พบผลลัพธ์ทั้งหมด 976 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเว้นภาษีการค้าสำหรับเหล็กเส้นตามพระราชกฤษฎีกา ต้องเป็นไปตามบัญชีอัตราภาษีที่กำหนด ไม่สามารถใช้ดุลพินิจ
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 มิใช่บทบัญญัติที่ให้อำนาจเจ้าพนักงานที่จะใช้ดุลพินิจเรียกเก็บหรือไม่เรียกเก็บภาษีการค้าจากสินค้าประเภทที่นอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา
การขายสินค้าที่จะได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว มาตรา 5(8) จะต้องเป็นการขายสินค้า ตามประเภทการค้า ที่ 1 ชนิด 1 ก. ของบัญชีอัตราภาษีการค้า เฉพาะที่ผลิตในราชอาณาจักร และมิได้ระบุในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาเมื่อ 'เหล็กเส้น' เป็นสินค้าในบัญชีที่ 1 หมวด 4 วัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือน (4) ท้ายพระราชกฤษฎีกา โดยบัญชีดังกล่าวมิได้กำหนดว่าเหล็กเส้นนั้นจะต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าไร ดังนั้นแม้เหล็กเส้นที่โจทก์ผลิตจำหน่ายจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1 นิ้วขึ้นไป โจทก์ก็มิได้รับยกเว้นภาษีการค้า.
การขายสินค้าที่จะได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว มาตรา 5(8) จะต้องเป็นการขายสินค้า ตามประเภทการค้า ที่ 1 ชนิด 1 ก. ของบัญชีอัตราภาษีการค้า เฉพาะที่ผลิตในราชอาณาจักร และมิได้ระบุในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาเมื่อ 'เหล็กเส้น' เป็นสินค้าในบัญชีที่ 1 หมวด 4 วัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือน (4) ท้ายพระราชกฤษฎีกา โดยบัญชีดังกล่าวมิได้กำหนดว่าเหล็กเส้นนั้นจะต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าไร ดังนั้นแม้เหล็กเส้นที่โจทก์ผลิตจำหน่ายจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1 นิ้วขึ้นไป โจทก์ก็มิได้รับยกเว้นภาษีการค้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเว้นภาษีการค้าตาม พรฎ.ฉบับ 54 พ.ศ.2517 ต้องเป็นไปตามบัญชีอัตราภาษีที่กำหนด แม้ไม่มีข้อจำกัดเส้นผ่าศูนย์กลางก็ต้องเสียภาษี
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 มิใช่บทบัญญัติที่ให้อำนาจเจ้าพนักงานที่จะใช้ดุลพินิจเรียกเก็บหรือไม่เรียกเก็บภาษีการค้าจากสินค้าประเภทที่นอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา การขายสินค้าที่จะได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว มาตรา 5(8) จะต้องเป็นการขายสินค้า ตามประเภทการค้าที่ 1 ชนิด 1 ก. ของบัญชีอัตราภาษีการค้าเฉพาะที่ผลิตในราชอาณาจักรและมิได้ระบุในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกา เมื่อ "เหล็กเส้น" เป็นสินค้าในบัญชีที่ 1 หมวด 4 วัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือน (4)ท้ายพระราชกฤษฎีกาโดยบัญชีดังกล่าวมิได้กำหนดว่าเหล็กเส้นนั้นจะต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าไร ดังนั้น แม้เหล็กเส้นที่โจทก์ผลิตจำหน่ายจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1 นิ้วขึ้นไป โจทก์ก็มิได้รับยกเว้นภาษีการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเว้นภาษีการค้าสำหรับเหล็กเส้นตามพระราชกฤษฎีกา ต้องเป็นไปตามประเภทและลักษณะที่กำหนด
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 มิใช่บทบัญญัติที่ให้อำนาจเจ้าพนักงานที่จะใช้ดุลพินิจเรียกเก็บหรือไม่เรียกเก็บภาษีการค้าจากสินค้าประเภท ที่นอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา
การขายสินค้าที่จะได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว มาตรา 5 (8) จะต้องเป็นการขายสินค้า ตามประเภทการค้า ที่ 1 ชนิด 1 ก. ของบัญชีอัตราภาษีการค้า เฉพาะที่ผลิตในราชอาณาจักร และมิได้ระบุในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาเมื่อ 'เหล็กเส้น' เป็นสินค้าในบัญชีที่ 1 หมวด 4 วัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือน (4) ท้ายพระราชกฤษฎีกา โดยบัญชีดังกล่าวมิได้กำหนดว่าเหล็กเส้นนั้นจะต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าไร ดังนั้นแม้เหล็กเส้นที่โจทก์ผลิตจำหน่ายจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1 นิ้วขึ้นไป โจทก์ก็มิได้รับยกเว้นภาษีการค้า.
