คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 ม. 54

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 28 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาศาลทหารในคดีแพ่ง: ศาลพลเรือนต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลทหารวินิจฉัย
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลพลเรือนจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหาร ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 มาตรา 54 เมื่อศาลทหารพิพากษาชี้ขาดข้อเท็จจริงแล้วว่าพยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ว่าประมาทข้อเท็จจริงดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์ผู้เป็นผู้เสียหายในคดีอาญาของศาลทหารการที่โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงในคดีส่วนแพ่งใหม่ว่าจำเลยที่ 1 ประมาททำให้โจทก์เสียหาย ศาลจะรับฟังตามที่โจทก์นำสืบหาได้ไม่ เพราะขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาดังกล่าวเมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ประมาททำให้โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2685/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: ประมาทจากเหตุสุดวิสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
ศาลทหารพิพากษาถึงที่สุดในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยโจทก์เป็นผู้เสียหายว่า เท่าทีโจทก์นำสืบยังมีข้อสงสัยฟังไม่ได้สนิทใจว่าเหตุที่เกิดเป็นเพราะความประมาทปราศจากความระมัดระวังของจำเลย จะต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย พิพากษายกฟ้อง ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้เข้ามาเป็นคู่ความด้วย โจทก์และจำเลยที่ 1 ก็ต้องผูกพันตามคำพิพากษาในคดีอาญานั้น ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1134, 1135/2509) และคำพิพากษาคดีอาญาได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นแห่งคดีแล้วว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้ศาลเห็นโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ถือได้ว่าศาลได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นที่ว่าจำเลยที่ 1 กระทำการโดยประมาทหรือไม่ไว้แน่นอนแล้ว จะฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งให้ขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาหาได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1674/2512)
เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อผู้ตาย จำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นนายจ้างจึงไม่ต้องรับผิดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: การวินิจฉัยประมาทในคดีอาญาเป็นข้อเท็จจริงที่ใช้ในคดีแพ่งได้
ศาลทหารพิพากษาถึงที่สุดในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยโจทก์เป็นผู้เสียหายว่า เท่าที่โจทก์นำสืบยังมีข้อสงสัยฟังไม่ได้สนิทใจว่าเหตุที่เกิดเป็นเพราะความประมาทปราศจากความระมัดระวังของจำเลย จำต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย พิพากษายกฟ้อง ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้เข้ามาเป็นคู่ความด้วย โจทก์และจำเลยที่ 1 ก็ต้องผูกพันตามคำพิพากษาในคดีอาญานั้น ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหารพ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมวลกฎหมายวิธพีพิจารณาความอาญามาตรา 46(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1134,1135/2509) และคำพิพากษาคดีอาญาได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นแห่งคดีแล้วว่าโจทก์ไม่มีพยานสืบให้ศาลเห็นโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ถือได้ว่าศาลได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นที่ว่าจำเลยที่ 1 กระทำการโดยประมาทหรือไม่ไว้แน่นอนแล้ว จะฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งให้ขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาหาได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1674/2512)
เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อผู้ตาย จำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นนายจ้างไม่ต้องรับผิดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาและแพ่งเกี่ยวเนื่อง: ศาลต้องยึดข้อเท็จจริงจากคดีอาญาที่ถึงที่สุดในการพิจารณาคดีละเมิด
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงยังเป็นที่สงสัย ต้องยกประโยชน์ให้เป็นผลดีแก่จำเลย ฉะนั้นในการพิจารณาคดีแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้กระผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ที่โจทก์นำพยานอื่นมาสืบในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดหรือกระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลจะรับฟังไม่ได้ เพราะขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นนายจ้างจึงไม่ต้องรับผิดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: การยกฟ้องในคดีอาญาทำให้คดีแพ่งต้องยกฟ้องตามไปด้วย
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงยังเป็นที่สงสัย ต้องยกประโยชน์ให้เป็นผลดีแก่จำเลย ฉะนั้นในการพิจารณาคดีแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ว่า โจทก์ไม่มีพยนมาสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้องที่โจทก์นำพยานอื่นมาสืบในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดหรือกระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลจะรับฟังไม่ได้ เพราะขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวแล้ส เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นนายข้างจึงไม่ต้องรับผิดไปด้วย
of 3