คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปิ่นทิพย์ สุจริตกุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 976 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทเลินเล่อในการขับแซงและหักหลบ ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน
จำเลยขับรถยนต์โดยสารตาม หลังรถยนต์บรรทุกมาตามถนน ก่อนจะถึง สะพานจำเลยได้ ขับรถยนต์โดยสารแซง รถยนต์บรรทุกแล้วขับรถเข้าทางด้านซ้าย มือ จำเลยขับรถยนต์โดยสารนำหน้ารถยนต์บรรทุกไปได้ อีกเพียงเล็กน้อย จำเลยก็ห้ามล้อรถยนต์โดยสารอย่างกะทันหันเนื่องจากบนสะพานมีรถเข็นคันหนึ่งกำลังแล่นไปในทิศทางเดียวกันและมีรถอีกคันหนึ่งแล่นสวนมาเป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกซึ่ง แล่นตาม หลังหยุดไม่ทัน พุ่ง เข้าชนท้าย รถยนต์โดยสารที่จำเลยขับทันทีโดย จุดชนอยู่ห่างเชิงสะพานประมาณ 5 เมตร ดังนี้แสดงว่าจำเลยเป็นฝ่ายขับรถโดยประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถแซงแล้วหักเลี้ยว ทำให้รถชนท้าย เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก
พฤติการณ์ที่จำเลยขับรถยนต์ โดย แซง รถยนต์บรรทุกซึ่ง แล่น เกือบจะถึง เชิงสะพาน เมื่อแซง พ้นแล้ว และขณะที่รถยนต์โดยสาร เพิ่งแล่นเข้าทางด้านซ้ายมือตาม ปกติยังแล่นนำหน้ารถยนต์บรรทุก เพียงเล็กน้อยจำเลยก็ห้ามล้อ รถยนต์โดยสารอย่างกะทันหัน เป็นเหตุ ให้รถยนต์บรรทุกซึ่งแล่นตาม หลังหยุดรถไม่ทัน พุ่ง เข้าชนท้าย รถยนต์ โดยสารที่จำเลยขับทันที ดังนี้ เป็นความประมาทในการขับรถของจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขับรถประมาททำให้เกิดอุบัติเหตุ: การแซงในที่คับขันและการห้ามล้อกะทันหัน
จำเลยขับรถยนต์โดยสารตามหลังรถยนต์บรรทุกมาตามถนน ก่อนจะถึงสะพานจำเลยได้ขับรถยนต์โดยสารแซงรถยนต์บรรทุกแล้วขับรถเข้าทางด้านซ้ายมือ จำเลยขับรถยนต์โดยสารนำหน้ารถยนต์บรรทุกไปได้อีกเพียงเล็กน้อย จำเลยก็ห้ามล้อรถยนต์โดยสารอย่างกะทันหันเนื่องจากบนสะพานมีรถเข็นคันหนึ่งกำลังแล่นไปในทิศทางเดียวกันและมีรถอีกคันหนึ่งแล่นสวนมาเป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกซึ่งแล่นตามหลังหยุดไม่ทัน พุ่งเข้าชนท้ายรถยนต์โดยสารที่จำเลยขับทันทีโดย จุดชนอยู่ห่างเชิงสะพานประมาณ 5 เมตร ดังนี้แสดงว่าจำเลยเป็นฝ่ายขับรถโดยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1959/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ แม้ครอบครองนานเกิน 10 ปี หากเข้าใจว่าเป็นที่ดินของผู้อื่น ไม่ได้กรรมสิทธิ์
จำเลยกับพวกเข้าครอบครองที่พิพาทโดยเข้าใจว่าเป็นของกองทัพบก และรับว่าหากกองทัพบกจะเอาคืน จำเลยกับพวกก็จะคืนให้การครอบครองที่พิพาทของจำเลยกับพวกจึงมีลักษณะเป็นการครอบครองชั่วคราว มิได้ครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ แม้จะครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ก็หาได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ผู้รับเงินเพื่อหักค่าใช้จ่ายทางภาษี ต้องมีหลักฐานชัดเจน ลายเซ็นไม่ตรงกับตัวอย่างธนาคารไม่อาจรับฟังได้
โจทก์อ้างว่า ต. หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ซ. ได้ โอนเงินเข้าบัญชีโจทก์เป็นเงิน764,268 บาท โดยเข้าใจผิดว่ามีการซื้อ ขายไม้กัน แต่ เมื่อโจทก์ ทราบเรื่องก็ได้จ่าย เงินจำนวน 764,268 บาท คืนในวันเดียวกัน โดย สั่งจ่ายเป็นเช็ค เงินสดแก่ผู้ถือ จึงไม่อาจชี้ ได้ ว่าใครเป็น ผู้รับเงินตาม เช็คฉบับ นี้คงมีแต่ ลายเซ็นภาษาจีนที่ด้านหลังเช็ค ซึ่ง มีลักษณะไม่ตรง กับลายเซ็นตัวอย่างของ ต. ที่มอบไว้แก่ธนาคารพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า ต. เป็นผู้รับเงินไป ถือ ว่ารายจ่ายดังกล่าวเป็นรายจ่ายซึ่ง ผู้จ่ายพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ จึงถือ เป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิจะนำเงินจำนวน 764,268 บาท มาหักออกจากรายรับได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1864/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องคัดค้านการยึดทรัพย์เกินกำหนดตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา
ผู้ประกันซึ่งผิดสัญญาประกันยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2532 ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของผู้ประกันโดยไม่ถูกต้อง ผู้ประกันจึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการถอนการยึด พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้ประกันทราบเรื่องการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งแต่วันดังกล่าวการที่ผู้ประกันมายื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกเลิกคำสั่งยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2532จึงเป็นการยื่นเมื่อเกินกำหนด 8 วันแล้ว ผู้ประกันไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกกระบวนวิธีการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 249(คดีนี้มิใช่เป็นเรื่องการบังคับตามสัญญาประกันโดยตรง แต่พิพาทกันในเรื่องค่าธรรมเนียมถอนการยึด คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงไม่เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119ผู้ประกันฎีกาได้).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1864/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องคัดค้านการยึดทรัพย์เกินกำหนดตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา
ผู้ประกันซึ่งผิดสัญญาประกันยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2532 ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของผู้ประกันโดยไม่ถูกต้อง ผู้ประกันจึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการถอนการยึด พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้ประกันทราบเรื่องการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งแต่วันดังกล่าวการที่ผู้ประกันมายื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกเลิกคำสั่งยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2532จึงเป็นการยื่นเมื่อเกินกำหนด 8 วันแล้ว ผู้ประกันไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกกระบวนวิธีการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 249 (คดีนี้มิใช่เป็นเรื่องการบังคับตามสัญญาประกันโดยตรง แต่พิพาทกันในเรื่องค่าธรรมเนียมถอนการยึด คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงไม่เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119ผู้ประกันฎีกาได้).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1864/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องคัดค้านการยึดทรัพย์เกินกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย ทำให้สิทธิในการคัดค้านสิ้นสุดลง
ผู้ประกันได้ ยื่นคำร้องต่อ ศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน2532 ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ ยึดทรัพย์ของผู้ประกันโดย ไม่ถูกต้อง แสดงว่าผู้ประกันทราบเรื่องการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งแต่ วันที่ 20 เมษายน 2532 การที่ผู้ประกันมายื่นคำร้องต่อ ศาลชั้นต้นขอให้ยกเลิกคำสั่งยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2532 จึงเป็นการยื่นเมื่อเกินกำหนด 8 วันแล้วผู้ประกันจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกกระบวนวิธีการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง ประกอบป.วิ.อ. มาตรา 249.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาภาษีอากร: ราคาที่สำแดงตามใบขนสินค้าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือไม่
โจทก์นำสินค้าประเภทอะไหล่รถจักรยานยนต์เข้ามาในราชอาณาจักรระหว่างเดือน มกราคมถึง เดือน กรกฎาคม 2529 และได้ สำแดงราคาสินค้าขณะนำเข้าตรง ตาม บัญชีที่ซื้อ สินค้ามาดังนี้น่าเชื่อว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ เพื่อเสียภาษีอากรตามใบขนส่งสินค้านั้นเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ส่วนราคาที่บริษัทผู้ผลิตเสนอขายสินค้าประเภทเดียว กันทั่วโลก จะนำมาเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดมิได้ เพราะภาวะการตลาดของประเทศต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีศุลกากรต้องใช้ราคาแท้จริงในท้องตลาดขณะนำเข้า การเปรียบเทียบราคาที่ไม่สมเหตุสมผลเป็นเหตุให้การประเมินไม่ชอบ
เมื่อเดือน มิถุนายน 2519 จำเลยสั่งสินค้าประเภทอะไหล่รถยนต์มีเฟืองเกียร์ และเดือยหมูจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรและได้ สำแดงราคาสินค้าเพื่อเสียภาษีอากรชุด ละ 41.86 เหรียญสหรัฐเจ้าพนักงานประเมินไม่อาจประเมินราคาสินค้าได้ ในขณะนั้น จึงชักตัวอย่างไว้ตรวจสอบ ต่อมาเจ้าพนักงานได้ วิเคราะห์ข้อมูลจากสินค้าประเภทและแหล่ง เดียว กันที่มีผู้นำเข้า ปรากฏว่ามีการนำเข้าในเดือน ตุลาคม 2517 กำหนดราคาชุดละ 47.87 เหรียญสหรัฐและนำเข้าในเดือน พฤศจิกายน 2519 กำหนดราคาชุด ละ 54.90เหรียญสหรัฐ เจ้าพนักงานประเมินจึงกำหนดราคาแท้จริงในท้องตลาดสำหรับสินค้าที่จำเลยนำเข้าเท่ากับ 47.87 เหรียญสหรัฐโดย เปรียบเทียบราคาแรกกับราคาหลังซึ่ง ขึ้นลงได้ การเรียกเก็บค่าภาษีอากรกฎหมายศุลกากรให้ประเมินอากรตาม ราคาแท้จริงในท้องตลาดแห่งของนั้น เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงเพื่อเสียภาษีต่ำ กว่าราคาที่โจทก์ถือ เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเพื่อเป็นการประเมินเรียกเก็บภาษี ดังนี้ถือ ไม่ ได้ว่าจำเลยได้ สำแดงราคาสินค้าไว้ต่ำ กว่าราคาแท้จริงในท้องตลาด.
of 98