คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สง่า ศิลปประสิทธิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 504 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้แทนเฉพาะคดีสำหรับผู้วิกลจริตต้องกระทำก่อนการเสียชีวิตของผู้เสียหาย
การร้องขอตั้งผู้แทนเฉพาะคดีของผู้วิกลจริตตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 6 นั้น ต้องเป็นกรณีผู้วิกลจริตยังมีชีวิตอยู่ ฉะนั้นการที่ ต. ผู้วิกลจริตถึงแก่กรรมไปก่อนวันนัดไต่สวนคำร้องของตั้งผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์แล้ว ดังนี้ ไม่อาจตั้งโจทก์เป็นผู้แทนเฉพาะคดีของSต. ได้
ผู้แทนเฉพาะคดีที่ฟ้องแทนผู้เสียหายจะมีอำนาจว่าคดีแทนผู้เสียหายที่ตายลงต่อไปได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 29 นั่น หมายถึงกรณีที่ศาลได้ตั้งผู้แทนเฉพาะคดีของผู้เสียหายไว้ก่อนแล้วที่ผู้เสียหายตาย หาได้หมายรวมถึงกรณีผู้เสียหายได้ตายไปก่อนที่ศาลจะตั้งผู้แทนเฉพาะคดีด้วยไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้แทนเฉพาะคดีของผู้ตาย: ศาลไม่อาจตั้งผู้แทนให้ผู้ถึงแก่กรรม แม้จะอ้างว่าเป็นผู้วิกลจริต
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ตั้งโจทก์เป็นผู้แทนเฉพาะคดีของ ต. และมีอำนาจฟ้องคดีแทน ต. เมื่อปรากฏว่า ต. ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นผู้วิกลจริตถึงแก่กรรมไปก่อนวันนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าวแล้ว ศาลก็ไม่อาจตั้งโจทก์เป็นผู้แทนเฉพาะคดีของ ต. ได้ เพราะ ต. ไม่ใช่ผู้วิกลจริตดังที่โจทก์กล่าวอ้างต่อไป
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า ถ้าผู้เสียหายที่ตายนั้นเป็นผู้วิกลจริตซึ่งผู้แทนเฉพาะคดีได้ยื่นฟ้องแทนไว้แล้ว ผู้ฟ้องแทนนั้นจะว่าคดีต่อไปก็ได้นั้น หมายถึงกรณีที่ศาลได้ตั้งผู้แทนเฉพาะคดีของผู้เสียหายไว้แล้วก่อนที่ผู้เสียหายตาย หาได้หมายความรวมถึงกรณีนี้ซึ่งผู้เสียหายได้ตายไปเสียก่อนที่ศาลจะตั้งผู้แทนเฉพาะคดีด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: ที่อยู่ของจำคุกในเรือนจำ ไม่ถือเป็น 'ที่อยู่' ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จำเลยไม่เคยมีถิ่นที่อยู่หรือถูกจับหรือทำการสอบสวนในเขตศาลจังหวัดนนทบุรี แม้ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจังหวัดนครปฐม ให้จำคุกตลอดชีวิต และถูกส่งตัวมารับโทษจำคุกที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ก็ไม่อาจถือได้ว่าเรือนจำกลางบางขวางเป็นที่อยู่ของจำเลย ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22(1) ศาลจังหวัดนนทบุรีจึงไม่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: ที่อยู่ของจำคุกในเรือนจำไม่ใช่ภูมิลำเนาตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จำเลยไม่เคยมีถิ่นที่อยู่หรือถูกจับหรือทำการสอบสวนในเขตศาลจังหวัดนนทบุรี แม้ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจังหวัดนครปฐมให้จำคุกตลอดชีวิตและถูกส่งตัวมารับโทษจำคุกที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ก็ไม่อาจถือได้ว่าเรือนจำกลางบางขวางเป็นที่อยู่ของจำเลย ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 22(1) ศาลจังหวัดนนทบุรีจึงไม่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: ที่อยู่จำเลยและการพิจารณาคดีนอกเขตอำนาจ
ความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์จำเลยไม่เคยมีถิ่น ที่อยู่หรือถูกจับหรือทำการสอบสวนในเขตศาลจังหวัด นนทบุรี แม้ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต้อง คำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจังหวัด นครปฐม ให้จำคุกตลอดชีวิต และถูก ส่งตัวมารับโทษจำคุกที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัด นนทบุรี ตาม ระเบียบของ กรมราชทัณฑ์ ก็ไม่อาจถือได้ว่าเรือนจำกลางบางขวางเป็นที่อยู่ของจำเลย ตาม ความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 22(1) ศาลจังหวัด นนทบุรี จึงไม่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมจากการสัญญาซื้อขายที่ดิน: สิทธิของทายาทในการบังคับใช้สิทธิทางภาระจำยอม
จ. ทำสัญญาขายที่ดินในโฉนด บางส่วนทางด้าน ติดถนน ให้จำเลยตาม สัญญาซื้อขายระบุว่า จำเลยสัญญาและรับรองจะเว้น ที่ดินทางขวามือเป็นถนน กว้าง 3 เมตร ยาวจดที่ดินของจำเลยให้ จ. มีสิทธิเดิน และใช้ รถยนต์ เข้าไปถึง ที่ดินส่วนที่เหลือของ จ. ได้ตลอดไป ดังนี้ ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นข้อสัญญาก่อตั้งภาระจำยอมในทางพิพาทเมื่อ จ. ตาย โจทก์ในฐานะ ทายาทผู้รับมรดกที่ดินส่วนที่เหลือของ จ. ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยซึ่ง เป็นคู่สัญญาให้ไปจดทะเบียนทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินที่มีข้อกำหนดเว้นที่ดินเป็นทางภารจำยอม ทายาทมีสิทธิบังคับให้จดทะเบียนได้
จ. ทำสัญญาขายที่ดินในโฉนดบางส่วนทางด้านติดถนนให้จำเลยตามสัญญาซื้อขายระบุว่า จำเลยสัญญาและรับรองจะเว้นที่ดินทางขวามือเป็นถนนกว้าง 3 เมตร ยาวจดที่ดินของจำเลยให้ จ. มีสิทธิเดินและใช้รถยนต์เข้าไปถึงที่ดินส่วนที่เหลือของ จ.ได้ตลอดไป ดังนี้ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นข้อสัญญาก่อตั้งภารจำยอมในทางพิพาท เมื่อจ. ตาย โจทก์ในฐานะทายาทผู้รับมรดกที่ดินส่วนที่เหลือของ จ.ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญาให้ไปจดทะเบียนทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเว้นทางภาระจำยอม ทายาทมีสิทธิบังคับคู่สัญญาจดทะเบียนได้
จ. ทำสัญญาขายที่ดินในโฉนดบางส่วนทางด้านติดถนนให้จำเลยตามสัญญาซื้อขายระบุว่า จำเลยสัญญาและรับรองจะเว้นที่ดินทางขวามือเป็นถนนกว้าง 3 เมตร ยาวจดที่ดินของจำเลยให้ จ. มีสิทธิเดินและใช้รถยนต์เข้าไปถึงที่ดินส่วนที่เหลือของ จ. ได้ตลอดไป ดังนี้ ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นข้อสัญญาก่อตั้งภาระจำยอมในทางพิพาท เมื่อ จ. ตาย โจทก์ในฐานะทายาทผู้รับมรดกที่ดินส่วนที่เหลือของ จ. ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญาให้ไปจดทะเบียนทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาจำกัดเฉพาะผู้ใช้สิทธิอุทธรณ์ การไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์ทำให้หมดสิทธิฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เฉพาะแต่โจทก์เท่านั้นที่อุทธรณ์ ส่วนโจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ด้วย จึงเป็นกรณีที่โจทก์ร่วมไม่มีข้อที่จะคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์ฎีกาจำกัดเฉพาะผู้ที่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมไม่อุทธรณ์จึงหมดสิทธิ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เฉพาะแต่โจทก์เท่านั้นที่อุทธรณ์ส่วนโจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ด้วย จึงเป็นกรณีที่โจทก์ร่วมไม่มีข้อที่จะคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิฎีกา.
of 51