พบผลลัพธ์ทั้งหมด 498 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4033/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าและสัญญาการครอบครอง - การผิดนัดสัญญาทำให้มีสิทธิฟ้องขับไล่ได้ แม้ผู้เช่าจะไม่เคยเข้าครอบครอง
แม้โจทก์ผู้รับโอนสิทธิการเช่าจากเจ้าของเดิมยังไม่เคยเข้าครอบครองตึกแถวพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เช่าเลย แต่จำเลยผู้ครอบครองตึกแถวพิพาทได้ทำสัญญากับโจทก์ว่าจะยอมออกจากตึกแถวพิพาทภายในเวลาที่กำหนด เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ยอมออก จึงเป็นฝ่ายผิดนัด โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้โดยอาศัยสิทธิตามสัญญานั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4033/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและสัญญาการออกจากทรัพย์สิน: สิทธิฟ้องขับไล่เกิดจากสัญญา แม้ผู้เช่าไม่ได้เข้าครอบครอง
แม้โจทก์ผู้รับโอนสิทธิการเช่าจากเจ้าของเดิมยังไม่เคยเข้าครอบครองตึกแถวพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เช่าเลย แต่จำเลยผู้ครอบครองตึกแถวพิพาทได้ทำสัญญากับโจทก์ว่าจะยอมออกจากตึกแถวพิพาทภายในเวลาที่กำหนด เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ยอมออก จึงเป็นฝ่ายผิดนัด โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้โดยอาศัยสิทธิตามสัญญานั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3863/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหลังถูกถอนชื่อออกจากทะเบียนคนญวนอพยพ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.คนเข้าเมือง
จำเลยได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราวโดยมีชื่ออยู่ในทะเบียนญวนอพยพ ต่อมาจำเลยหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองมาตรา 39 ให้ถือว่าการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเป็นอันสิ้นสุด ดังนี้เมื่อจำเลยกลับเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรอีกก็ต้องเป็นความผิดตามมาตรา 81 การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายมีคำสั่งอนุมัติให้ถอนชื่อจำเลยจากทะเบียนญวนอพยพคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะการถอนชื่อจำเลยออกจากทะเบียนญวนอพยพกับการอนุญาตถูกเพิกถอนเป็นคนละกรณีกัน ฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับวินิจฉัย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15,215,225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3863/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดการอนุญาตอยู่ชั่วคราวและการกระทำความผิดฐานอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราวโดยมีชื่ออยู่ในทะเบียนญวนอพยพ ต่อมาจำเลยหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองมาตรา 39 ให้ถือว่าการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเป็นอันสิ้นสุด ดังนี้เมื่อจำเลยกลับเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรอีกก็ต้องเป็นความผิดตามมาตรา 81 การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายมีคำสั่งอนุมัติให้ถอนชื่อจำเลยจากทะเบียนญวนอพยพคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะการถอนชื่อจำเลยออกจากทะเบียนญวนอพยพกับการอนุญาตถูกเพิกถอนเป็นคนละกรณีกัน ฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับวินิจฉัย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15,215,225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนตัวลูกหนี้และการแปลงหนี้ใหม่ ทำให้เช็คฉบับเดิมหมดผลผูกพัน
เมื่อ ม. กับผู้เสียหายตกลงกันไม่นำเช็คพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย ไปขึ้นเงินในวันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดชำระโดยผู้เสียหายรับเอาเช็คฉบับของ ม. ไว้แทนเช็คพิพาทซึ่งมีจำนวนเงินเท่ากันและเมื่อถึงกำหนดผู้เสียหายก็นำเช็คของ ม. ไปขึ้นเงินจากธนาคาร ดังนี้ แสดงว่า ผู้เสียหายได้ตกลงเปลี่ยนตัวลูกหนี้และยอมรับเอาเช็คของ ม. แทนเช็คพิพาท อันเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้และเช็คด้วย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 350เช็คพิพาทจึงถูกยกเลิกไป แม้ผู้เสียหายจะนำเช็คพิพาทไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยก็ไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้และเช็ค ทำให้เช็คเดิมเป็นโมฆะ ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย ต่อมา ม. ได้ตกลงกับผู้เสียหายไม่ให้นำเช็คของจำเลยไปขึ้นเงินในวันที่เช็คถึงกำหนดโดยผู้เสียหายได้ยอมรับเอาเช็คของ ม. ซึ่งมีจำนวนเงินเท่ากันไว้แทนเช็คของจำเลย และเมื่อเช็คถึงกำหนดผู้เสียหายก็นำเช็คของ ม. ไปขึ้นเงินจากธนาคาร แสดงว่าผู้เสียหายได้ตกลงเปลี่ยนตัวลูกหนี้และยอมรับเอาเช็คของ ม. แทนเช็คของจำเลยแล้วเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้และเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 เช็คของจำเลยจึงถูกยกเลิกไป แม้ต่อมาผู้เสียหายนำเช็คของจำเลยไปขึ้นเงินและธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยก็ไม่มีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากากรใช้เช็ค.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนตัวลูกหนี้และเช็คทำให้เช็คเดิมเป็นโมฆะ ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย ต่อมา ม. ได้ตกลงกับผู้เสียหายไม่ให้นำเช็คของจำเลยไปขึ้นเงินในวันที่เช็คถึงกำหนดโดยผู้เสียหายได้ยอมรับเอาเช็คของ ม. ซึ่งมีจำนวนเงินเท่ากันไว้แทนเช็คของจำเลย และเมื่อเช็คถึงกำหนดผู้เสียหายก็นำเช็คของ ม. ไปขึ้นเงินจากธนาคาร แสดงว่าผู้เสียหายได้ตกลงเปลี่ยนตัวลูกหนี้และยอมรับเอาเช็คของม. แทนเช็คของจำเลยแล้วเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้และเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 เช็คของจำเลยจึงถูกยกเลิกไป แม้ต่อมาผู้เสียหายนำเช็คของจำเลยไปขึ้นเงินและธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยก็ไม่มีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากากรใช้เช็ค.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3683/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรชั่วคราวและการเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง
จำเลยได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราวโดยมีชื่อ อยู่ในทะเบียนญวนอพยพ ต่อมาจำเลยหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมืองฯ มาตรา 39 ให้ถือว่าการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเป็นอันสิ้นสุด เมื่อจำเลยกลับเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรอีก ก็ต้องเป็นความผิดตามมาตรา 81 ดังนี้ การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายมีคำสั่งอนุมัติให้ถอน ชื่อ จำเลยจากทะเบียนญวนอพยพ จะเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะการถอน ชื่อ จำเลยออกจากทะเบียนญวนอพยพกับการอนุญาตถูกเพิกถอนเป็นคนละกรณีกัน ฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15,215,225.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3683/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดการอนุญาตอยู่ชั่วคราวและการเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราวโดยมีชื่ออยู่ในทะเบียนญวนอพยพ ต่อมาจำเลยหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองมาตรา 39 ให้ถือว่าการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเป็นอันสิ้นสุด ดังนี้เมื่อจำเลยกลับเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรอีกก็ต้องเป็นความผิดตามมาตรา 81 การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายมีคำสั่งอนุมัติให้ถอนชื่อจำเลยจากทะเบียนญวนอพยพ คำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะการถอนชื่อจำเลยออกจากทะเบียนญวนอพยพกับการอนุญาตถูกเพิกถอนเป็นคนละกรณีกัน ฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15, 215, 225.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3683/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและการกระทำความผิดฐานอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราวโดยมีชื่ออยู่ในทะเบียนญวนอพยพ ต่อมาจำเลยหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองมาตรา 39 ให้ถือว่าการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเป็นอันสิ้นสุด ดังนี้เมื่อจำเลยกลับเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรอีกก็ต้องเป็นความผิดตามมาตรา 81 การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายมีคำสั่งอนุมัติให้ถอนชื่อจำเลยจากทะเบียนญวนอพยพคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะการถอนชื่อจำเลยออกจากทะเบียนญวนอพยพกับการอนุญาตถูกเพิกถอนเป็นคนละกรณีกัน ฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15,215,225.