะขาย และข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยไปมาหาสู่บ้านผู้เสียหายบ่อยครั้ง จึงถือได้ว่าผู้เสียหายได้อนุญาตให้จำเลยเข้าออกในที่ดินและบ้านเรือนของผู้เสียหายได้เสมอ ที่ผู้เสียหายบอกให้จำเลยกลับบ้านไปพรุ่งนี้ค่อยมาพูดกันมิใช่หมายความว่าผู้เสียหายไล่จำเลยออกไปจากที่ดินและบ้านเรือนของผู้เสียหายเป็นเพียงแต่ผู้เสียหายขอให้จำเลยเลื่อนไปพูดจาปรับความเข้าใจกันในวันรุ่งขึ้นเท่านั้น จำเลยจึงมีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในที่ดินและเคหสถานของผู้เสียหาย ไม่มีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3629/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตระบุพยานเพิ่มเติมหลังสืบพยานหลักฐานเสร็จสิ้น หากประเด็นที่จะสืบไม่สำคัญต่อการวินิจฉัย
จำเลยยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมโดยขอเปลี่ยนตัวพยานจากร.มาเป็นท. ภายหลังจากโจทก์ซึ่งมีหน้าที่สืบพยานก่อนได้สืบพยานหลักฐานเสร็จแล้ว ในคำร้องอ้างเหตุเพียงว่า ร.ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการและพนักงานของจำเลยแล้ว ไม่สามารถตามตัวได้ มิได้อ้างเหตุที่เกี่ยวกับพยานที่ระบุเพิ่มเติมซึ่งไม่ใช่เหตุอันสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสามที่ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมได้ ทั้งประเด็นที่จะสืบ ท. ก็มีเพียงเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยและกิจการของจำเลยซึ่งโจทก์ได้นำสืบยอมรับแล้วว่าจำเลยมีความรับผิดตามข้อความในกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้น ดังนั้นประเด็นที่จำเลยจะสืบ ท. จึงไม่ใช่ข้อสำคัญแห่งประเด็นที่จำเลยจำเป็นจะต้องนำสืบเพื่อให้คำวินิจฉัยของศาลเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ชอบที่จะไม่อนุญาตให้จำเลยระบุ ท.เป็นพยานเพิ่มเติม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3629/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตระบุพยานเพิ่มเติมหลังสืบพยานหลักฐานเสร็จสิ้น ต้องพิจารณาเหตุผลความจำเป็นและประเด็นสำคัญที่ต้องสืบ
จำเลยยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมโดยขอเปลี่ยนตัวพยานจาก ร. มาเป็น ท. ภายหลังจากโจทก์ซึ่งมีหน้าที่สืบพยานก่อนได้สืบพยานหลักฐานเสร็จแล้ว ในคำร้องอ้างเหตุเพียงว่า ร. ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการและพนักงานของจำเลยแล้ว ไม่สามารถตามตัวได้ มิได้อ้างเหตุที่เกี่ยวกับพยานที่ระบุเพิ่มเติมซึ่งไม่ใช่เหตุอันสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม ที่ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมได้ ทั้งประเด็นที่จะสืบ ท. ก็มีเพียงเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยและกิจการของจำเลยซึ่งโจทก์ได้นำสืบยอมรับแล้วว่าจำเลยมีความรับผิดตามข้อความในกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้นดังนั้น ประเด็นที่จำเลยจะสืบ ท. จึงไม่ใช่ข้อสำคัญแห่งประเด็นที่จำเลยจำเป็นจะต้องนำสืบเพื่อให้คำวินิจฉัยของศาลเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ชอบที่จะไม่อนุญาตให้จำเลยระบุ ท. เป็นพยานเพิ่มเติม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3312/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดหากผู้เอาประกันภัยไม่มีความรับผิดต่อผู้เสียหาย
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ให้ รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์โดยสารอันเป็นรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายครั้งนี้แม้ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของ ย.ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวของ ย.และย. กับห้างหุ้นส่วนจำกัดศ. เป็นผู้เอาประกันภัยค้ำจุนไว้แก่จำเลยที่ 3 แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะอะไรของ ย.กับห้างหุ้นส่วนจำกัดศ. และมีนิติสัมพันธ์กันอย่างไรกับบุคคลทั้งสองนั้น อัน เป็นเหตุให้ ย. กับห้างหุ้นส่วนจำกัดศ. ต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อ ย.กับห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. ต้องรับผิด ในเมื่อตามฟ้องไม่ปรากฏว่าย.กับห้างหุ้นส่วนจำกัดศ. จะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3312/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนเมื่อผู้เอาประกันภัยยังไม่รับผิดต่อความเสียหาย
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์โดยสารอันเป็นรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายครั้งนี้ แม้ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของ ย. ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวของ ย. และ ย. กับห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. เป็นผู้เอาประกันภัยค้ำจุนไว้แก่จำเลยที่ 3 แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะอะไรของ ย.กับห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. และมีนิติสัมพันธ์กันอย่างไรกับบุคคลทั้งสองนั้น อันจะเป็นเหตุให้ ย. กับห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. ต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อ ย. กับห้างหุ้นส่วนจำกัดศ. ต้องรับผิด ในเมื่อตามฟ้องไม่ปรากฏว่า ย. กับห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. จะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้วจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3312/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดหากผู้เอาประกันภัยไม่มีความรับผิดตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์โดยสารอันเป็นรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายครั้งนี้ แม้ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของ ย.ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวของย.และย. กับห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. เป็นผู้เอาประกันภัยค้ำจุนไว้แก่จำเลยที่ 3 แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะอะไรของ ย.กับห้างหุ้นส่วนจำกัดศ. และมีนิติสัมพันธ์กันอย่างไรกับบุคคลทั้งสองนั้น อันจะเป็นเหตุให้ ย.กับห้างหุ้นส่วนจำกัดศ. ต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อ ย. กับห้างหุ้นส่วนจำกัดศ.ต้องรับผิดในเมื่อตามฟ้องไม่ปรากฏว่าย. กับห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. จะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้วจำเลยที่ 3ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3260/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์และข่มขืนกระทำชำเรา การกระทำโดยเจตนาเข้าถือโอกาสจากผู้เยาว์และร้ายแรงไม่สมควรรอการลงโทษ
จำเลยอายุ 22 ปี จบการศึกษาชั้น ม.ศ. 3 มีภรรยาและมีบุตรด้วยกัน 1 คน จำเลยรับจ้างซ่อมตู้เย็น จำเลยรู้สึกผิดชอบดีแล้วการที่ผู้เสียหายขอให้จำเลยช่วยพาไปอยู่ที่อื่นเพราะทะเลาะวิวาทกับบิดา จำเลยน่าจะแนะนำตักเตือนผู้เสียหายในทางที่ดีจำเลยกลับช่วยพาผู้เสียหายหนีบิดามารดาไปค้างคืนที่อื่น และร่วมประเวณีกับผู้เสียหายเช่นนี้ จำเลยมีเจตนาเข้าถือโอกาสจากผู้เสียหายซึ่งยังมีอายุน้อยเบาปัญญาและยังไม่รู้สึกผิดและชอบชั่วดี พาไปเพื่อการอนาจาร นับว่าการกระทำผิดของจำเลยร้ายแรงไม่สมควรที่จะรอการลงโทษ