คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สง่า ศิลปประสิทธิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 504 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนใบอนุญาตสมาคมและการสิ้นสภาพกรรมการ: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องอาญา
การที่จำเลยที่ 1 ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งสมาคม ศ. เป็นการกระทำต่อสมาคม ศ. ซึ่งเป็นนิติบุคคล มิได้กระทำต่อโจทก์ทั้งเจ็ดซึ่งเป็นคณะกรรมการของสมาคม ศ. เป็นส่วนตัว และเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะนายทะเบียนสมาคมจังหวัดได้ประกาศขีดชื่อสมาคม ศ.ออกจากทะเบียนสมาคมแล้ว อันเป็นเหตุให้สมาคม ศ.ต้องเลิกไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1292(7) ไม่ได้เป็นนิติบุคคลอีกต่อไป โจทก์ทั้งเจ็ดซึ่งเป็นกรรมการของสมาคม ศ. ในขณะนั้นจึงต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการของสมาคม ศ. ไปด้วย ไม่มีอำนาจหน้าที่หรือความสัมพันธ์ใด ๆ เกี่ยวข้องกันอีก แม้โจทก์ทั้งเจ็ดจะได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ทั้งเจ็ดได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยามจากบุคคลอื่น และอาจถูกสมาชิกของสมาคม ศ. เรียกร้องค่าเสียหายได้นั้นก็เป็นความรู้สึกและคาดคิดส่วนตัวของโจทก์ทั้งเจ็ดเอง ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งเจ็ดได้รับความเสียหายเนื่องจากการออกคำสั่งของจำเลยที่ 1ดังกล่าว โจทก์ทั้งเจ็ดจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยอันจะมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2090/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าหากพิจารณาใหม่แล้วมีโอกาสชนะคดี
คำขอให้มีการพิจารณาใหม่ ต้องมีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 คำร้องของจำเลยระบุเพียงว่า ขณะจำเลยถูกโจทก์ฟ้อง จำเลยทำงานอยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย จำเลยจึงขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา หากจำเลยไม่ขาดนัดพิจารณาจำเลยอาจสืบพยานถึงข้อเท็จจริงและศาลคงพิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้คำร้องขอของจำเลยไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง ส่วนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยอีกฉบับที่อ้างเหตุว่าจำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง ซึ่งเป็นการแสดงว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดเท่านั้นจำเลยมิได้อ้างเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นเลยว่า หากมีการพิจารณาใหม่แล้วจำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไร จึงยังคงเป็นคำร้องที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลอยู่นั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2090/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนถึงโอกาสชนะคดี หากขาดนัดยื่นคำให้การ/พิจารณา
คำขอให้มีการพิจารณา ใหม่ ต้องมีเหตุตาม ป.วิ.พ. มาตรา208 คำร้องของจำเลยระบุเพียงว่า ขณะจำเลยถูกโจทก์ฟ้องจำเลยทำงานอยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย จำเลยจึงขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหากจำเลยไม่ขาดนัดพิจารณา จำเลยอาจสืบพยานถึงข้อเท็จจริงและศาลคงพิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ คำร้องขอของจำเลยไม่ต้องด้วยป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคสอง ส่วนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยอีกฉบับที่อ้างเหตุว่าจำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง ซึ่งเป็นการแสดงว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดเท่านั้น จำเลยมิได้อ้างเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นเลยว่าหากมีการพิจารณา ใหม่แล้วจำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไร จึงยังคงเป็นคำร้องที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลอยู่นั่นเอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2090/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลสนับสนุนให้เห็นโอกาสชนะคดี ไม่ใช่แค่ข้ออ้างเรื่องขาดนัด