การขายสินค้าที่จะได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว มาตรา 5 (8) จะต้องเป็นการขายสินค้า ตามประเภทการค้า ที่ 1 ชนิด 1 ก. ของบัญชีอัตราภาษีการค้า เฉพาะที่ผลิตในราชอาณาจักร และมิได้ระบุในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาเมื่อ 'เหล็กเส้น' เป็นสินค้าในบัญชีที่ 1 หมวด 4 วัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือน (4) ท้ายพระราชกฤษฎีกา โดยบัญชีดังกล่าวมิได้กำหนดว่าเหล็กเส้นนั้นจะต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าไร ดังนั้นแม้เหล็กเส้นที่โจทก์ผลิตจำหน่ายจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1 นิ้วขึ้นไป โจทก์ก็มิได้รับยกเว้นภาษีการค้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาบริการทางวิชาการของคนต่างด้าว: ประกาศ คณะปฏิวัติ 281 ใช้บังคับเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจโดยตรง
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ใช้บังคับเฉพาะแก่คนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยเท่านั้น สัญญาที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยใช้ความรู้ข้อมูลทางวิชาการ และชื่อเสียงของโจทก์ในประเทศไทย หาใช่เป็นสัญญาที่โจทก์เข้ามาประกอบธุรกิจหรือส่งคนเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยไม่ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์เคยส่งคนเข้ามาช่วยในบริษัทจำเลยซึ่งอยู่ในประเทศไทยสัญญานี้จึงไม่ต้องห้ามตามประกาศของคณะปฏิบัติฉบับดังกล่าวและใช้บังคับได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาบริการทางวิชาการของคนต่างด้าว: ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 ใช้บังคับเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจโดยตรง
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ใช้บังคับเฉพาะแก่คนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยเท่านั้น สัญญาที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยใช้ความรู้ข้อมูลทางวิชาการ และชื่อเสียงของโจทก์ในประเทศไทย หาใช่เป็นสัญญาที่โจทก์เข้ามาประกอบธุรกิจหรือส่งคนเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยไม่ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์เคยส่งคนเข้ามาช่วยในบริษัทจำเลยซึ่งอยู่ในประเทศไทยสัญญานี้จึงไม่ต้องห้ามตามประกาศของคณะปฏิบัติฉบับดังกลา่าวและใช้บังคับได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาบริการทางวิชาการของคนต่างด้าว: ประกาศคณะปฏิวัติใช้บังคับเฉพาะการประกอบธุรกิจโดยตรง
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ใช้บังคับเฉพาะแก่คนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยเท่านั้น สัญญาที่โจทก์ให้สิทธิจำเลยใช้ความรู้ข้อมูลทางวิชาการและชื่อเสียงของโจทก์ในประเทศไทย หาใช่เป็นสัญญาที่โจทก์เข้ามาประกอบธุรกิจหรือส่งคนเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยไม่ ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์เคยส่งคนเข้ามาช่วยในบริษัทจำเลยซึ่งอยู่ในประเทศไทย สัญญานี้จึงไม่ต้องห้ามตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวและใช้บังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3330/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแจ้งความเท็จ/แสดงหลักฐานเท็จ ต้องระบุให้ชัดเจนว่าหลักฐานนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี
ฟ้องว่าแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี แต่มิได้บรรยายว่าพยานหลักฐานอันเป็นเท็จที่จำเลยแสดงต่อศาลนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร อีกทั้งเมื่ออ่านคำฟ้องของโจทก์ทั้งหมดแล้วก็ไม่อาจเข้าใจได้เช่นนั้น คำฟ้องของโจทก์จึงขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3330/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเท็จในชั้นศาลต้องแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของหลักฐานต่อคดี
ฟ้องว่าแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีแต่มิได้บรรยายว่าพยานหลักฐานอันเป็นเท็จที่จำเลยแสดงต่อศาลนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร อีกทั้งเมื่ออ่านคำฟ้องของโจทก์ทั้งหมดแล้วก็ไม่อาจเข้าใจได้เช่นนั้นคำฟ้องของโจทก์จึงขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนทรัพย์สินของผู้เสียหายในคดีอาญา ต้องมีการฟ้องคดีต่อศาลก่อน จึงจะอ้างมาตรา 36 เพื่อขอคืนทรัพย์สินได้
การที่เจ้าของแท้จริงจะร้องขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 โดยอ้างว่าตนเองมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดนั้น จะต้องเป็นกรณีที่ได้มีการฟ้องคดีต่อศาลแล้วเท่านั้นเมื่อมิได้มีการฟ้องคดีต่อศาล ผู้ร้องจึงจะมาร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนทรัพย์สินของกลางที่ถูกยึดโดยมิได้ฟ้องคดี ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าต้องมีการฟ้องคดีก่อน จึงจะขอคืนได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
การที่เจ้าของแท้จริงจะร้องขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 โดยอ้างว่าตนเองมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดนั้น จะต้องเป็นกรณีที่ได้มีการฟ้องคดีต่อศาลแล้วเท่านั้นเมื่อมิได้มีการฟ้องคดีต่อศาล ผู้ร้องจึงจะมาร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องไม่ได้.