พบผลลัพธ์ทั้งหมด 498 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5674/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้างหุ้นส่วนสามัญมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ไม่มีอำนาจฟ้องคดี
ผู้ที่จะฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นจำเลยในศาลจะต้องเป็นบุคคล ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(11) และคำว่าบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้แก่บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพียงแต่จดทะเบียนพาณิชย์ไว้เพื่อ ทำการค้าเท่านั้น มิใช่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ฟ้องคดีต่อศาลไม่ได้ และจะมอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องและดำเนินคดีแทนก็ไม่ได้
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นเรื่องอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชน แม้จะไม่ใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้ว ในศาลชั้นต้น จำเลยก็มีสิทธิอุทธรณ์เป็นประเด็นขึ้นมาได้ ในชั้นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ ก็มีอำนาจวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นเรื่องอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชน แม้จะไม่ใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้ว ในศาลชั้นต้น จำเลยก็มีสิทธิอุทธรณ์เป็นประเด็นขึ้นมาได้ ในชั้นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ ก็มีอำนาจวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5674/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนพาณิชย์ ไม่มีอำนาจฟ้องคดีเอง ต้องเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล
ผู้ที่จะฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นจำเลยในศาลจะต้องเป็นบุคคล ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (11) และคำว่าบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้แก่บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพียงแต่จดทะเบียนพาณิชย์ไว้เพื่อ ทำการค้าเท่านั้น มิใช่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ฟ้องคดีต่อศาลไม่ได้ และจะมอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องและดำเนินคดีแทนก็ไม่ได้
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นเรื่องอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชน แม้จะไม่ใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้ว ในศาลชั้นต้น จำเลยก็มีสิทธิอุทธรณ์เป็นประเด็นขึ้นมาได้ ในชั้นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ ก็มีอำนาจวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นเรื่องอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชน แม้จะไม่ใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้ว ในศาลชั้นต้น จำเลยก็มีสิทธิอุทธรณ์เป็นประเด็นขึ้นมาได้ ในชั้นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ ก็มีอำนาจวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5614/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อหลักประกัน – การสลักหลัง – สิทธิผู้ทรงเช็ค – การเรียกเงินคืน
หากได้ความตามความเป็นจริงดังที่โจทก์ฟ้องและฎีกาว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่บริษัท ส. เพื่อเป็นหลักประกันในการเข้าทำงานของโจทก์ แล้วจำเลยนำไปเข้าบัญชีของจำเลยโดยบริษัท ส. มิได้สลักหลังโอนเช็คให้ก็ถือได้ว่าไม่มีมูลหนี้ที่โจทก์จะต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาทและจำเลยไม่ใช่ผู้ทรงเช็คนั้น จำเลยหามีสิทธิเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ โจทก์ย่อมเรียกเงินคืนจากจำเลยได้ ที่ศาลชั้นต้นไม่ดำเนินการพิจารณาต่อไปให้ได้ความว่าเป็นความจริงดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ แต่มีคำสั่งงดสืบพยานของโจทก์จำเลยเสีย จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5601/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานต้องระบุวันทราบคำสั่งและวันฝ่าฝืนอย่างชัดเจน เพื่อให้ศาลคำนวณโทษปรับรายวันได้
ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งให้จำเลยรื้อถอน สิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นโดยผิดกฎหมายให้กลับสู่สภาพเดิม มีบทลงโทษ ปรับเป็นรายวัน เมื่อคำฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความว่าจำเลยทราบคำสั่งวันใด และฝ่าฝืนคำสั่งวันใดแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่มีทางลงโทษ ปรับจำเลยเป็นรายวันตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ คำฟ้องฐานนี้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2738/2526)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2738/2526)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5601/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานต้องระบุวันทราบ/ฝ่าฝืนชัดเจน จึงจะสมบูรณ์ตามกฎหมาย
ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งให้จำเลยรื้อถอน สิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นโดยผิดกฎหมายให้กลับสู่สภาพเดิม มีบทลงโทษ ปรับเป็นรายวัน เมื่อคำฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความว่าจำเลยทราบคำสั่งวันใด และฝ่าฝืนคำสั่งวันใดแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่มีทางลงโทษ ปรับจำเลยเป็นรายวันตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ คำฟ้องฐานนี้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2738/2526)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5548/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนข่มขู่โดยประมาท ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย
จำเลยถูกผู้เสียหายด่าจึงยิงปืนเพื่อขู่ไม่ให้ผู้เสียหายด่าจำเลยอีกต่อไป แต่จำเลยไม่เลือกยิงขึ้นฟ้า กลับยิงไปที่ลูกกรงไม้ชานบ้านห่างจากจุดที่ ผู้เสียหายยืนประมาณ 2 วา ทำให้เศษไม้กระเด็นไปถูกผู้เสียหายได้รับ อันตรายแก่กายจำเลยมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น ได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5548/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนเพื่อขู่ภัยก่อให้เกิดอันตรายแก่กายเข้าข่ายประมาท
จำเลยถูกผู้เสียหายด่าจึงยิงปืนเพื่อขู่ไม่ให้ผู้เสียหายด่าจำเลยอีกต่อไป แต่จำเลยไม่เลือกยิงขึ้นฟ้า กลับยิงไปที่ลูกกรงไม้ชานบ้านห่างจากจุดที่ ผู้เสียหายยืนประมาณ 2วา ทำให้เศษไม้กระเด็นไปถูกผู้เสียหายได้รับ อันตรายแก่กายจำเลยมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น ได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5235/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพาผู้อื่นออกนอกประเทศด้วยกลอุบายหลอกลวง แม้ไม่มีองค์ประกอบครบถ้วนตามที่กล่าวอ้าง ก็ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
การกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 320 วรรคแรกนั้น ผู้กระทำเพียงใช้อุบาย หลอกลวงหรือขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายหรือใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด อย่างหนึ่งอย่างใดดังกล่าวมา พาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักรก็ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 320 วรรคแรก แล้วหาจำต้องกระทำการทุกอย่างพร้อมกันในคราวเดียวกันไม่
การที่จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่า มีงานให้ทำที่ประเทศสิงคโปร์และส่งผู้เสียหายออกไปนอกราชอาณาจักรการกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 320 วรรคแรกแล้ว
การที่จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่า มีงานให้ทำที่ประเทศสิงคโปร์และส่งผู้เสียหายออกไปนอกราชอาณาจักรการกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 320 วรรคแรกแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5235/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพาคนออกนอกประเทศด้วยอุบายหลอกลวง หรือข่มขืนใจ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 320
การกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 320 วรรคแรกนั้นผู้กระทำเพียงใช้อุบาย หลอกลวงหรือ อ. ขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายหรือใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจ ด้วย ประการอื่นใด อย่างหนึ่งอย่างใดดังกล่าวมาพาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักรก็ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 320 วรรคแรกแล้ว หาจำต้องกระทำการทุกอย่างพร้อมกันในคราวเดียวกันไม่
การที่จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่า มีงานให้ทำที่ประเทศสิงคโปร์และส่งผู้เสียหายออกไปนอกราชอาณาจักร การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 320วรรคแรกแล้ว
การที่จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่า มีงานให้ทำที่ประเทศสิงคโปร์และส่งผู้เสียหายออกไปนอกราชอาณาจักร การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 320วรรคแรกแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5119/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการดำเนินคดีของผู้สืบสันดานแทนผู้เสียหาย และอำนาจของผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ในคดีอาญา
ผู้เสียหายยื่นฟ้องแล้วตาย ลง ผู้สืบสันดานตามความเป็นจริงของผู้เสียหายซึ่งแม้จะไม่ใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายก็มีสิทธิดำเนินคดีต่างผู้ตายต่อไปได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 29 วรรคแรก และเมื่อผู้สืบสันดานของผู้เสียหายยังเป็นผู้เยาว์ มารดาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ก็ดำเนินคดีแทนผู้เยาว์ได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 56 ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15 โดยมารดาไม่ต้องขออนุญาตเป็นผู้แทนเฉพาะ คดีของผู้เยาว์ต่อศาลก่อน.