คำขอให้มีการพิจารณาใหม่ ต้องมีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 คำร้องของจำเลยระบุเพียงว่า ขณะจำเลยถูกโจทก์ฟ้องจำเลยทำงานอยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย จำเลยจึงขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหากจำเลยไม่ขาดนัดพิจารณา จำเลยอาจสืบพยานถึงข้อเท็จจริง และศาลคงพิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ คำร้องขอของจำเลยไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง ส่วนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยอีกฉบับที่อ้างเหตุว่าจำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง ซึ่งเป็นการแสดงว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดเท่านั้น จำเลยมิได้อ้างเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นเลยว่า หากมีการพิจารณาใหม่แล้วจำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไร จึงยังคงเป็นคำร้องที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลอยู่นั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2083/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายกิจการไม่เลิกกันอัตโนมัติเมื่อผิดนัดชำระหนี้ จำเลยต้องบอกกล่าวให้โอกาสชำระหนี้ก่อนเลิกสัญญา
โจทก์ไม่ชำระหนี้ให้จำเลยตามสัญญาซื้อขายกิจการและทรัพย์สินระหว่างโจทก์กับจำเลย แต่สัญญาดังกล่าวไม่มีข้อกำหนดให้สัญญาเลิกกันทันทีในกรณีที่โจทก์ไม่ชำระหนี้จำนวนใดจำนวนหนึ่ง จำเลยจะต้องกำหนดระยะเวลาพอสมควรแล้วบอกกล่าวให้โจทก์ชำระหนี้ภายในระยะเวลานั้นถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด จำเลยก็บอกเลิกสัญญาได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 387 แต่จำเลยไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรา 387 สัญญาจึงยังไม่เลิกกัน ต่อมาโจทก์นำแคชเชียร์เช็คไปชำระหนี้ให้จำเลยแต่ไม่พบ จึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์นัดให้จำเลยพบกับโจทก์ แต่จำเลยไม่มาตามนัด จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ดังนี้ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาได้ และโจทก์จำเลยต้องกลับคืนสู่สถานะ เดิม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1755/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองแทนทายาทและการแสดงเจตนาครอบครองเพื่อตนเอง ไม่ถือเป็นการได้มาซึ่งสิทธิในที่ดิน
โจทก์และทายาทอื่นของ ก. มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ดูแลที่ดินพิพาทมี ส.ค.1 มรดกของ ก. แทน จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของ ก. ตลอดมา การที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่ไปขอออก น.ส.3ก. ในที่ดินพิพาทเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 และสามีจำเลยที่ 1 เสียภาษีบำรุงท้องที่สำหรับที่ดินพิพาทเท่านั้น ยังไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้แสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะการครอบครองที่ดินพิพาทเป็นครอบครองเพื่อตนเอง และได้แสดงเจตนาดังกล่าวให้ฝ่ายโจทก์ทราบจำเลยที่ 1 จึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1755/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินมรดกโดยไม่แสดงเจตนาเป็นเจ้าของ ย่อมไม่เกิดสิทธิครอบครอง
