คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปิ่นทิพย์ สุจริตกุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 976 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2303/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อทาวน์เฮาส์เพื่อขายเก็งกำไร ถือเป็นการค้า ต้องเสียภาษีการค้า
โจทก์ซื้อทาวน์เฮาส์ พิพาทไว้เพื่อจะขายต่อเอากำไร และได้ชำระเงินค่าทาวน์เฮาส์ ให้แก่ผู้ขายครบถ้วนแล้ว แต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนกัน การที่โจทก์ให้บริษัทผู้ขายโอนทาวน์เฮาส์ ให้แก่บริษัท ย.โดยตรงโดยโจทก์ได้รับค่าตอบแทนจากอ. แม้มิได้ทำสัญญาซื้อขายก็มีความหมายเช่นเดียวกับการขายทาวน์เฮาส์ มิใช่เป็นการขายสิทธิในการซื้อทาวน์เฮาส์ ตามที่โจทก์อ้าง และถือได้ว่าเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบการค้า ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรมาตรา 77,78 ประกอบด้วยบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 11 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 บัญญัติไว้เป็นหลักทั่วไปว่า ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีย่อมตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี ดังนั้น ศาลย่อมมีหน้าที่ต้องวินิจฉัยสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามกฎหมายอยู่แล้วแม้จำเลยจะมิได้มีคำขอเกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็มีหน้าที่ต้องสั่งเกี่ยวกับเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2303/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายทาวน์เฮาส์เพื่อหากำไรและการเสียภาษีการค้า
โจทก์ซื้อทาวน์เฮาส์ พิพาทไว้เพื่อจะขายต่อเอากำไร และได้ชำระเงินค่าทาวน์เฮาส์ ให้แก่ผู้ขายครบถ้วนแล้ว แต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนกัน ดังนั้นการที่โจทก์ให้บริษัทผู้ขายโอนทาวน์เฮาส์ให้แก่บริษัท ย.โดยตรงโดยโจทก์ได้รับค่าตอบแทนจากอ. แม้มิได้ทำสัญญาซื้อขายก็มีความหมายเช่นเดียวกับการขายทาวน์เฮาส์ มิใช่เป็นการขายสิทธิในการซื้อทาวน์เฮาส์ ตามที่โจทก์อ้าง และถือได้ว่าเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางการค้าหรือหากำไร โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบการค้า ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา77,78 ประกอบด้วยบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 11 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 บัญญัติไว้เป็นหลักทั่วไปว่า ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีย่อมตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี ดังนั้นศาลย่อมมีหน้าที่ต้องวินิจฉัยสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามกฎหมายอยู่แล้ว แม้จำเลยจะมิได้มีคำขอเกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็มีหน้าที่ต้องสั่งเกี่ยวกับเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับเช็คพิพาทโดยคบคิดฉ้อฉล ทำให้ผู้รับโอนไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบธรรม จำเลยมีสิทธิยกข้อต่อสู้ได้
การที่โจทก์รับเช็คพิพาทไว้โดยคบคิดกับ ส. หุ้นส่วนผู้จัดกาของห้างหุ้นส่วน ส. เพื่อฉ้อฉลจำเลยนั้น จำเลยย่อมมีสิทธิยกข้อต่อสู้ที่มีต่อห้างหุ้นส่วน ส. ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ ตามป.พ.พ. มาตรา 916 ประกอบด้วย มาตรา 989 ฉะนั้นเมื่อห้างหุ้นส่วนส. เป็นฝ่ายผิดสัญญากับจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คให้แก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2240/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลพิจารณาจากลักษณะการทำร้ายและผลที่เกิดขึ้น
การที่จำเลยใช้ไม้หน้ากว้าง 4 นิ้ว หนา 2 นิ้ว ยาว 2 ฟุต 8 นิ้วซึ่งเป็นไม้ขนาดใหญ่และเป็นไม้เนื้อแข็งใช้สำหรับทำวงกบประตูหรือหน้าต่างตีที่ศีรษะผู้ตาย ในขณะที่ผู้ตายนั่งอยู่ไม่ได้ระวังตัวเป็นการเลือกตีตามใจชอบและเลือกตีที่สำคัญ แม้จะตีเพียงทีเดียวและกะโหลก ศีรษะผู้ตายไม่แตกร้าวก็ตาม แต่ปรากฏว่ามีเลือดคั่งในสมองส่วนลึกของผู้ตาย แสดงว่าจำเลยตีผู้ตายอย่างแรง และปรากฏว่าผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา พฤติการณ์เช่นนั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่า อาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2240/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลฎีกาตัดสินว่าการกระทำนั้นเล็งเห็นผลถึงความตายได้
