พบผลลัพธ์ทั้งหมด 256 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3969/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกิจการเช่าซื้อ, สละเงื่อนเวลาชำระหนี้, และการบังคับคดีตามสัญญา
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกจากห้างหุ้นส่วนจำกัดน.ซึ่งมีจำเลยที่2เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการในระหว่างผ่อนชำระค่าเช่าซื้อจำเลยที่2ได้จัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่1ขึ้นโดยมีจำเลยที่2เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมีวัตถุประสงค์ซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์เช่นเดียวกับห้างหุ้นส่วนจำกัดน.ซึ่งต่อมาได้มีการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดหลังจากนั้นห้างจำเลยที่1ได้มีหนังสือทวงถามค่าเช่าซื้อรถยนต์และรับชำระหนี้จากโจทก์โดยตามเอกสารใบแจ้งหนี้ที่หัวกระดาษมีข้อความระบุชื่อห้างจำเลยที่1และได้ระบุชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดน.ในวงเล็บต่อท้ายด้วยดังนี้ฟังได้ว่าห้างจำเลยที่1ได้รับโอนกิจการมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดน.โจทก์มีอำนาจฟ้องห้างจำเลยที่1ให้รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อที่ทำไว้กับห้างหุ้นส่วนจำกัดน.ได้ สัญญาเช่าซื้อรถยนต์กำหนดให้โจทก์ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้จำเลยรวม20งวดเป็นรายเดือนทุกเดือนถ้าหากผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนดจะต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ15ต่อปีแต่ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่าในการชำระค่าเช่าซื้อให้แก่จำเลยโจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดทุกงวดแต่จำเลยก็ไม่เคยใช้สิทธิเรียกร้องให้โจทก์ชำระหนี้และดอกเบี้ยที่ค้างเลยแสดงว่าการชำระหนี้รายนี้ฝ่ายจำเลยมิได้เจตนาถือเอากำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาโดยเคร่งครัดซึ่งเท่ากับเป็นการสละเงื่อนเวลาอยู่ในตัวดังนั้นเมื่อโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วจำเลยจะมาขอคิดดอกเบี้ยเป็นการเพิ่มภาระให้โจทก์ภายหลังไม่ได้จำเลยจึงต้องโอนรถยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อให้โจทก์โดยโจทก์ไม่ต้องรับผิดเรื่องดอกเบี้ยอีกต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3969/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกิจการเช่าซื้อ, การสละเงื่อนเวลาชำระหนี้, และผลของการผิดนัดชำระหนี้
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกจากห้างหุ้นส่วนจำกัด น.ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ในระหว่างผ่อนชำระค่าเช่าซื้อ จำเลยที่ 2 ได้จัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ขึ้น โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมีวัตถุประสงค์ซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์เช่นเดียวกับห้างหุ้นส่วนจำกัด น.ซึ่งต่อมาได้มีการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด หลังจากนั้นห้างจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือทวงถามค่าเช่าซื้อรถยนต์และรับชำระหนี้จากโจทก์ โดยตามเอกสารใบแจ้งหนี้ที่หัวกระดาษมีข้อความระบุชื่อห้างจำเลยที่ 1 และได้ระบุชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด น.ในวงเล็บต่อท้ายด้วย ดังนี้ฟังได้ว่า ห้างจำเลยที่ 1 ได้รับโอนกิจการมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัด น.โจทก์มีอำนาจฟ้องห้างจำเลยที่ 1 ให้รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อที่ทำไว้กับห้างหุ้นส่วนจำกัด น.ได้
สัญญาเช่าซื้อรถยนต์กำหนดให้โจทก์ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้จำเลยรวม 20 งวด เป็นรายเดือนทุกเดือน ถ้าหากผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนด จะต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ 15ต่อปี แต่ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่าในการชำระค่าเช่าซื้อให้แก่จำเลย โจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดทุกงวด แต่จำเลยก็ไม่เคยใช้สิทธิเรียกร้องให้โจทก์ชำระหนี้และดอกเบี้ยที่ค้างเลย แสดงว่าการชำระหนี้รายนี้ฝ่ายจำเลยมิได้เจตนาถือเอากำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาโดยเคร่งครัด ซึ่งเท่ากับเป็นการสละเงื่อนเวลาอยู่ในตัวดังนั้นเมื่อโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว จำเลยจะมาขอคิดดอกเบี้ยเป็นการเพิ่มภาระให้โจทก์ภายหลังไม่ได้ จำเลยจึงต้องโอนรถยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อให้โจทก์ โดยโจทก์ไม่ต้องรับผิดเรื่องดอกเบี้ยอีกต่อไป
สัญญาเช่าซื้อรถยนต์กำหนดให้โจทก์ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้จำเลยรวม 20 งวด เป็นรายเดือนทุกเดือน ถ้าหากผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนด จะต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ 15ต่อปี แต่ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่าในการชำระค่าเช่าซื้อให้แก่จำเลย โจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดทุกงวด แต่จำเลยก็ไม่เคยใช้สิทธิเรียกร้องให้โจทก์ชำระหนี้และดอกเบี้ยที่ค้างเลย แสดงว่าการชำระหนี้รายนี้ฝ่ายจำเลยมิได้เจตนาถือเอากำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาโดยเคร่งครัด ซึ่งเท่ากับเป็นการสละเงื่อนเวลาอยู่ในตัวดังนั้นเมื่อโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว จำเลยจะมาขอคิดดอกเบี้ยเป็นการเพิ่มภาระให้โจทก์ภายหลังไม่ได้ จำเลยจึงต้องโอนรถยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อให้โจทก์ โดยโจทก์ไม่ต้องรับผิดเรื่องดอกเบี้ยอีกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับเงินรางวัลสลากแม้สลากสูญหาย มิใช่เงื่อนไขต้องมีสลากตัวจริง การชดใช้ค่าเสียหายพัสดุสูญหายแยกจากสิทธิรับรางวัล
เงื่อนไขหลังสลากที่ว่า เงินรางวัลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากที่ถูกรางวัลนำมาขอรับนั้น เป็นเพียงข้อกำหนดให้มีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัล ไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายไปหากโจทก์มีหลักฐานเชื่อได้ว่าโจทก์ถูกรางวัลแต่สลากหาย จำเลยก็ต้องจ่ายเงินให้
ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับตามระเบียบของการสื่อสารแห่งประเทศไทยเนื่องจากพัสดุไปรษณีย์สูญหาย เป็นคนละอย่างกับสิทธิเรียกร้องรับเงินรางวัลจากสลากที่ถูกรางวัลแล้วสูญหายไป
ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับตามระเบียบของการสื่อสารแห่งประเทศไทยเนื่องจากพัสดุไปรษณีย์สูญหาย เป็นคนละอย่างกับสิทธิเรียกร้องรับเงินรางวัลจากสลากที่ถูกรางวัลแล้วสูญหายไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับเงินรางวัลสลากแม้สลากสูญหาย และการแยกแยะความเสียหายจากการสูญหายของสลากกับความเสียหายจากการสูญหายของพัสดุ
เงื่อนไขหลังสลากที่ว่าเงินรางวัลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากที่ถูกรางวัลนำมาขอรับนั้นเป็นเพียงข้อกำหนดให้มีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัลไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายไปหากโจทก์มีหลักฐานเชื่อได้ว่าโจทก์ถูกรางวัลแต่สลากหายจำเลยก็ต้องจ่ายเงินให้ ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับตามระเบียบของการสื่อสารแห่งประเทศไทยเนื่องจากพัสดุไปรษณีย์สูญหายเป็นคนละอย่างกับสิทธิเรียกร้องรับเงินรางวัลจากสลากที่ถูกรางวัลแล้วสูญหายไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับเงินรางวัลสลาก แม้สลากสูญหาย และความแตกต่างระหว่างค่าเสียหายจากการขนส่งกับสิทธิรับเงินรางวัล
เงื่อนไขหลังสลากที่ว่า เงินรางวัลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากที่ถูกรางวัลนำมาขอรับนั้น เป็นเพียงข้อกำหนดให้มีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัล ไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายไปหากโจทก์มีหลักฐานเชื่อได้ว่าโจทก์ถูกรางวัลแต่สลากหาย จำเลยก็ต้องจ่ายเงินให้
ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับตามระเบียบของการสื่อสารแห่งประเทศไทยเนื่องจากพัสดุไปรษณีย์สูญหาย เป็นคนละอย่างกับสิทธิเรียกร้องรับเงินรางวัลจากสลากที่ถูกรางวัลแล้วสูญหายไป
ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับตามระเบียบของการสื่อสารแห่งประเทศไทยเนื่องจากพัสดุไปรษณีย์สูญหาย เป็นคนละอย่างกับสิทธิเรียกร้องรับเงินรางวัลจากสลากที่ถูกรางวัลแล้วสูญหายไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356-3358/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การประเมินความประมาท และขอบเขตความรับผิดของนายจ้าง
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 ต่างขับรถชนกันโดยประมาท แต่เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลยที่ 5 ก่อน จึงให้จำเลยที่5 รับผิดสองในสามส่วนให้จำเลยที่ 1 รับผิดหนึ่งในสามส่วนและเมื่อหักกลบลบกันแล้ว ส่วนที่จำเลยที่ 5 จะต้องรับผิดมีมากกว่า จึงสมควรให้ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 5 ฟ้องเรียกจากจำเลยที่ 1 เป็นพับ
รถที่จำเลยที่ 1 ขับเป็นของจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 2ใช้จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ได้รับเงินเดือนจากจำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1ขับรถของจำเลยที่ 3 นำบุตรของจำเลยที่ 2 ไปส่งโรงเรียนซึ่งมิใช่กิจการของจำเลยที่ 3การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 จึงมิใช่การกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1ที่2
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จหาได้ไม่เพราะเป็นการเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142 ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
รถที่จำเลยที่ 1 ขับเป็นของจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 2ใช้จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ได้รับเงินเดือนจากจำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1ขับรถของจำเลยที่ 3 นำบุตรของจำเลยที่ 2 ไปส่งโรงเรียนซึ่งมิใช่กิจการของจำเลยที่ 3การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 จึงมิใช่การกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1ที่2
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จหาได้ไม่เพราะเป็นการเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142 ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356-3358/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การประเมินความประมาทของผู้ขับขี่และขอบเขตความรับผิด
จำเลยที่1และจำเลยที่5ต่างขับรถชนกันโดยประมาทแต่เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลยที่5ก่อนจึงให้จำเลยที่5รับผิดสองในสามส่วนให้จำเลยที่1รับผิดหนึ่งในสามส่วนและเมื่อหักกลบลบกันแล้วส่วนที่จำเลยที่5จะต้องรับผิดมีมากกว่าจึงสมควรให้ค่าเสียหายที่จำเลยที่5ฟ้องเรียกจากจำเลยที่1เป็นพับ รถที่จำเลยที่1ขับเป็นของจำเลยที่3มอบให้จำเลยที่2ใช้จำเลยที่1เป็นลูกจ้างจำเลยที่2ได้รับเงินเดือนจากจำเลยที่2วันเกิดเหตุจำเลยที่1ขับรถของจำเลยที่3นำบุตรของจำเลยที่2ไปส่งโรงเรียนซึ่งมิใช่กิจการของจำเลยที่3การกระทำละเมิดของจำเลยที่1จึงมิใช่การกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่3จำเลยที่3และจำเลยที่4ผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1ที่2 โจทก์ฟ้องจำเลยที่1ที่2ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จหาได้ไม่เพราะเป็นการเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยที่1ที่2จะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356-3358/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การประเมินความประมาท, การแบ่งความรับผิด, และขอบเขตความรับผิดของนายจ้าง
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 ต่างขับรถชนกันโดยประมาท แต่เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลยที่ 5 ก่อน จึงให้จำเลยที่ 5 รับผิดสองในสามส่วนให้จำเลยที่ 1 รับผิดหนึ่งในสามส่วนและเมื่อหักกลบลบกันแล้ว ส่วนที่จำเลยที่ 5 จะต้องรับผิดมีมากกว่า จึงสมควรให้ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 5 ฟ้องเรียกจากจำเลยที่ 1 เป็นพับ
รถที่จำเลยที่ 1 ขับเป็นของจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 2 ใช้จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ได้รับเงินเดือนจากจำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถของจำเลยที่ 3 นำบุตรของจำเลยที่ 2 ไปส่งโรงเรียนซึ่งมิใช่กิจการของจำเลยที่ 3 การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 จึงมิใช่การกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จหาได้ไม่เพราะเป็นการเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
รถที่จำเลยที่ 1 ขับเป็นของจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 2 ใช้จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ได้รับเงินเดือนจากจำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถของจำเลยที่ 3 นำบุตรของจำเลยที่ 2 ไปส่งโรงเรียนซึ่งมิใช่กิจการของจำเลยที่ 3 การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 จึงมิใช่การกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จหาได้ไม่เพราะเป็นการเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744-1746/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่าย (รถบรรทุกลากจูงและรถโดยสาร) และการร่วมรับผิดต่อผู้โดยสาร
จำเลยที่ 1 ขับรถโดยสารด้วยความเร็วสูงแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นไปชนรถท้ายรถบรรทุกลากจูงที่จำเลยที่ 4 เป็นผู้ควบคุมและจอดล้ำออกมาโดยไม่ได้เปิดไฟ ย่อมเป็นความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่ายไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันความรับผิดระหว่างฝ่ายรถลากจูงและรถโดยสารจึงเป็นพับกันไป แต่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ซึ่งโดยสารมาในรถประจำทาง เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องฝ่ายรถลากจูงให้ร่วมรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน และมิได้ฎีกาขอให้กำหนดค่าสินไหมทดแทนสูงขึ้นฝ่ายรถโดยสารควรรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์กึ่งหนึ่งของที่ศาลอุทธรณ์กำหนด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1585/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้สัตยาบันของเจ้าหนี้ทำให้ตัวแทนหลุดพ้นความรับผิด แต่เจ้าหนี้ต้องไม่ละเลยการบังคับชำระหนี้
การที่ตัวการให้สัตยาบันต่อการกระทำนอกเหนือขอบอำนาจของตัวแทนต่อบุคคลภายนอกอันมีผลทำให้นิติกรรมซึ่งไม่ผูกพันตัวการกลับเป็นผูกพันตัวการโดยตรงและทำให้ตัวแทนหลุดพ้นความรับผิดที่มีต่อบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา823นั้นไม่ทำให้ตัวแทนหลุดพ้นจากความรับผิดต่อตัวการในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกิจการที่ตนกระทำนอกเหนือขอบอำนาจนั้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา812 จำเลยที่1เป็นผู้จัดการสาขาธนาคารโจทก์โดยมีจำเลยที่2เป็นผู้ค้ำประกันบ.เป็นลูกค้าได้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับสาขาธนาคารโจทก์โดยมีส.เป็นผู้ค้ำประกันก่อนที่จำเลยที่1จะรับหน้าที่เป็นผู้จัดการเมื่อจำเลยที่1เข้ารับหน้าที่ผู้จัดการได้ให้บ.เบิกเงินเกินบัญชีเกินวงเงินที่ทำสัญญาไว้มากเป็นการเกินขอบอำนาจของผู้จัดการสาขาต่อมาบ.ถึงแก่กรรมธนาคารโจทก์ทราบแล้วไม่ได้ดำเนินการเรียกร้องหรือฟ้องเรียกหนี้จากกองมรดกของบ.ลูกหนี้หรือจากส.ผู้ค้ำประกันทั้งๆที่มีโอกาสจะทำได้จนโจทก์หมดสิทธิฟ้องเพราะขาดอายุความมรดกเมื่อบ.มีทรัพย์สินและโจทก์มีโอกาสจะได้รับชำระหนี้สิ้นเชิงหากดำเนินการฟ้องร้องหนี้นั้นดังนี้การที่โจทก์ไม่ฟ้องร้องย่อมเป็นการละเลยไม่บำบัดปัดป้องหรือบรรเทาความเสียหายถือเป็นเหตุที่เจ้าหนี้มีส่วนทำความผิดให้เกิดความเสียหายหรือนัยหนึ่งความเสียหายเกิดจากการละเว้นการกระทำของโจทก์ที่ไม่ยอมบำบัดปัดป้องไม่ให้ความเสียหายเกิดขึ้นจำเลยที่1ซึ่งเป็นตัวแทนผู้กระทำการนอกเหนือขอบอำนาจจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์และจำเลยที่2ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ย่อมไม่ต้องรับผิดด้วย.(ที่มา-เนติฯ)