โจทก์และทายาทอื่นของ ก.มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ดูแลที่ดินพิพาทมี ส.ค.1 มรดกของก.แทน จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของ ก.ตลอดมา การที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่ไปขอออก น.ส.3 ก. ในที่ดินพิพาทเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 และสามีจำเลยที่ 1 เสียภาษีบำรุงท้องที่สำหรับที่ดินพิพาทเท่านั้น ยังไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้แสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะการครอบครองที่ดินพิพาทเป็นครอบครองเพื่อตนเอง และได้แสดงเจตนาดังกล่าวให้ฝ่ายโจทก์ทราบ จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันสมบูรณ์แม้ชื่อพยานไม่ชัดเจน ฟ้องร้องผู้ค้ำประกันได้
สัญญาค้ำประกันระบุชื่อ ผู้ค้ำประกันไว้โดย ชัดแจ้ง และผู้ค้ำประกันได้ ลง ลายมือชื่อไว้แล้วในฐานะ ผู้ค้ำประกัน รวมทั้งมีพยานอีก 2 คน ลงชื่อไว้ด้วย เช่นนี้ แม้จะไม่ได้เขียนหรือพิมพ์ชื่อ พยานหรือทำวงเล็บ ไว้ใต้ ลายมือชื่อของพยานให้ชัดเจนว่าเป็นใครก็ตาม ย่อมนำสัญญาค้ำประกันดังกล่าวเป็นหลักฐานฟ้องร้องให้ผู้ค้ำประกันรับผิดได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา680 วรรคสอง การที่จำเลยทั้งหกซึ่ง มีหน้าที่จัดทำสัญญาค้ำประกัน มิได้เขียนหรือพิมพ์ชื่อบุคคลที่เป็นพยานในสัญญาให้ชัดเจนไว้ใต้ ลายมือชื่อของบุคคลดังกล่าว หรือมิได้จัดให้มีการทำวงเล็บ ใต้ ลายมือชื่อพยานเช่นว่านั้น ยังถือ ไม่ได้ว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อ โจทก์เพราะโจทก์อาจฟ้องผู้ค้ำประกันให้รับผิด โดย อาศัยสัญญาค้ำประกันดังกล่าวและอ้างจำเลยทั้งหกเป็นพยานได้ อยู่แล้ว เมื่อฟ้องโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าการกระทำของจำเลยทั้งหกดังกล่าวเป็นการประพฤติฝ่าฝืนต่อ ระเบียบหรือกฏข้อบังคับของโจทก์อย่างไรแล้ว ศาลชอบที่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ภายหลังที่สั่งรับฟ้องโจทก์แล้วไปเสียทีเดียวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันสมบูรณ์ แม้ชื่อพยานไม่ชัดเจน โจทก์ฟ้องผู้ค้ำประกันได้ ไม่ถือเป็นการละเมิด
สัญญาค้ำประกันระบุชื่อ ผู้ค้ำประกันไว้โดย ชัดแจ้ง และผู้ค้ำประกันได้ ลง ลายมือชื่อไว้แล้วในฐานะ ผู้ค้ำประกัน รวมทั้งมีพยานอีก 2 คน ลงชื่อไว้ด้วย เช่นนี้ แม้จะไม่ได้เขียนหรือพิมพ์ชื่อ พยานหรือทำวงเล็บ ไว้ใต้ ลายมือชื่อของพยานให้ชัดเจนว่าเป็นใครก็ตาม ย่อมนำสัญญาค้ำประกันดังกล่าวเป็นหลักฐานฟ้องร้องให้ผู้ค้ำประกันรับผิดได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา680 วรรคสอง
การที่จำเลยทั้งหกซึ่ง มีหน้าที่จัดทำสัญญาค้ำประกัน มิได้เขียนหรือพิมพ์ชื่อบุคคลที่เป็นพยานในสัญญาให้ชัดเจนไว้ใต้ ลายมือชื่อของบุคคลดังกล่าว หรือมิได้จัดให้มีการทำวงเล็บ ใต้ ลายมือชื่อพยานเช่นว่านั้น ยังถือ ไม่ได้ว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อ โจทก์เพราะโจทก์อาจฟ้องผู้ค้ำประกันให้รับผิด โดย อาศัยสัญญาค้ำประกันดังกล่าวและอ้างจำเลยทั้งหกเป็นพยานได้ อยู่แล้ว เมื่อฟ้องโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าการกระทำของจำเลยทั้งหกดังกล่าวเป็นการประพฤติฝ่าฝืนต่อ ระเบียบหรือกฏข้อบังคับของโจทก์อย่างไรแล้ว ศาลชอบที่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ภายหลังที่สั่งรับฟ้องโจทก์แล้วไปเสียทีเดียวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดจากความบกพร่องในการตรวจสอบเอกสารสัญญาค้ำประกัน ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากโจทก์ยังสามารถฟ้องผู้ค้ำประกันได้
การที่จำเลยทั้งหกซึ่งมีหน้าที่จัดทำสัญญาค้ำประกัน มิได้เขียนหรือพิมพ์ชื่อบุคคลที่เป็นพยานในสัญญาให้ชัดเจนไว้ใต้ลายมือชื่อของบุคคลดังกล่าว หรือมิได้จัดให้มีการทำวงเล็บใต้ลายมือชื่อพยานเช่นว่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ เพราะโจทก์อาจฟ้องผู้ค้ำประกันให้รับผิดโดยอาศัยสัญญาค้ำประกันดังกล่าวและอ้างจำเลยทั้งหกเป็นพยานได้อยู่แล้วเมื่อฟ้องโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าการกระทำของจำเลยทั้งหกดังกล่าวเป็นการประพฤติฝ่าฝืนต่อระเบียบหรือกฎข้อบังคับของโจทก์อย่างไรแล้ว ศาลชอบที่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ภายหลังที่สั่งรับฟ้องโจทก์แล้วไปเสียทีเดียวได้
of 51