คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 223

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 256 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1712/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อความเสียหายจากลูกจ้าง และการไม่มีส่วนรับผิดในความเสียหายโดยตรง
จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ ขับรถของโจทก์ไปชนกับรถของบุคคลภายนอก แม้รถยนต์ชนกันครั้งนี้จะเกิดจากจำเลยทำละเมิดและรถยนต์ที่จำเลยขับซึ่งเป็นของโจทก์มีสภาพบกพร่องห้ามล้อไม่ดี แต่โจทก์ก็ไม่ใช่คู่กรณีผู้ได้รับความเสียหายจากการทำละเมิดของจำเลยจึงไม่ใช่เรื่องโจทก์เป็นผู้เสียหายและมีส่วนทำผิดก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งจะต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442,223 เพื่อเฉลี่ยความรับผิดตามข้อต่อสู้ของจำเลยกรณีนี้เป็นเรื่องโจทก์ต้องร่วมรับผิดในฐานะนายจ้างชดใช้ค่าเสียหายแล้วใช้สิทธิไล่เบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425,426 เท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายและพิพากษาให้จำเลยรับผิดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์เพียงบางส่วนจึงไม่ถูกต้อง จำเลยต้องชำระค่าเสียหายที่โจทก์จ่ายให้บุคคลภายนอกไปเต็มจำนวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1712/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อค่าเสียหายจากอุบัติเหตุของลูกจ้าง และสิทธิไล่เบี้ย
จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ ขับรถของโจทก์ไปชนกับรถของบุคคลภายนอก แม้รถยนต์ชนกันครั้งนี้จะเกิดจากจำเลยทำละเมิดและรถยนต์ที่จำเลยขับซึ่งเป็นของโจทก์มีสภาพบกพร่องห้ามล้อไม่ดีแต่โจทก์ก็ไม่ใช่คู่กรณีผู้ได้รับความเสียหายจากการทำละเมิดของจำเลยจึงไม่ใช่เรื่องโจทก์เป็นผู้เสียหายและมีส่วนทำผิดก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งจะต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442, 223เพื่อเฉลี่ยความรับผิดตามข้อต่อสู้ของจำเลยกรณีนี้เป็นเรื่องโจทก์ต้องร่วมรับผิดในฐานะนายจ้างชดใช้ค่าเสียหายแล้วใช้สิทธิ ไล่เบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425, 426 เท่านั้นที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดความ เสียหายและพิพากษาให้จำเลยรับผิดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์เพียงบางส่วนจึงไม่ถูกต้อง จำเลยต้องชำระค่าเสียหายที่โจทก์จ่ายให้บุคคลภายนอกไปเต็มจำนวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 542/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททั้งสองฝ่าย รถจอดบนผิวจราจรกลางคืน ไม่เปิดสัญญาณไฟ ชนท้าย ทำให้เกิดความเสียหาย
ยางรถยนต์บรรทุกแตก คนขับจึงจอดรถบนผิวจราจรถนนที่เป็นทางตรงในเวลากลางคืนโดยไม่ให้สัญญาณไฟ แสงไฟสูงของรถเก๋งส่องได้ไกลไม่น้อยกว่า 50 เมตร การที่เพิ่งเริ่มมีรอยห้ามล้อของรถเก๋งในระยะห่างรถบรรทุกประมาณ 30 เมตรแสดงว่าคนขับรถเก๋งซึ่งขับด้วยความเร็วสูงเห็นรถบรรทุกในระยะกระชั้นชิด เหตุที่รถชนกันจึงเกิดเพราะความประมาทของผู้ขับรถยนต์บรรทุกด้วยดังนี้ ทั้งสองฝ่ายมีความประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ค่าสินไหมทดแทนอันจะพึงใช้แก่กันจึงเป็นพับทั้งสองฝ่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ประกอบการต่อการละเมิดของลูกจ้าง และการลดหย่อนค่าเสียหายจากความประมาทของผู้เสียหาย
เหตุละเมิดเกิดขึ้นโดยคนขับรถของโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายมีส่วนประมาทอยู่ด้วย เมื่อคนขับรถเป็นลูกจ้างของโจทก์ จึงถือว่าเป็นฝ่ายผู้เสียหายตามความหมายของมาตรา 223 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันทำให้โจทก์ต้องรับผลของการกระทำละเมิดดังกล่าวตามส่วนแห่งความหนักเบาของความประมาทด้วยตามมาตรา 442 ประกอบด้วยมาตรา 223

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างและส่วนลดหย่อนค่าเสียหายจากความประมาทของผู้เสียหาย
เหตุละเมิดเกิดขึ้นโดยคนขับรถของโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายมีส่วนประมาทอยู่ด้วย เมื่อคนขับรถเป็นลูกจ้างของโจทก์จึงถือว่าเป็นฝ่ายผู้เสียหายตามความหมายของมาตรา 223แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันทำให้โจทก์ต้องรับผลของการกระทำละเมิดดังกล่าวตามส่วนแห่งความหนักเบาของความประมาทด้วยตามมาตรา 442 ประกอบด้วยมาตรา 223

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทของผู้เลี้ยงโคและการประมาทของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่บีบแตร ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน
ด. มีขาลีบเวลาเดินต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันแต่ ด. มีอาชีพคุมงานก่อสร้างต้องขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปคุมงานทุกวัน แสดงว่า ด.มีความสามารถขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ การที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะตามพระราชบัญญัติรถยนต์ จึงไม่เป็นเหตุที่จะทำให้ฟังว่า ด. ประมาท
การที่ ป. ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูโคแทนจำเลยทั้งสองปล่อยโคขึ้นไปกินหญ้าบนไหล่ถนนอันเป็นทางหลวงระหว่างจังหวัดโดยอิสระไม่ผูกเชือกหรือจับจูงไว้ เป็นการปล่อยปละละเลยไม่ระมัดระวังดูแลสัตว์ตามสมควรเพราะถนนมิใช่ที่เลี้ยงสัตว์สาธารณะ จำเลยทั้งสองจึงเป็นฝ่ายประมาทก่อน แต่การที่ ด. เห็นโคเดินอยู่ข้างถนนแล้วยังขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าใกล้และบีบแตร เป็นเหตุให้โคตกใจและขวิดรถจักรยานยนต์ทำให้ ด. ถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าเป็นความประมาทของ ด. ส่วนหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อจากทั้งผู้เลี้ยงโคปล่อยปละละเลย และผู้ขับขี่บีบแตรใกล้โค ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
ด. มีขาลีบเวลาเดินต้องใช้ไม้เท้าค้ำยัน แต่ ด. มีอาชีพคุมงานก่อสร้าง ต้องขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปคุมงานทุกวัน แสดงว่า ด.มีความสามารถขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ การที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะตามพระราชบัญญัติรถยนต์ จึงไม่เป็นเหตุที่จะทำให้ฟังว่า ด. ประมาท
การที่ ป. ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูโคแทนจำเลยทั้งสองปล่อยโคขึ้นไปกินหญ้าบนไหล่ถนนอันเป็นทางหลวงระหว่างจังหวัดโดยอิสระ ไม่ผูกเชือกหรือจับจูงไว้ เป็นการปล่อยปละละเลยไม่ระมัดระวังดูแลสัตว์ตามสมควรเพราะถนนมิใช่ที่เลี้ยงสัตว์สาธารณะ จำเลยทั้งสองจึงเป็นฝ่ายประมาทก่อน แต่การที่ ด. เห็นโคเดินอยู่ข้างถนนแล้วยังขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าใกล้และบีบแตร เป็นเหตุให้โคตกใจและขวิดรถจักรยานยนต์ทำให้ ด. ถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าเป็นความประมาทของ ด. ส่วนหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2542/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถและการแบ่งความรับผิด ความเสียหายต่อผู้โดยสารและการเรียกร้องค่าเสียหาย
