พบผลลัพธ์ทั้งหมด 498 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4152/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนสมรสต่างชาติ: การรอหลักฐานความเป็นโสดไม่ถือเป็นการปฏิเสธสิทธิ
โจทก์ไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสโดยระบุด้วยว่าเอาหนังสือรับรองความเป็นโสดจากสถานทูตมาแสดงไม่ได้ ขอให้จำเลยทำหนังสือถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวโจทก์ไปที่สถานทูตเพื่อใช้ประกอบการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทย การที่จำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนออกหนังสือสอบถามให้และรอหนังสือรับรองจากสถานทูตประเทศที่โจทก์มีสัญชาติ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าโจทก์เป็นโสดไม่ต้องห้ามสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452 นั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสให้แก่โจทก์ กรณีจึงยังไม่มีการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4152/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องจดทะเบียนสมรส: จำเลยยังไม่ได้ปฏิเสธการจดทะเบียน การรอหลักฐานจากสถานทูตไม่ถือเป็นการปฏิเสธ
โจทก์ซึ่งเป็นคนสัญชาติอิตาเลียนยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสโดยระบุว่าเอาหนังสือรับรองความเป็นโสดจากสถานทูตมาแสดงไม่ได้ขอให้จำเลยทำหนังสือถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวโจทก์ไปที่สถานทูตเพื่อใช้ประกอบการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทย การที่จำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนออกหนังสือสอบถามให้และรอหนังสือรับรองจากสถานทูตประเทศที่โจทก์มีสัญชาติ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าโจทก์เป็นโสดไม่ต้องห้ามสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452 นั้นถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสให้แก่โจทก์กรณียังไม่มีการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4127/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อค้างชำระ: ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ชำระค่าเช่าซื้อจนกว่าจะบอกเลิกสัญญา ศาลลดเบี้ยปรับสูงเกินสมควร
ข้อสัญญาเช่าซื้อซึ่งมีข้อความว่า ถ้าผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือยึดทรัพย์ที่เช่าซื้อคืน ผู้เช่าซื้อยังต้องรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อทุกงวดที่ค้างชำระพร้อมเบี้ยปรับร้อยละ 20 ของเงินดังกล่าวนั้น เป็นข้อกำหนดการชำระค่าเช่าซื้อระหว่างที่ยังมิได้มีการเลิกสัญญากันพร้อมทั้งเบี้ยปรับกรณีผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ มิใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้น เมื่อมีการเลิกสัญญากันผู้เช่าซื้อจึงมีหน้าที่ชำระค่าเช่าซื้อก่อนเลิกสัญญาทั้งหมด ส่วนเบี้ยปรับสูงเกินส่วนศาลฎีกาให้ลดลงเป็นดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4106/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกค่าไฟฟ้าเพิ่มหลังพบเครื่องวัดชำรุด: โจทก์ต้องรับความเสี่ยงจากความชำรุดของอุปกรณ์ที่ติดตั้ง
เครื่องวัดไฟฟ้าที่โจทก์ติดตั้งให้จำเลยชำรุดเองโดยจานวัดหมุนช้าทำให้จำเลยชำระเงินน้อยกว่าความเป็นจริงโจทก์ตรวจพบเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2526 หลังจากติดตั้งและเริ่มเก็บเงินเป็นเวลาเกือบ 5 ปี และโจทก์ไม่ได้เปลี่ยนเครื่องวัดไฟฟ้าให้ใหม่ยอมให้จำเลยใช้เครื่องเดิมจนถึงเดือนตุลาคม 2526 ทั้งโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าเครื่องวัดไฟฟ้าชำรุดตั้งแต่เมื่อใด ดังนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าไฟฟ้าเพิ่มตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2526 ย้อนหลังไปจนถึงวันที่15 พฤษภาคม 2521 ซึ่งเป็นวันเรียกเก็บค่าไฟฟ้าครั้งแรกของจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4077/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุจำเลยขณะกระทำผิดและขณะฟ้องคดีมีผลต่ออำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชน รวมถึงการได้รับอนุญาตฟ้อง
เยาวชนอายุ 14 ปีเศษ กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288และถูกฟ้องเมื่ออายุ 17 ปีเศษ ดังนี้ คดีอยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กฯ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 163 ข้อ 1 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กฯมาตรา 8(1) ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กฯ มาตรา 24 จัตวานั้น ห้ามพนักงานอัยการฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 24 ทวิ ต่อศาลทุกศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4008/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างรุกล้ำที่ดินละเมิดสิทธิ, อายุความ, การรื้อถอนและค่าเสียหาย
