พบผลลัพธ์ทั้งหมด 504 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถโดยสาร หักเลี้ยวเข้าช่องทางกะทันหันและไม่ให้สัญญาณ ทำให้รถจักรยานยนต์ชนท้ายจนถึงแก่ความตาย
จำเลยขับรถโดยสารในช่องเดินรถช่องที่ 2 แล้วเบนหัวรถเข้ามาในช่องที่ 1 โดยกะทันหันและไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อให้ผู้ตายซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมารู้ตัวล่วงหน้า และในขณะเดียวกันจำเลหยก็ชะลอรถเพื่อเข้าจอดผู้ตายไม่ทันระวังตัวจึงขับรถชนท้ายรถยนต์โดยสารที่จำเลยขับเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2859/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คโดยไม่มีเจตนาให้ใช้ได้เพียงพอต่อการฟ้องความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ โดยธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอ้างว่ามีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงิน แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตในการห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็ค แต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องว่า จำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2859/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คโดยรู้ว่าจะไม่มีเงินพอ ชี้ขาดความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ โดยธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างว่ามีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงิน แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต ในการห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คแต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องว่า จำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ฟ้องโจทก์จึงเป็นการฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม กรณีโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกินหนึ่งปี แม้ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 3 กระทง ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 6เดือนปรับ 1,500 บาท ฐานมีเครื่องกระสุนปืน ปรับ 2,500 บาท ฐานมีวัตถุระเบิดจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 1,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปีกรณียังถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงเกินหนึ่งปีแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้โทษทั้ง 3 กระทง โดยบางกระทงแก้จากโทษปรับเป็นให้จำคุกสถานเดียวและไม่รอการลงโทษอันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่โทษแต่ละกระทงศาลอุทธรณ์ยังคงให้จำคุกไม่เกินหนึ่งปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ. มาตรา 219.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และประเด็นรอการลงโทษเป็นดุลยพินิจ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 6 เดือนและปรับ 6,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษไว้ กรณีถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับ อันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ถือว่าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาล ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์แก้โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี แม้มีการเปลี่ยนแปลงการรอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 6 เดือนและปรับ 6,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษไว้ กรณีถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับ อันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ถือว่าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาล ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2680/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาททางถนน: หน้าที่ลดความเร็วที่ทางร่วม และการพิสูจน์ความเร็วจากการชน
การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่รถทุกเส้นทางที่มาบรรจบทางร่วมทางแยกจะต้องลดความเร็วลง ให้อยู่ในอัตราความเร็วต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงภยันตรายอันอาจเกิดจากการชนกันระหว่างรถที่กำลังแล่นผ่าน หาใช่ว่าผู้ที่ขับมาในทางเอกจะใช้ความเร็วในอัตราสูง โดยขับผ่านทางร่วมทางแยกไปโดยปราศจากความรั้งรอ ไม่ว่าจะมีรถในทางเดินรถทางโทแล่นมาถึงพร้อมกันหรือไม่เมื่อจำเลยที่1 ได้ขับรถแล่นเข้าไปในทางร่วมที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูง ทั้งที่ควรลดความเร็วลงเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดเหตุขึ้น ทำให้ชนกับรถคันที่จำเลยที่ 2 ขับมา เป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บ ย่อมถือได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นผลจากความประมาทของจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2680/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถทางร่วม: หน้าที่ลดความเร็วเพื่อความปลอดภัย
การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่รถทุกเส้นทางที่มาบรรจบทางร่วมทางแยกจะต้องลดความเร็วลงให้อยู่ในอัตราความเร็วต่ำ เพื่อหลีกเลี่ยงภยันตรายอันอาจเกิดจากการชนกันระหว่างรถที่กำลังแล่นผ่าน หาใช่ว่าผู้ที่ขับมาในทางเอกจะใช้ความเร็วในอัตราสูงโดยขับผ่านทางร่วมทางแยกไปโดยปราศจากความรั้งรอ ไม่ว่าจะมีรถในทางเดินรถทางโทแล่นมาถึงพร้อมกันหรือไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ขับรถแล่นเข้าไปในทางร่วมที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูง ทั้งที่ควรลดความเร็วลงเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดเหตุขึ้น ทำให้ชนกับรถคันที่จำเลยที่ 2 ขับมา เป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บ ย่อมถือได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นผลจากความประมาทของจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2680/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถที่ทางร่วมทางแยก: หน้าที่ลดความเร็วเพื่อความปลอดภัย
การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่รถทุกเส้นทางที่มาบรรจบทางร่วมทางแยกจะต้องลดความเร็วลงให้อยู่ในอัตราความเร็วต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงภยันตรายอันอาจเกิดจากการชนกันระหว่างรถที่กำลังแล่นผ่าน หาใช่ว่าผู้ที่ขับมาในทางเอกจะใช้ความเร็วในอัตราสูง โดยขับผ่านทางร่วมทางแยกไปโดยปราศจากความรั้งรอ ไม่ว่าจะมีรถในทางเดินรถทางโทแล่นมาถึงพร้อมกันหรือไม่เมื่อจำเลยที่1 ได้ขับรถแล่นเข้าไปในทางร่วมที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูง ทั้งที่ควรลดความเร็วลงเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดเหตุขึ้น ทำให้ชนกับรถคันที่จำเลยที่ 2 ขับมา เป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บ ย่อมถือได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นผลจากความประมาทของจำเลยที่ 1 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2641/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแพร่ภาพลามกโดยไม่ได้เจตนา ไม่ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287
การที่จำเลยทำหน้าที่ควบคุมการฉายภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ได้นำแถบบันทึกภาพลามกมาอัดภาพยนตร์จีนที่กำลังแพร่ภาพเพื่อใช้เป็นการส่วนตัว แต่ได้เกิดเหตุขัดข้องทางด้านเทคนิคการส่งภาพทำให้ภาพลามกที่บันทึกไว้ออกไปปรากฏทางเครื่องรับโทรทัศน์นั้น เหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นไปในลักษณะบังเอิญ จำเลยมิได้มีเจตนาที่จะแพร่ภาพลามกนั้นออกไปสู่สาธารณะ จึงหามีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา287 ไม่.