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน รถของโจทก์และรถของจำเลยต่างแล่นเร็วจะสวนกันบริเวณทางโค้งโดยรถของโจทก์อยู่โค้งด้านนอก แต่รถของโจทก์แล่นล้ำเส้นกึ่งกลางถนนเข้าไปชนกับรถของจำเลย ซึ่งแล่นอยู่ในเส้นทางของตนโดยเปิดไฟหน้าซ้ายข้างเดียว ถือได้ว่าเหตุที่รถขนกันเป็นเพราะความประมาทของผู้ขับรถทั้งสองฝ่ายโดยคนขับรถของโจทก์เป็นฝ่ายที่ก่อให้เกิดความประมาทมากกว่า ค่าเสียหายของโจทก์จึงตกเป็นพับ
ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บและทายาทของผู้โดยสารที่เสียชีวิต มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากฝ่ายโจทก์ผู้กระทำละเมิดโดยตรง การที่จำเลยจ่ายเสียหายไปโดยไม่มีกฎหมายให้สิทธิที่จะเรียกคืนจากผู้กระทำละเมิด จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่จ่ายไปเองจากโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2542/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททั้งสองฝ่ายในการชนทางโค้ง และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของผู้จ่ายค่าสินไหมทดแทน
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน รถของโจทก์และรถของจำเลยต่างแล่นเร็วจะสวนกันบริเวณทางโค้งโดยรถของโจทก์อยู่โค้งด้านนอก แต่รถของโจทก์แล่นล้ำเส้นกึ่งกลางถนนเข้าไปชนกับรถของจำเลย ซึ่งแล่นอยู่ในเส้นทางของตนโดยเปิดไฟหน้าซ้ายข้างเดียว ถือได้ว่าเหตุที่รถชนกันเป็นเพราะความประมาทของผู้ขับรถทั้งสองฝ่ายโดยคนขับรถของโจทก์เป็นฝ่ายที่ก่อให้เกิดความประมาทมากกว่า ค่าเสียหายของโจทก์จึงตกเป็นพับ
ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บและทายาทของผู้โดยสารที่เสียชีวิต มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากฝ่ายโจทก์ผู้กระทำละเมิดโดยตรง การที่จำเลยจ่ายค่าเสียหายไป โดยไม่มีกฎหมายให้สิทธิที่จะเรียกคืนจากผู้กระทำละเมิด จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่จ่ายไปเองจากโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2500/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของอู่ซ่อมรถต่อการสูญหายของสินค้าในรถ การประมาทของทั้งสองฝ่าย และการกำหนดค่าเสียหาย
จำเลยมีอาชีพรับซ่อมรถ โดยปกติย่อมมีหน้าที่ระวังรักษาตัวรถที่รับจ้างซ่อมเท่านั้น ไม่อาจรู้ได้ว่าภายในรถมีสิ่งของมีค่าอย่างอื่นอยู่ด้วยหรือไม่เว้นแต่เจ้าของรถหรือผู้นำรถมาซ่อมจะได้บอกกล่าวหรือมอบฝากไว้ เพื่อจำเลยจะได้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษนอกเหนือจากตัวรถ ดังนั้น เมื่อลูกจ้างของโจทก์นำรถมาซ่อมที่อู่ของจำเลยโดยไม่ได้บอกกล่าวให้จำเลยทราบว่าในรถมีสินค้ามีค่าสูงบรรทุกอยู่ในตู้ทึบ และโจทก์มิได้กำชับจำเลยว่าให้มอบรถให้แต่เฉพาะคนที่ขับรถไปซ่อมเท่านั้น การที่จำเลยมอบรถแก่ผู้ที่แอบอ้างเป็นลูกจ้างโจทก์ไปเป็นเหตุให้สินค้าของโจทก์ในรถสูญหายย่อมถือได้ว่า โจทก์มีส่วนทำความผิดก่อให้เกิดความเสียหายประกอบด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ศาลมีอำนาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดก็ได้โดยอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ ตามมาตรา 223
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2526)
of 26