คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สง่า ศิลปประสิทธิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 504 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3149/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อยังไม่คืนรถ
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลย หากโจทก์จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก็อาจทำได้ด้วยการส่งมอบรถยนต์คืนแก่จำเลย ดังนั้นเมื่อโจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาโดยยังครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้ออยู่ การบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3149/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากผู้เช่าซื้อยังครอบครองทรัพย์สิน
โจทก์ผู้เช่าซื้อจะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก็อาจทำได้ด้วยการส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อกลับคืนให้แก่จำเลย การที่โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยโจทก์ยังครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้ออยู่ การบอกเลิกสัญญาจึงไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 573.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3149/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อยังไม่ส่งมอบรถยนต์คืน
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลย หากโจทก์จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก็อาจทำได้ด้วยการส่งมอบรถยนต์คืนแก่จำเลย ดังนั้น เมื่อโจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาโดยยังครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้ออยู่ การบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สาธารณสมบัติ: สิทธิครอบครองและการเช่าที่ดิน สิทธิครอบครองสิ้นสุดเมื่อให้เช่า
สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) นั้น ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ไม่ คงมีแต่สิทธิดีกว่าผู้อื่น ซึ่งสิทธิดังกล่าวจะมีอยู่ตลอดเวลาที่ครอบครองเท่านั้น เมื่อผู้ครอบครองให้เช่าที่ดินไปแล้ว สิทธิดีกว่าผู้อื่นก็สิ้นไปโดยผู้เช่าย่อมเป็นผู้มีสิทธิดีกว่าผู้อื่นต่อไปดังนั้น การที่โจทก์ให้ บ. เช่าที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่โจทก์ยึดถือครอบครองไป จึงเป็นการมอบการยึดถือครอบครองให้แก่ บ. โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ยึดถือครอบครองที่ดินดังกล่าวสืบต่อจาก บ. ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่สาธารณสมบัติ: การครอบครองและการเช่าทำให้สิทธิเหนือผู้อื่นสิ้นสุดลง
สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304(2) นั้นผู้ใดหามีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ไม่ คงมีแต่สิทธิดีกว่าผู้อื่น ซึ่งสิทธิดังกล่าวจะมีอยู่ตลอดเวลาที่ครอบครองเท่านั้นเมื่อผู้ครอบครองให้เช่า ที่ดินไปแล้วสิทธิดีกว่าผู้อื่นก็สิ้นไปโดยผู้เช่าย่อมเป็นผู้มีสิทธิดีกว่าผู้อื่นต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2863/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ประกันภัยเกินอายุความ จำเลยมิอาจยกข้อต่อสู้ได้
โจทก์เอาประกันวินาศภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย ต่อมาโจทก์ถูกบุคคลภายนอกฟ้องให้รับผิดในมูลละเมิดอันเกิดจากการที่ลูกจ้างของโจทก์ขับรถยนต์โดยประมาทเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2521 ศาลพิพากษาให้โจทก์รับผิด คดีถึงที่สุด จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่บุคคลภายนอกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2525 เกินกว่า 2 ปี นับแต่วินาศภัยเกิดขึ้นแต่ไม่เต็มจำนวนหนี้ทั้งหมดตามคำพิพากษานั้น เช่นนี้เท่ากับจำเลยยอมรับปฏิบัติตามความผูกพันที่มีอยู่ในสัญญาประกันวินาศภัยที่โจทก์ได้ทำไว้กับจำเลย จึงเป็นการชำระหนี้ในขณะที่สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันวินาศภัยที่เกี่ยวกับวินาศภัยครั้งนี้ขาดอายุความแล้ว ถือได้ว่าจำเลยละเลยซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันวินาศภัยส่วนที่ยังขาดอยู่ จำเลยจะยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความในจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนที่ยังขาดอยู่อีกนั้นหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2863/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เกินอายุความในสัญญาประกันวินาศภัย จำเลยไม่อาจยกอายุความได้
โจทก์เอาประกันวินาศภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย ต่อมาโจทก์ถูกบุคคลภายนอกฟ้องให้รับผิดในมูลละเมิดอันเกิดจากการที่ลูกจ้างของโจทก์ขับรถยนต์โดยประมาท เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2521 ศาลพิพากษาให้โจทก์รับผิด คดีถึงที่สุด จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่บุคคลภายนอกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2525 เกินกว่า 2 ปี นับแต่วินาศภัยเกิดขึ้นแต่ไม่เต็มจำนวนหนี้ทั้งหมดตามคำพิพากษานั้น เช่นนี้เท่ากับจำเลยยอมรับปฏิบัติตามความผูกพันที่มีอยู่ในสัญญาประกันวินาศภัยที่โจทก์ได้ทำไว้กับจำเลย จึงเป็นการชำระหนี้ในขณะที่สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันวินาศภัยที่เกี่ยวกับวินาศภัยครั้งนี้ขาดอายุความแล้ว ถือได้ว่าจำเลยละเลยซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันวินาศภัยส่วนที่ยังขาดอยู่ จำเลยจะยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความในจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนที่ยังขาดอยู่อีกนั้นหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2863/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาประกันวินาศภัย: การชำระหนี้เกิน 2 ปี หลังเกิดเหตุวินาศภัย ทำให้จำเลยละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ
โจทก์ได้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย ในระหว่างอายุสัญญาลูกจ้างโจทก์กระทำละเมิดต่อ ป. จำเลยมิได้เป็นผู้กระทำละเมิดต่อ ป. การที่จำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่ ป. ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้โจทก์ชำระค่าเสียหายแก่ ป. จึงเป็นการที่จำเลยยอมรับปฏิบัติตามความผูกพันที่มีอยู่ในสัญญาประกันวินาศภัยที่โจทก์ได้ทำไว้กับจำเลยปรากฏว่าเหตุวินาศภัยรายนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2521 แต่จำเลยยอมชำระค่าเสียหายให้แก่ ป.เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2525 เป็นเวลาเกินกว่า 2 ปีนับแต่ที่วินาศภัยเกิดขึ้น จึงเป็นการชำระหนี้ในขณะที่สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันวินาศภัยที่เกี่ยวกับวินาศภัยครั้งนี้ขาดอายุความแล้วถือได้ว่าจำเลยละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 192ดังนั้น เมื่อโจทก์คดีนี้ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันวินาศภัยส่วนที่ยังขาดอยู่ จำเลยจึงจะยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความในจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนที่ยังขาดอยู่อีกนั้น หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2759/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมต้องได้รับความยินยอมจากมารดาผู้เยาว์ หากไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ศาลเพิกถอนได้
การจดทะเบียนรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมโดยมารดาของผู้เยาว์ดังกล่าวมิได้ให้ความยินยอมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลตามกฎหมายศาลเพิกถอนการรับบุตรบุญธรรมนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2759/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดาผู้ให้บุตร การจดทะเบียนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายจึงไม่สมบูรณ์
การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมที่ผู้เป็นบุตรบุญธรรมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องได้รับความยินยอมของบิดามารดาผู้เป็นบุตรบุญธรรมด้วยดังนั้น เมื่อมารดาของผู้เป็นบุตรบุญธรรมมิได้ให้ความยินยอมการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมจึงไม่สมบูรณ์
แม้ทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมจะเป็นเอกสารมหาชนก็มิใช่ข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาดที่จะให้รับฟังตามนั้น จึงนำพยานมาสืบหักล้างได้.
of 51