จำเลยใช้ไม้หน้ากว้าง 4 นิ้ว หนา 2 นิ้ว ยาว 2 ฟุต 8 นิ้วซึ่งเป็นไม้ขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็งใช้สำหรับทำวงกบประตูหรือหน้าต่าง ตีที่ศีรษะผู้ตายในขณะที่ผู้ตายนั่งอยู่ไม่ได้ระวังตัว เป็นการเลือกตีตามใจชอบและเลือกตีที่สำคัญแม้จะตีเพียงทีเดียว และกะโหลกศีรษะผู้ตายไม่แตกร้าว แต่เมื่อถูกตีแล้วผู้ตายก็ฟุบลงกับโต๊ะทันทีและมีเลือดคั่งในสมองส่วนลึก แสดงว่าจำเลยตีผู้ตายอย่างแรง และปรากฏว่าผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาพฤติการณ์เช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
ไม้ของกลางโจทก์ไม่ได้โต้แย้งว่าเจ้าของแท้จริงรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่พิพากษาว่าไม่ริบไม้ของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2240/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลฎีกาวินิจฉัยเจตนาจากพฤติการณ์การกระทำ
จำเลยใช้ไม้หน้ากว้าง 4 นิ้ว หนา 2 นิ้ว ยาว 2 ฟุต 8 นิ้วซึ่งเป็นไม้ขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็งใช้สำหรับทำวงกบประตูหรือหน้าต่าง ตีที่ศีรษะผู้ตายในขณะที่ผู้ตายนั่งอยู่ไม่ได้ระวังตัว เป็นการเลือกตีตามใจชอบและเลือกตีที่สำคัญแม้จะตีเพียงทีเดียว และกะโหลกศีรษะผู้ตายไม่แตกร้าว แต่เมื่อถูกตีแล้วผู้ตายก็ฟุบลงกับโต๊ะทันทีและมีเลือดคั่งในสมองส่วนลึก แสดงว่าจำเลยตีผู้ตายอย่างแรง และปรากฏว่าผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาพฤติการณ์เช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ไม้ของกลางโจทก์ไม่ได้โต้แย้งว่าเจ้าของแท้จริงรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่พิพากษาว่าไม่ริบไม้ของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาชำระหนี้ให้โจทก์ แม้ระบุชื่อผู้รับเงินผิดพลาด โจทก์ยังคงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ
จำเลยสั่งจ่ายเช็คระบุชื่อ ว. เป็นผู้รับเงินโดยเข้าใจว่าว.เป็นเจ้าของกิจการของโจทก์เพราะว. เป็นผู้ติดต่อค้าขายกับจำเลยตลอดมา นอกจากนี้ ว. ยังเป็นหุ้นส่วนซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทโดยมีเจตนาชำระหนี้ให้โจทก์ แต่ระบุชื่อ ว. เป็นผู้รับเงินแทนโจทก์จำเลยหาได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ว. ในฐานะส่วนตัวไม่ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมมีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีมูลหนี้-ฉ้อฉล: โจทก์-ทายาทสมคบกันฟ้องเรียกหนี้จากจำเลยที่ไม่เคยทำสัญญาซื้อขาย
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาท 2 ฉบับ กับเช็คอื่นอีก 22 ฉบับ เพื่อเป็นค่ามัดจำในการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจาก ซ.แต่ซ.ถึงแก่กรรมเสียก่อนจึงมิได้ทำสัญญาซื้อขายกับจำเลย เช็คพิพาทตกอยู่ในความครอบครองของ ม. บุตรของ ซ. และ ม. ก็ไม่ยอมขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้จำเลย แต่กลับมอบเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อให้โจทก์นำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาและเป็นคดีนี้การกระทำของโจทก์และ ม. จึงเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลเพื่อทำให้จำเลยไม่สามารถอ้างข้อต่อสู้ที่มีต่อ ซ. และ ม. มายันโจทก์ในคดีนี้ได้ เมื่อความจริงมูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้มีอยู่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 ประกอบมาตรา 989.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือยนต์ที่ใช้ทำประมงผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.การประมง เนื่องจากเข้าข่ายเครื่องมือทำการประมงที่ถูกห้าม
พ.ร.บ. การประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 4(3) บัญญัติให้เรือที่ใช้ทำการประมงเป็นเครื่องมือทำการประมง และได้มีประกาศกระทรวงเกษตร กำหนดเขตห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุน ที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงในเขตที่ระบุไว้ เมื่อจำเลยใช้เรือยนต์ของกลางทำการประมงในเขตดังกล่าวโดยใช้กับอวนรุน เรือยนต์ดังกล่าวจึงเป็นเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงตาม พ.ร.บ.การประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 32(2) ซึ่งต้องริบตามมาตรา 70.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือยนต์และอวนรุนที่ใช้ทำการประมงในเขตห้าม ตาม พ.ร.บ.การประมง
พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 4(3) บัญญัติให้เรือที่ใช้ ทำการประมงเป็นเครื่องมือทำการประมง และได้มีประกาศกระทรวงเกษตร กำหนดเขตห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนรุนที่ใช้กับเรือยนต์ทำการประมงในเขตที่ระบุไว้ เมื่อจำเลยใช้เรือยนต์ของกลางทำการประมงในเขตดังกล่าวโดยใช้กับอวนรุน เรือยนต์ดังกล่าวจึงเป็นเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงตาม พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 32(2) ซึ่งต้อง ริบตาม มาตรา 70.
of 98