การที่จำเลยได้ทำการก่อสร้างเพิ่มเติมโรงภาพยนตร์แล้วมายื่นขออนุญาตต่อกรมโยธาธิการในภายหลัง แม้จะได้รับอนุญาตก็เป็นการอนุญาตที่มิชอบ เมื่อจำเลยร่วมกันกระทำละเมิดโดยใช้สิทธิในทางแต่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง จนโจทก์ทั้งสองได้รับความเดือดร้อนรำคาญ เสียสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจติดต่อกันนับแต่ก่อสร้างเพิ่มเติมเสร็จตลอดมาจนปัจจุบัน คดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ โจทก์ทั้งสองมีสิทธิที่จะกำจัดความเดือดร้อนรำคาญให้สิ้นไปได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337และมีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 446
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4008/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างรุกล้ำที่ดิน neighbors ละเมิดสิทธิ ได้รับอนุญาตมิชอบ คดีไม่ขาดอายุความ
การที่จำเลยได้ทำการก่อสร้างเพิ่มเติมโรงภาพยนตร์แล้วมายื่นขออนุญาตต่อกรมโยธาธิการในภายหลัง แม้จะได้รับอนุญาตก็เป็นการอนุญาตที่มิชอบ เมื่อจำเลยร่วมกันกระทำละเมิดโดยใช้สิทธิในทางแต่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง จนโจทก์ทั้งสองได้รับความเดือดร้อนรำคาญ เสียสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจติดต่อกันนับแต่ก่อสร้างเพิ่มเติมเสร็จตลอดมาจนปัจจุบัน คดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ โจทก์ทั้งสองมีสิทธิที่จะกำจัดความเดือดร้อนรำคาญให้สิ้นไปได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337และมีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 446.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3970/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งเรียกค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้คดีอาญาไม่สามารถพิสูจน์ตัวผู้ขับรถได้ โจทก์ยังสืบได้ในคดีแพ่ง
จำเลยเคยถูกอัยการฟ้องเป็นคดีอาญาต่อศาลแขวงในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ศาลแขวงวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุ คงมีเพียงบางปากยืนยันว่าผู้ขับรถเป็นหญิง แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นจำเลย จำเลยก็นำสืบปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ขับรถคันดังกล่าว พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ดังนี้ถือว่าศาลในคดีอาญาไม่ได้ชี้ขาดว่าจำเลยไม่ได้เป็นคนขับรถคันเกิดเหตุ เมื่อผู้เสียหายในคดีอาญาดังกล่าวเป็นโจทก์ฟ้องทางแพ่งเป็นคดีนี้เรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลย โจทก์จึงมีสิทธินำพยานเข้าสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนขับรถคันเกิดเหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3970/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้คดีอาญาศาลยกฟ้อง แต่คดีแพ่งยังฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถและประมาท ทำให้เกิดความเสียหาย
จำเลยเคยถูกอัยการฟ้องเป็นคดีอาญา ต่อศาลแขวงในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ศาลแขวงวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุ คงมีเพียงปากเดียวยืนยันว่าผู้ขับรถเป็นหญิง แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นจำเลยจำเลยก็นำสืบปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย พิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด ดังนี้ถือว่าศาลในคดีอาญาไม่ได้ชี้ขาดว่าจำเลยไม่ได้เป็นคนขับรถคันเกิดเหตุ เมื่อผู้เสียหายในคดีอาญาดังกล่าวเป็นโจทก์ฟ้องทางแพ่งเป็นคดีนี้เรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลย โจทก์จึงมีสิทธินำพยานเข้าสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนขับรถคันเกิดเหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3970/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งเรียกค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้คดีอาญาไม่ชี้ว่าจำเลยเป็นผู้ขับ แต่โจทก์มีสิทธิพิสูจน์ในคดีแพ่ง
จำเลยเคยถูกอัยการฟ้องเป็นคดีอาญาต่อศาลแขวงในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ศาลแขวงวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุ คงมีเพียงบางปากยืนยันว่าผู้ขับรถเป็นหญิง แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นจำเลย จำเลยก็นำสืบปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ขับรถคันดังกล่าว พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ดังนี้ถือว่าศาลในคดีอาญาไม่ได้ชี้ขาดว่าจำเลยไม่ได้เป็นคนขับรถคันเกิดเหตุ เมื่อผู้เสียหายในคดีอาญาดังกล่าวเป็นโจทก์ฟ้องทางแพ่งเป็นคดีนี้เรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลย โจทก์จึงมีสิทธินำพยานเข้าสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนขับรถคันเกิดเหตุ