คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นิเวศน์ คำผอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,435 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี แม้สัญญาหมดอายุ ยังคงคิดดอกเบี้ยได้หากมีการเดินสะพัดบัญชีต่อเนื่อง
แม้สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจะครบกำหนด แต่เมื่อโจทก์และจำเลยที่ 1 ยังคงเดินสะพัดทางบัญชีกันต่อไป โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้
หลังจากสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเลิกกันแล้ว จำเลยที่ 1 ยังมีภาระต้องชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีให้แก่โจทก์ จึงต้องรับผิดดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ในสัญญา จะถือว่าไม่ได้ตกลงเรื่องดอกเบี้ยหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยตามอัตราที่ระบุไว้ในสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีได้ เพียงแต่คิดทบต้นไม่ได้เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยทบต้นบัญชีเดินสะพัด: สิทธิคิดดอกเบี้ยตามสัญญา แม้หลังสัญญาครบกำหนด หากยังมีการเดินสะพัดทางบัญชี
แม้สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจะครบกำหนดแต่เมื่อโจทก์และจำเลยที่1ยังคงเดินสะพัดทางบัญชีกันต่อไปโจทก์จึงมีสิทธิครอบครองคิดดอกเบี้ยทบต้นได้ หลังจากสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเลิกกันแล้วจำเลยที่1ยังมีภาระต้องชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีให้แก่โจทก์จึงต้องรับผิดดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ในสัญญาจะถือว่าไม่ได้ตกลงเรื่องดอกเบี้ยหาได้ไม่โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยตามอัตราที่ระบุไว้ในสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีได้เพียงแต่คิดทบต้นไม่ได้เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1477/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความไม่ใช่สภาพแห่งข้อหา โจทก์ไม่ต้องกล่าวอ้างในคำฟ้อง
อายุความไม่ใช่สภาพแห่งข้อหา โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวในคำฟ้องว่าคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใด เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่คู่ความจะต้องนำสืบว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1477/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความไม่ใช่สภาพแห่งข้อหา โจทก์ไม่จำเป็นต้องกล่าวอ้างในคำฟ้อง แต่เป็นข้อเท็จจริงที่ต้องนำสืบ
อายุความไม่ใช่สภาพแห่งข้อหาโจทก์จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวในคำฟ้องว่าคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใดเพราะเป็นข้อเท็จจริงที่คู่ความจะต้องนำสืบว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับขนส่งตามกฎหมาย แม้ไม่มีใบอนุญาตและรถบรรทุกเอง ก็ต้องรับผิดชอบความเสียหายจากการขนส่งที่มอบหมายให้ผู้อื่น
โจทก์มอบให้จำเลยที่1ซึ่งมีจำเลยที่2เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการติดต่อดำเนินการเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรและการลากจูงตู้บรรจุสินค้าไปบรรจุสินค้าที่โรงงานของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างจังหวัดและลากจูงตู้บรรจุสินค้าดังกล่าวไปส่งมอบให้บริษัท น. ที่ท่าเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทยแม้จำเลยที่1จะไม่มีใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งและไม่มีรถบรรทุกเป็นของตนเองแต่การขนส่งและรับขนสินค้าเป็นวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งของจำเลยที่1ที่ได้จดทะเบียนไว้ก็ถือว่าจำเลยที่1ประกอบการเป็นผู้รับขนส่งของเพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าโดยปกติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา608การที่จำเลยที่1ว่าจ้างให้จำเลยที่3นำรถไปลากจูงตู้บรรจุสินค้าดังกล่าวย่อมเป็นการมอบหมายของนั้นไปอีกทอดหนึ่งเมื่อของที่รับขนสูญหายไปเพราะความผิดของจำเลยที่3จำเลยที่1และที่2จึงต้องร่วมกับจำเลยที่3รับผิดต่อโจทก์ด้วยตามมาตรา617

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับขนส่งและผู้มอบหมายการขนส่ง กรณีสินค้าสูญหาย
จำเลยที่ 3 ลงชื่อจะมาทราบคำสั่งศาลในวันที่ 30 ตุลาคม2534 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 3เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2534 ถือว่าจำเลยที่ 3 ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยที่ 3นำส่งสำเนาฎีกาแก่โจทก์และกรณีส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฎีกาแล้ว เมื่อส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ จำเลยที่ 3มิได้แถลงตามคำสั่งศาลชั้นต้น ถือว่าจำเลยที่ 3 ทิ้งฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบมาตรา 246, 247
จำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์ในการขนส่งและรับขนสินค้า ได้รับจ้างโจทก์จัดหารถไปบรรทุกสินค้าจากโรงงานของโจทก์ไปที่ท่าเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในวันที่มีการขนสินค้าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ไปดูการบรรจุสินค้าเข้าตู้บรรจุสินค้าที่โรงงานของโจทก์และเป็นผู้ส่งมอบตู้บรรจุสินค้าของโจทก์ให้แก่บริษัท น. ที่ท่าเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทยและเป็นผู้รับเงินค่าจ้างขนส่งทั้งหมดจากโจทก์ โดยในใบเสร็จรับเงินของจำเลยที่ 1ระบุว่าเป็นค่าบริการลากจูงตู้บรรจุสินค้าที่จำเลยที่ 1 รับจากโจทก์ ทั้งก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เคยว่าจ้างจำเลยที่ 3 ขนส่งสินค้าให้แก่โจทก์มาแล้วหลายครั้ง ตามพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ประกอบการเป็นผู้รับขนส่งของเพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าโดยปกติและได้รับค่าระวางพาหนะจากโจทก์ แม้จำเลยที่ 1ไม่มีใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งและไม่มีรถบรรทุกเป็นของตนเอง จำเลยที่ 1ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ขนส่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 608 และการที่จำเลยที่ 1 ว่าจ้างให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้นำรถไปลากจูงตู้บรรจุสินค้าของโจทก์ ย่อมเป็นการมอบหมายของนั้นไปอีกทอดหนึ่ง เมื่อของที่รับขนสูญหายไปเพราะความผิดของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุคคลที่จำเลยที่ 1 มอบหมายของนั้นไป จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 3 รับผิดต่อโจทก์ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 617

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่ารักษาพยาบาลและจัดการศพจากละเมิด: ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากผู้ทำละเมิดหากไม่ใช่การรับช่วงสิทธิ
เงินค่ารักษาพยาบาลผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บและค่าจัดการศพผู้ตายที่โดยสารมาในรถยนต์โดยสารของโจทก์ที่ถูกรถยนต์ของจำเลยชนที่โจทก์จ่ายไปตามระเบียบของบริษัทข.ที่โจทก์นำรถยนต์โดยสารเข้าร่วมบริการไม่มีกฎหมายให้สิทธิแก่ผู้ที่จ่ายที่จะเรียกร้องจากผู้ทำละเมิดได้ทั้งกรณีไม่ใช่การรับช่วงสิทธิตามกฎหมายจำเลยจึงไม่ต้องชดใช้เงินดังกล่าวให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและค่าจัดการศพของผู้ที่จ่ายแทนผู้อื่นที่ถูกละเมิด
เงินค่ารักษาพยาบาลและค่าจัดการศพให้แก่ผู้โดยสารที่โดยสารมาในรถคันเกิดเหตุของโจทก์ แม้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้จ่ายไปในการรักษาพยาบาลแก่ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ และค่าจัดการศพผู้ตายที่โดยสารมาในรถยนต์โดยสารของโจทก์ก็ตาม โจทก์ก็หามีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 นายจ้างของผู้ทำละเมิดชดใช้ไม่ เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้สิทธิแก่ผู้ที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าจัดการศพแก่ผู้อื่นที่ถูกทำละเมิดเรียกร้องเอาค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากผู้ทำละเมิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243-1244/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดินมีข้อบกพร่องเรื่องเนื้อที่และทางเข้าออก ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกร้องเงินคืน
จำเลยที่2เป็นโจทก์ในสำนวนหลังฟ้องอ้างว่าหลังจากทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์แล้วต่อมาได้ตรวจสอบที่ดินทราบว่าที่ดินไม่มีทางเข้าออกและเนื้อที่ขาดหายไปประมาณ3ไร่โจทก์ให้การสู้คดีโดยมิได้ปฏิเสธให้แจ้งชัดว่าที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายมิได้มีเนื้อที่ขาดหายไปดังคำฟ้องจึงต้องฟังว่าโจทก์ยอมรับว่าที่ดินตามฟ้องเนื้อที่ขาดหายไปประมาณ3ไร่ที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายระบุมีเนื้อที่รวม15ไร่2งาน36ตารางวาเมื่อเนื้อที่ขาดหายไปประมาณ3ไร่การขาดหายจึงเกินจำนวนร้อยละห้าจำเลยที่2ผู้ซื้อจึงมีสิทธิบอกปัดไม่รับโอนที่ดินดังกล่าวจากโจทก์ได้ จำเลยที่1อายัดเช็คค่าดอกเบี้ยตามสัญญาจะซื้อขายภายหลังจำเลยที่2ตรวจพบว่าที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายเนื้อที่ขาดหายไปประมาณ3ไร่ถือได้ว่าเป็นการอายัดสืบเนื่องมาจากจำเลยที่2มีสิทธิบอกปัดไม่รับโอนที่ดินและบอกเลิกสัญญาจะซื้อขายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา466จึงไม่เป็นการประพฤติผิดสัญญาจะซื้อขายที่เป็นเหตุให้โจทก์อ้างสิทธิเบิกสัญญาและริบมัดจำตามสัญญาจะซื้อขายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยตกเป็นโมฆียะจากข้อมูลเท็จ ผลผูกพันตามคำพิพากษาเดิม
โจทก์เคยถูกฟ้องเป็นจำเลยรวมสองสำนวนเรื่อง ละเมิดศาลเรียกจำเลยในคดีนี้เข้าเป็น จำเลยร่วมในคดีดังกล่าวและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าขณะเกิดเหตุรถโดยสารของโจทก์พลิกคว่ำโจทก์ยังไม่ได้ทำสัญญา ประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวกับจำเลยหลังเกิดเหตุโจทก์ให้จำเลยออกกรมธรรม์คุ้มครองย้อนหลังไปถึงวันเกิดเหตุโดยไม่บอกความจริงว่ารถยนต์เกิดอุบัติเหตุแล้วสัญญาประกันภัยจึงตกเป็น โมฆียะ เมื่อจำเลย บอกล้างสัญญาประกันภัยย่อมสิ้นความผูกพันและ คดีถึงที่สุดไปแล้วดังนี้การที่โจทก์นำสัญญาประกันภัยในรถยนต์คันเดียวกันมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีกหาชอบไม่เพราะโจทก์เป็น คู่ความในกระบวนพิจารณาคำพิพากษามีผลผูกพันโจทก์โจทก์จะโต้แย้งว่าสัญญาประกันภัยยังมีผลบังคับและจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145วรรคแรก
of 144